กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 861 เทศกาลรวมญาติครั้งสุดท้าย
นัยน์ตาจงฉีเฟิงเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
เมื่อเผชิญหน้ากับลูกชายก็ไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อพวกเขา
พวกเขาน่ารักมากขนาดไหน ยังไม่ทันจะได้เห็นพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่
“คุณปู่วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ คุณย่ากับคุณยายทำอาหารอร่อยเต็มโต๊ะเลยค่ะ คุณครูบอกว่าเทศกาลไหว้พระจันทร์ต้องกินขนมไหว้พระจันทร์ เป็นเทศกาลที่คนในครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน คุณปู่ คุณปู่อยากกินขนมไหว้พระจันทร์ไหมคะ” จงเหยียนซีเขยิบเข้าไปใกล้ข้างหูคุณปู่
จงฉีเฟิงถาม “ขนมไหว้พระจันทร์ไส้อะไรหรือ”
“หนูเห็นบนกล่องเขียนว่าไส้ไข่แดงเค็ม โหงวยิ้ง หมูแฮม…”
จงเหยียนซีพูดพึมพำออกมาเป็นพรวน และสุดท้ายก็เอ่ยว่า “คุณปู่อยากกินแบบไหนคะ”
จงฉีเฟิงมึนงง วันนี้เป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์นี่เอง
เป็นวันดีวันหนึ่ง
เฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์จะไม่ทานขนมไหว้พระจันทร์ได้อย่างไรกัน?
เขาเอ่ยว่าโหงวยิ้งแล้วกัน
หลินซินเหยียนพูดว่าจะไปหยิบ จงเหยียนซีดึงเอาไว้ไม่ยอม บอกว่าจะไปเองแล้ววิ่งออกไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถือขนมไหว้พระจันทร์เดินเข้ามาชิ้นหนึ่ง
เธอนอนคว่ำอยู่ที่หัวเตียง พลางเอ่ยว่า “ชิ้นใหญ่มาก คุณปู่กัดไม่สะดวก หนูจะแบ่งครึ่ง”
จงเหยียนซีแบ่งขนมไหว้พระจันทร์ออกเป็นสองส่วน เผยให้เห็นไส้ด้านใน วอลนัท อัลมอนด์ งา เมล็ดแตงโม…
เธอแบ่งเป็นชิ้นเล็กและยื่นไปที่ปากของคุณปู่ เอ่ยว่า “คุณปู่ คุณปู่ลองชิม…”
จงฉีเฟิงอ้าปาก กัดขนมไหว้พระจันทร์ที่หลานสาวป้อนให้
“อร่อยไหมคะ?” จงเหยียนซียิ้มหวาน พลางเอ่ยถาม ตอนที่เธอยิ้มนั้นคิ้วและตาจะโค้งลง จงฉีเฟิงพยักหน้า เอ่ยว่า “อร่อย”
จงเหยียนเฉินป้อนน้ำให้เขา กลัวว่าเขากินขนมไหว้พระจันทร์แล้วจะคอแห้ง หิวน้ำ
จงฉีเฟิงดื่มได้สองอึกก็ดื่มไม่ลงแล้ว
สีหน้าเขาซีดเผือดลงเรื่อยๆ แววตาเลื่อนลอย ขุ่นมัวจนไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
ลูกน้อยที่นอนอยู่ในห้องตื่นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงได้ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จวงจื่อจิ่นโอ๋ไม่ไหวจึงอุ้มมาหาหลินซินเหยียน เธอรับมา ลูกน้อยก็หยุดร้องทันที ในหน่วยตายังมีหยาดน้ำตาเอ่อคลออยู่
จงฉีเฟิงกวักมือเรียกลูกน้อย อยากจะดูเขา แต่ก็พบว่าตัวเองไม่มีแรงจะพูดอีกแล้ว
หลินซินเหยียนรับรู้ได้ถึงความคิดของจงฉีเฟิง จึงหันหน้าลูกน้อยไปทางเขา นัยน์ตาลูกน้อยกลมโต ไม่รู้ว่าเขาเห็นหรือไม่เห็น แต่นัยน์ตานั้นจ้องมองไปที่จงฉีเฟิง
คนที่อยู่นอกห้องล้วนเข้ามา ล้อมอยู่ข้างเตียงคิดอยากจะมาเยี่ยมเขาเป็นครั้งสุดท้าย
จงฉีเฟิงมองนัยน์ตาของลูกน้อย บนใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้มบางๆ และปิดตาลงอย่างเชื่องช้า
“คุณปู่!” จงเหยียนซีผลักจงฉีเฟิงเบาๆ “คุณปู่อย่าเพิ่งนอน อยู่คุยเป็นเพื่อนหนูก่อน…”
หยาดน้ำตาจงเหยียนเฉินรินไหลลงมาทันที เขารู้ความมากกว่าน้องสาว ในตอนนี้คุณปู่อาจจะจากพวกเขาไปแล้ว จากพวกเขาไปตลอดกาล ไม่สามารถพูดคุยเป็นเพื่อนพวกเขา ส่งเขาไปโรงเรียน สอนพวกเขาทำการบ้านได้อีก…
“คุณปู่…”
คุณหมอเจียงที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้องก็เดินเข้ามาตรวจร่างกายจงฉีเฟิง ตรวจเสร็จแล้วเขาก็เงยหน้ามองเวลา พยักหน้าให้กับจงจิ่งห้าว
กิริยาท่าทางเช่นนี้หมายความว่า จงฉีเฟิงได้จากไปแล้ว
จงจิ่งห้าวมือไพล่หลัง พยักหน้าให้กับคุณหมอเจียง เป็นการบอกว่ารู้แล้ว
“ผมดูเวลาแล้ว ประมาณเที่ยงคืนสิบห้านาทีได้” ถือว่าผ่านเทศกาลรวมญาติในวันนี้เรียบร้อยแล้ว
คุณหมอเจียงทอดถอนใจ “ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังของจงจิ่งห้าวกำหมัดแน่น ฝืนควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง “เผยซวน ช่วยไปส่งคุณหมอเจียงให้หน่อย”
เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา คุณหมอเจียงเอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ผมไปเอง ทางด้านนี้จำเป็นต้องมีคนจัดการ”
การจัดการเรื่องงานฌาปนกิจจำเป็นต้องมีคนจัดการ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งคุณออกไป” เสิ่นเผยซวนเอ่ย
คุณหมอเจียงพยักหน้า
จงเหยียนซีที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงเรียกคุณปู่ไม่ตื่นก็เงยหน้าไปถามหลินซินเหยียนว่า “หม่ามี๊ ทำไมคุณปู่ถึงไม่พูดกับหนูแล้วล่ะคะ? เมื่อไรคุณปู่ถึงจะตื่นนอน?”
“คุณปู่ไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว” จงเหยียนเฉินสะอื้น
“พี่โกหก!” จงเหยียนซีปากบอกว่าไม่เชื่อ แต่นัยน์ตากลับแดงระเรื่อ หยดน้ำตาเอ่อคลอหน่วยตา “พี่ชาย พี่มันคนชั่วร้าย ทำไมถึงต้องบอกว่าคุณปู่จะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วกัน?”
เอ่ยจบแล้วหยาดน้ำตาก็รินไหลลงมา
หลินซินเหยียนส่งลูกน้อยให้กับจวงจื่อจิ่น จวงจื่อจิ่นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วก็รีบรับลูกน้อยมา
เธอเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว
จงเหยียนซีกอดหมับเข้าที่เอวของหลินซินเหยียน ดวงหน้าซุกอยู่ในอ้อมแขนของเธอ “หม่ามี๊ คุณปู่ไปจากพวกเราจริงๆหรือคะ”
หลินซินเหยียนแสบโพรงจมูก พูดไม่ออกอยู่นาน
เมื่อผ่อนคลายลงแล้วถึงได้พูดกับลูกสาวว่า “คุณปู่ไปอยู่ในโลกอีกใบหนึ่งแล้ว…”
ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความเศร้าเสียใจ
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นเดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา ช่วงเวลาแห่งการจากลามักจะโศกเศร้าเสมอ
แต่กำลังของมนุษย์นั้นไม่สามารถขัดขวางได้
หลินซินเหยียนเช็ดน้ำตา กวักมือเรียกซางหยู “เธอช่วยฉันพาเด็กทั้งสองคนไปที่ห้องหน่อย”
ทุกคนล้วนเสียใจ ไม่สามารถไร้คนจัดการได้
ซางหยูเดินเม้มริมฝีปากเข้ามา อุ้มจงเหยียนซีขึ้นมา จงเหยียนซีดึงผ้าห่มอย่างไม่ยินยอม “หนูจะไม่ไปจากคุณปู่ ฮือๆ…”
เธอร้องไห้เสียใจ
จงเหยียนซีที่ดึงผ้าห่มเอ่ยเสียงติดสะอื้นว่า “หนูไม่ไป หนูจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ หลังจากนี้หนูก็จะไม่ได้เจอคุณปู่แล้ว ไม่ได้เจอคุณปู่อีกแล้ว…”
น้ำตาที่เดิมถูกหลินซินเหยียนบังคับให้กลับเข้าไปก็รินไหลออกมาทันที
เด็กทั้งสองคนร้องไห้จนทำให้ทุกคนเสียใจมากกว่าเดิม
เฉิงยู่ซิ่วทรุดตัวลงที่ข้างเตียง หลินซินเหยียนรีบไปประคองเขาเอาไว้ทันที “คุณน้า”
เสิ่นเผยซวนที่กลับมาจากการส่งคุณหมอเจียง ก็เห็นหลินซินเหยียนประคองเฉิงยู่ซิ่วด้วยท่าทางกินแรง จึงเดินเข้ามาประคองเฉิงยู่ซิ่วเอาไว้
“ประคองเขากลับไปพักผ่อนที่ห้อง” หลินซินเหยียนเอ่ยเสียงเบา
เสิ่นเผยซวนพยักหน้า เมื่อไม่เห็นจงจิ่งห้าวอยู่ในห้อง จึงถามเสียงเบาว่า “จิ่งห้าวล่ะ?”
หลินซินเหยียนไม่ทันได้สังเกต จึงเพิ่งจะพบว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง
“เธอไปหาเขา ตอนนี้เขาจะต้องเป็นทุกข์แน่นอน” เสิ่นเผยซวนเอ่ยกับเธอ
หลินซินเหยียนพยักหน้าเข้าใจ ช่วยเสิ่นเผยซวนประคองเฉิงยู่ซิ่วกลับไปที่ห้อง “นายช่วยฉันดูแลหน่อย”
เฉิงยู่ซิ่วก็อายุมากแล้ว เศร้าเสียใจขนาดนี้ เธอก็ไม่วางใจ
เสิ่นเผยซวนให้เธอวางใจ เขาดูแลอยู่ และให้เธอไปตามหาจงจิ่งห้าว
หลินซินเหยียนเดินออกจากห้องก็เห็นไฟในห้องหนังสือสว่าง จึงเดินเข้าไป
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู เธอก็ผลักประตูให้เปิดออกเบาๆ