กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 864 ต้องการคนอยู่ข้างกาย
“วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาที่บ้าน ทั้งยังให้ฉันเรียกเธอว่าอาสะใภ้ สรุปว่าคนคนนี้เป็นญาติฝ่ายไหนของพวกเรากันแน่คะ?” หลินซินเหยียนจงใจเอ่ยเรื่องในวันนี้ออกมา
เธอรู้ว่าตอนนี้จงจิ่งห้าวมีเรื่องในใจ จึงจงใจหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจเขา
จงจิ่งห้าวเหลือบตาขึ้นมอง “ผู้หญิงที่ไหนหรือ”
“เธอบอกให้ฉันเรียกเธอว่าอาสะใภ้” หลินซินเหยียนเอ่ย
จงจิ่งห้าวเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นผู้หญิงของจงหยุนเฉียง
เขาเอ่ยเล่าเรื่องราวให้กับหลินซินเหยียนฟัง “คนในครอบครัวของพวกเรานั้นมีไม่มาก ในรุ่นของคุณพ่อมีพี่น้องสองคน แต่ว่าคนหนึ่งนั้นไม่อยู่นานแล้ว พอมาถึงรุ่นผมก็มีแค่ผมแล้ว ถ้าพูดถึงจงหยุนเฉียง ก็ต้องย้อนไปในรุ่นที่แล้ว รุ่นคุณปู่ก็มีพี่น้องสองคนเช่นกัน คุณปู่เป็นคนโต เขามีน้องชายอีกคนหนึ่ง เขาไม่เชี่ยวชาญในเรื่องการทำธุรกิจ เปิดบริษัทไปสองแห่งล้วนล้มละลายหมด ในภายหลังเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะทำธุรกิจได้ จึงไม่ทำแล้ว ในมือก็ถือหุ้นของว่านเยว่กรุ๊ปเอาไว้ เขามีลูกชายคนหนึ่ง เป็นรุ่นเดียวกับคุณพ่อ แต่ว่าไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันเท่าไร”
“ในเมื่อมีนิสัยเก็บเนื้อเก็บตัว ปกติไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน อย่างนั้นทำไมเขาถึงได้รู้ว่าคุณพ่อเสียแล้วเร็วขนาดนั้นกันคะ” หลินซินเหยียนรู้สึกสงสัย
จงจิ่งห้าวมีประกายมืดมนพาดผ่านก้นบึ้งนัยน์ตา ตอนที่จงฉีเฟิงยังอยู่ เขาสงบขนาดนั้น ในวันนี้ คนเพิ่งจะจากไป เขาก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ถ้าหากกล่าวว่าในนั้นไม่มีอะไรก็เป็นไปไม่ได้
หลินซินเหยียนเป็นฝ่ายจับมือเขาเอาไว้ “ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร หลังจากนี้ค่อยว่ากันค่ะ”
ตอนนี้เรื่องสำคัญก็คือ จัดการพิธีฌาปนกิจของจงฉีเฟิงให้เรียบร้อยก่อน เธอถามเสียงเบา “อยู่ร่วมหลุมฝังศพเดียวกับคุณแม่ไหมคะ”
หลังจากที่เฉิงยู่ซิ่วเสียไป จงฉีเฟิงเศร้าเสียใจจนถึงขั้นที่แสดงออกว่ารู้สึกเสียใจในภายหลังที่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้สารภาพความในใจกับเฉิงยู่ซิ่ว เป็นสามีภรรยากันชั่วชีวิต หลินซินเหยียนคิด แม้ว่าจะไม่ได้สารภาพความในใจกันทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีความรู้สึกต่อกันแน่นอน อยู่ใต้ชายคาบ้านเดียวกัน มีปฏิสัมพันธ์กันทั้งวัน จึงเป็นธรรมดาที่จะค่อยๆเกิดเป็นความรักขึ้นมา นี่คือเรื่องปกติมาก
ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นอนร่วมเตียงเดียวกัน หลังจากตายไปแล้วได้นอนหลุมเดียวกันก็สมบูรณ์แบบเช่นกัน
จงจิ่งห้าวพยักหน้า
หลินซินเหยียนคิดว่าแบบนี้ก็ดี
จงเหยียนซีผลักประตูเข้ามา โผตัวเข้ามาในอ้อมแขนของหลินซินเหยียนกะทันหัน เธออุ้มลูกสาวขึ้นมา ให้เธอนั่งบนตักของตัวเอง ตบหลังเธอเบาๆ “หิวไหมจ๊ะ”
จงเหยียนซีพยักหน้า พิงตัวอยู่ในอ้อมแขนหลินซินเหยียน พลางเอ่ยว่า “หม่ามี๊ หนูคิดถึงคุณปู่”
หลินซินเหยียนกระชับอ้อมกอดลูกสาว ก้มหน้าจุมพิตบนหน้าผากเธอ
“ส่งเธอมาให้ผม” จงจิ่งห้าวยื่นมือมา
หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาวให้เขา ตอนนี้ลูกสาวโตแล้ว เธอใกล้จะอุ้มไม่ไหวแล้ว
“คุณพ่อ” เป็นเพราะร้องไห้บวกกับพักผ่อนไม่ค่อยดี จึงทำให้จงเหยียนซีดวงตาบวมเล็กน้อย
หลินซินเหยียนลุกขึ้นจากที่ที่ทำให้สบายใจ ที่บ้านมีคน คงไม่ดีถ้าเธอจะอยู่กับจงจิ่งห้าวในห้องนี้ จะต้องมีคนหนึ่งอยู่ด้านนอกทักทายผู้คน
ป้าหยูเก็บกวาดโต๊ะอาหาร หลินซินเหยียนเดินเข้ามา ถามเสียงเบาว่าทุกคนกินข้าวแล้วหรือยัง ป้าหยูบอกว่ากินกันน้อย แค่ดื่มน้ำแกงไปเล็กน้อย
หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอเดินไปที่ห้องรับแขก มองไปทางซางหยู “ซางหยู ตอนเย็นเธอกินอะไรแล้วหรือยัง”
ซางหยูเอ่ยว่ากินแล้ว
“เธอกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรต้องเหน็ดเหนื่อย เธอกับเผยซวนกลับไปเถอะ ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว” หลินซินเหยียนกลัวว่าซางหยูจะเหนื่อย อยู่ที่นี่ก็พักผ่อนได้ไม่ดี
เสิ่นเผยซวนเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะส่งซางหยูกลับไป”
เขาค่อยมาอีก
ตอนนี้จงจิ่งห้าวจำเป็นต้องมีคนอยู่ข้างกาย
แม้ว่าทางด้านบริษัทประกอบพิธีฌาปนกิจศพจะจัดการให้ แต่ก็ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการด้วยตัวเอง ญาติที่จะช่วยจัดการก็ไม่มี ในตอนนี้เขาจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอจัดห้องให้ซูจ้านกับฉินยาพักผ่อนห้องหนึ่ง ซูจ้านไม่ได้นอน หลังจากเสิ่นเผยซวนส่งซางหยูกลับไปเรียบร้อยแล้วก็กลับมา
ทั้งสามคนออกไปข้างนอก หลินซินเหยียนไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น ในตอนนี้มีพวกเขาสองคนอยู่ข้างกายจงจิ่งห้าว เธอก็สามารถวางใจได้บ้าง
กลางคืนเธอดูแลลูกเอง ให้ป้าหยูกับจวงจื่อจิ่นพักผ่อน ป้าหยูเอ่ย “คุณคนเดียวดูแลไม่ไหว คนเล็กให้ป้าดูแล สองคนโตรู้ความแล้ว ง่ายหน่อยค่ะ”
จวงจื่อจิ่นดูแลเฉิงยู่เวินอยู่ที่ชั้นล่าง การจากไปในครั้งนี้ของจงฉีเฟิงสร้างความสะเทือนใจให้เขาครั้งใหญ่
ฉินยาอยู่ในห้อง เธอนอนไม่หลับจึงขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนหลินซินเหยียน และถือโอกาสช่วยพวกเขาดูแลเด็กๆ
เมื่อถึงยามดึกทุกคนล้วนมีอาการง่วง และทยอยกันไปนอนแล้ว
หลินซินเหยียนหลับไปครู่หนึ่งแต่ก็มักจะฝันจนตื่น ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้กินอะไรเท่าไร ปากแห้งเป็นอย่างมาก เธอลุกขึ้นมา ห่มผ้าให้เด็กทั้งสองคนและฉินยาเรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปเทน้ำที่หน้าโต๊ะ หลังจากดื่มเสร็จแล้ว เตรียมจะกลับไปเอนตัวนอนสักหน่อย ก็พบว่าด้านนอกมีแสงสว่างเล็กน้อย เธอเดินไปที่ข้างบานหน้าต่างแล้วมองลงไป พบว่ารถที่จอดอยู่ด้านล่าง เปิดไฟหน้ารถสว่าง ดูเหมือนว่าข้างในจะมีคน แต่ไม่ได้ลงมา
เสิ่นเผยซวนนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ซูจ้านนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ ส่วนจงจิ่งห้าวนั่งอยู่เบาะหลังข้างบานหน้าต่าง วันนี้เรื่องทั่วไปส่วนใหญ่ล้วนกำหนดเรียบร้อยแล้ว กล่องบรรจุเถ้ากระดูก โลงศพและของใช้ทุกอย่างล้วนใช้ของที่ดีที่สุด
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการปลอบประโลมคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง คนก็ตายไปแล้ว ใช้สิ่งที่ดีอย่างไร คนก็ไม่กลับมาแล้ว
เสิ่นเผยซวนหยิบบุหรี่มาคาบไว้ในปาก เพื่อกระตุ้นสมอง พวกเขาสามคนมีเขาคนเดียวที่สูบ ตอนนี้ซางหยูตั้งครรภ์แล้ว เขาก็อยากจะเลิกสูบเช่นกัน
จงจิ่งห้าวยื่นมือมาทางเขาอย่างต้องการหนึ่งมวน เสิ่นเผยซวนมองเขาอย่างลังเลแวบหนึ่ง แต่ก็เขย่าออกมาจากกล่องบุหรี่มวนหนึ่งยื่นให้กับเขา
และเอนตัวไปด้านหลังเพื่อจุดไฟให้เขา
จงจิ่งห้าวไม่เคยสูบ แต่ว่าตอนนี้อยากจะใช้บางสิ่งมาทำให้ตัวเองสงบลง
เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับกลิ่นจึงสำลัก และขมวดคิ้วเล็กน้อย