กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 877 ผมไม่เคยรักคุณเลยสักครั้ง
” เท่านี้ก็จะมีพี่ชายคอยปกป้องแล้ว ” ซางหยูพูดตามมาติดๆ
หลินซินเหยียนเงยหน้าหันไปมองซางหยู ” ถ้างั้นเธอก็คลอดลูกสาวแล้วให้แกแต่งงานกับลูกน้อยสิ จะได้ปกป้องกันไปทั้งชีวิตเลยไง ”
ซางหยูหัวเราะ
นี่มันก็น่าคาดหวังอยู่นะ
ถ้ามีวันนั้นจริงๆ มันคงจะเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าพรหมลิขิตมากๆเลยใช่ไหม?
จงจิ่งห้าวขึ้นมาแล้ว ซางหยูก็ออกไป
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของเขาดูอิดโรยอย่างชัดเจนผ่านดวงตานั้น เลยพูดขึ้นมาเบาๆว่า ” คุณนอนสักพักเถอะ ให้ลูกน้อยนอนข้างๆคุณ ”
” ผมไม่ง่วง ” เขารับลูกน้อยเอาไว้ ลูกน้อยขยับเล็กน้อย แต่ก็นอนแนบลงไปที่อ้อมอกของเขาต่อไป
หลินซินเหยียนหลุบตาลง แล้วเดินออกไปจากห้อง เพื่อจะให้พื้นที่ในการพักผ่อนกับเขา
เมื่อลงมาชั้นล่าง จวงจื่อจิ่นกับเฉิงยู่เวินทั้งสองดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก เพื่อไปรับหลานๆตอนเลิกเรียน
” ใส่เพิ่มอีกสักตัวสิ อากาศเริ่มหนาวแล้วนะ ” จวงจื่อจิ่นหยิบเสื้อคลุมตัวนอกตัวหนึ่งให้เฉิงยู่เวิน
เฉิงยู่เวินตอบไปว่า ” นั่งอยู่ในรถก็ไม่หนาวซะหน่อย ”
” ใส่ไปเถอะน่า อายุก็ปูนนี้แล้ว ทำอะไรให้มันรอบคอบหน่อย ” จวงจื่อจิ่นเอาเสื้อคุมใส่ให้เขา เฉิงยู่เวินก็ใส่มันเข้าไปโดยที่ไม่ปฏิเสธ ยอมยืนนิ่งๆอยู่กับที่เพื่อให้จวงจื่อจิ่นเอาเสื้อคลุมตัวนอกสวมให้กับตัวเอง หลังจากใส่ไปแล้ว จวงจื่อจิ่นก็จัดแจงปกคอเสื้อของเขาให้เรียบร้อย พอดูว่าไม่มีอะไรแล้วก็พูดขึ้นมาว่า ” ไปเถอะ ”
เฉิงยู่เวินมองไปที่เธอแล้วพยักหน้า จากนั้นก็เปิดประตูให้จวงจื่อจิ่นเดินออกไปก่อน เมื่อเขาเดินตามออกไปแล้วก็ปิดประตู
หลินซินเหยียนยืนมองพวกเขาอยู่ตรงหัวบันไดก็ใจลอยไปช่วงหนึ่ง ตั้งแต่จวงจื่อจิ่นกับหลินกั๋วอันหย่าร้างกันไป ก็ไม่เคยเห็นเธอดูแลใครคนไหนได้อบอุ่นเท่าผู้ชายคนนี้
หลังจากที่พวกเขาออกไปได้ไม่นาน กริ่งของประตูบ้านก็ดังขึ้น เธอจึงเดินลงมาเปิดประตู หน้าประตูมีพนักงานส่งของวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่ ” ขอสอบถามหน่อยครับว่าที่นี่มีคนชื่อหลินซินเหยียนคุณหลินไหมครับ ”
หลินซินเหยียนตอบ ” ฉันเองค่ะ ”
” นี่คือพัสดุของคนครับ รบกวนเซ็นชื่อหน่อยนะครับ ” พนักงานส่งของยื่นกล่องใบหนึ่งให้เธอ
เมื่อเธอเซ็นชื่อแล้วก็ยื่นมือไปรับไว้ จากนั้นก็เข้าบ้านปิดประตูแล้วเปิดกล่องพัสดุดู ในนั้นมีสร้อยเงินที่ห้อยตัวมรกตชั้นดี ถูกแกะสลักจนกลายเป็นแท่งหยกสวยงาม เธอเลิกคิ้วน้อยๆ ได้แต่คิดในใจว่าใครเป็นคนส่งมากันนะ?
【อันที่จริงอยากจะให้ของขวัญชิ้นนี้กับลูกชายของคุณด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากสามีของคุณที่ใจแคบเกินไปหน่อย ผมเลยไม่อยากสร้างปัญหาให้ จึงทำได้แค่ส่งมันผ่านบริษัทส่งของ ผมได้ข่าวเรื่องของจงฉีเฟิงแล้ว ผมได้แต่เศร้าอยู่ลึกๆ และขอแสดงความเสียใจด้วย ผมคิดว่าเขาอยากให้คนที่มีชีวิตอยู่มีความสุข ไม่ใช่ใช้ชีวิตไปด้วยความโศกเศร้า คนที่จากไปแล้ว คงกำลังภาวนาให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่มีความสุขในอีกโลกหนึ่ง!——ไป๋ยิ่นหนิง】
หลินซินเหยียนปิดการ์ดลงแล้ววางกลับไปในกล่อง จากนั้นเธอก็หยิบแท่งอยู่ข้างในออกมา แล้ววางกล่องไว้ในลิ้นชัก
เขาส่งของขวัญมาด้วยใจจริง เธอก็ยินดีจะรับไว้
เธอขึ้นไปชั้นบนแล้วเปิดประตู ก็เห็นว่าจงจิ่งห้าวเขานั่งกึ่งนอนและเอนตัวอยู่บนเตียง ลูกน้อยซุกตัวอยู่ตรงข้อพับกลางตัวของเขานอนหลับสนิท
เขาหลับตาและดูเหมือนว่าจะหลับไปแล้ว
เธอจึงหยิบผ้าห่มผืนบางออกมาจากในตู้ คลุมตัวให้พวกเขาเบาๆ และหยิบแท่งยกออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ แล้วใส่ไว้ที่คอของลูกน้อย
ทารกน้อยขยับปากอมชมพูนั้นจ๊อบแจ๊บ เหมือนกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่
เธอที่นั่งอยู่ข้างเตียงเอื้อมมือไปลูบใบหน้ารูปไข่ของลูกชายเบาๆ ใบหน้าแสดงอารมณ์ปลื้มใจออกมา และสายตาของเธอก็จดจ้องไปยังใบหน้าของจงจิ่งห้าว ก็ทำให้รู้สึกปวดใจแบบแปลกๆ
ดูมันหลายวันมานี้เขาไม่ค่อยได้นอน เลยทำให้ดูซูบลงไปเยอะ
ถ้าเอามือของเขากับตัวเองมาประกบแล้วเอานิ้วทั้งสิบประสานกัน และจูบลงไปบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน ” ชีวิตนี้คุณคงเสียใจมาเยอะแล้ว ฉันปวดใจมาก แต่หลังจากนี้จนถึงบั้นปลายชีวิต ฉันจะอยู่ข้างคุณเอง ”
ชายที่กำลังหลับตาอยู่ เหมือนคิ้วจะกระตุกเล็กน้อย ขนตางอนหนานั้นก็พริ้วไหวไปตามๆกัน แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นสภาพเดิม ซึ่งแม้แต่หลินซินเหยียนเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็น
เวลามักจะผ่านไปไวเสมอ ฤดูใบไม้ร่วงไปฤดูหนาวก็มาถึง วันเวลาผ่านไปทุกอย่างเปลี่ยน เพื่อนและคนรักที่จากไปเช่นใด ยังไงทุกคนก็ยังต้องเดินหน้ากันต่อไป เธอแป๊บเดียวก็ถึงช่วงปีใหม่แล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเงียบสงบมาก ลูกน้อยจ้อแจ้หัวเราะได้แล้ว ซางหยูท้องโตจนเห็นได้ชัด เลยต้องพักการเรียนเพื่อเตรียมตัวผดุงครรภ์
ฉินยากับซูจ้านอาศัยอยู่ที่เมืองC เป็นคู่รักที่ใช้ชีวิตด้วยความครื้นเครงและเร่าร้อน ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่มีลูก แต่ต่างคนก็มีงานการที่รุ่งเรือง และใช้ชีวิตในทุกๆวันอย่างคุ้มค่า
และยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือจวงจื่อจิ่นกับเฉิงยู่เวินตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลินซินเหยียนเป็นคนหยิบยกขึ้นมาพูดก่อน เพราะหลายเดือนมานี้เธอดูออกว่าจวงจื่อจิ่นกับเฉิงยู่เวินสองคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ต่างปลอบโยนกัน มาถึงช่วงอายุมีแล้วความรักไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะมีก็แต่ความรู้สึกของการอยู่ด้วยกันที่มั่นคง ทั้งสองต่างเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน
เธอรู้สึกว่าไม่ควรสิ้นเปลืองวันเวลา ผ่านไปวันนึงแล้วก็เสียเวลาไปแล้ววันนึง ไม่จำเป็นที่จะต้องไปสนใจสายตาหรือคำพูดของคนอื่น เพียงแค่ตัวเองมีความสุขก็พอแล้ว
ทั้งสองคนไม่ได้ไปจดทะเบียน และไม่ได้จัดงานแต่งงานแต่อย่างใด เพียงแค่ในคืนวันปีใหม่นั้น ได้เรียกทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อกินอาหารได้เฉลิมฉลองในคืนวันปีใหม่
ในขณะที่กินข้าวกันอยู่นั้น ซางหยูก็พูดขึ้นมาว่า ” พี่สะใภ้ ลูกในท้องฉันเป็นลูกสาวนะคะ ”
” แล้วเธอจะทำอะไรล่ะ? ” ฉินยาหัวเราะแล้วมองเธอ ” ยังไม่ทันได้คลอดก็จะเลือกลูกเขยให้ลูกสาวตัวเองแล้วเหรอ ? ”
อันที่จริงหลินซินเหยียนมีลูกชายทั้งสองคน
จงเหยียนเฉินโตกว่าหน่อย แต่ลูกน้อยอายุมากกว่าลูกสาวของเธอขวบนึงพอดี
ซางหยูคีบเต้าหู้กรอบเข้าปาก หัวเราะและพูดว่า ” แล้วจะทำไมล่ะ? ก็พ่อแม่หน้าตาดีขนาดนี้ ลูกชายก็คงไม่ต่างกันหรอกน่า หอคอยที่ใกล้น้ำมักได้พระจันทร์ก่อน ฉันเป็นคนรวดเร็วทันใจ ใครมือยาวสาวได้ก็สาวเอา เผื่ออีกหน่อยเสียเปรียบคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง ”
” โอ้โห โอ้โห ” ซูจ้านอิจฉาจนทนไม่ได้ ” นี่ยังไม่คลอดเลย คิดแล้วเรอะ ” เขาเหลือบตาไปมองเสิ่นเผยซวน ” ภรรยานายนี่ดูเค็มกว่านายเยอะเลยนะ ”
เสิ่นเผยซวนรินเหล้าให้เขา ” นายรู้ได้ยังไง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของการที่เราสองคนคุยกันซะหน่อย ”
ซูจ้าน ” ….. ”
เอาเลย!
เขาโดนอาหารหมายัดใส่ปากเฉยเลย ไม่พูดเสียยังดีกว่า
” กินข้าว กินข้าว ” ซูจ้านคีบอาหารให้ฉินยา ” เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพวกเราจะไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ล่ะ ”
พวกเขามีความสุขมาก รู้สึกเหมือนได้เดทกันตลอด เดทไปทั้งชีวิต
” ใจร้ายชะมัด ” เสิ่นเผยซวนรู้จักนิสัยซูจ้านดีที่สุด
” ไม่ต้องอิจฉากูก็แล้วกัน “ซูจ้านยิ้ม ” มึงกับซางหยูว่าการได้สวีทกันมันรสชาติเป็นยังไง? ยังไม่ได้ดื่มด่ำกับโลกของคนสองคน ก็มีลูกมาคอยกีดกันแล้ว ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย มึงดูกูนี่ พวกเราอยากจะไปไหนก็ไป ทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าที่ไหนก็รู้สึกอิสระ ”
เขาลากเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็หยิบกล่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งในนั้นมีสร้อยคอเพชรหนึ่งเส้น
” เสี่ยวยา นี่คือของขวัญปีใหม่นะ “จากนั้นเขาก็ใส่สร้อยเพชรลงบนคอของเธอ วันนี้ฉินยาใส่เป็นเสื้อใหม่พรหมสีดำ ทำให้จีเพชรดูแวววาวจับตามากขึ้น ” ขอให้เรา เป็นเกียรติซึ่งกันและกัน มีความสุขจนถึงยามเฒ่า ”
ขณะที่พูดเขาก็ทิ้งรอยจูบเบาๆไว้บนแก้มของฉินยา
” พวกคุณอย่าแย่งซีนสิ ” ซางหยูผายมือ ” วันนี้ตัวเอกคือสองท่านนี้ต่างหาก ”
จวงจื่อจิ่นกับเฉิงยู่เวินยังคงรู้สึกเหนียมอาย เมื่อนั่งอยู่ท่ามกลางหนุ่มสาว เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีเคอะเขิน เพราะพวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่หนุ่มสาวอีกแล้ว แต่ก็ยัง……
” เรามาดื่มด้วยกันเถอะค่ะ ” หลินซินเหยียนยกแก้วเหล้าขึ้นมา ส่วนอีกมือหนึ่งของเธอก็จับกับมือของจงจิ่งห้าวอยู่ใต้โต๊ะ เธอฉีกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ แล้วมองไปยังจวงจื่อจิ่นและเฉิงยู่เวิน ” หนูหวังว่าแม่กับคุณลุงจะมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาวนะคะ ”
” ชนแก้ว! ”
ทั่วบริเวณได้ยินเป็นเสียงชนแก้วที่ไพเราะกังวาลออกมา ทุกคนต่างมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความเศร้าเริ่มจะเจือจางไป
ด้านนอกหิมะได้ตกลงมาแล้ว
หน้าหนาวปีนี้ยังไม่เคยหิมะตกเลยสักครั้ง
นี่คงจะเป็นหิมะแรกของปี
” หนูอยากออกไปดูหิมะ ” จงเหยียนซีพยายามลากจวงจื่อจิ่นออกไปด้วยความตื่นเต้น เฉิงยู่เวินก็เข้ามาจูงมือเธอเช่นกัน ” เดี๋ยวเราพาหนูไปนะ ”
ทุกคนต่างลุกฮือฮากัน เพราะตื่นเต้นกับหิมะที่เพิ่งจะตก
เกล็ดหิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ไม่นานบนยอดของกิ่งไม้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว
” แล้วก็ออกไปดูด้วยกันสิ ” หลินซินเหยียนเหลือบหางตา แสดงความอบอุ่นทางสายตาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไปที่เขา
จงจิ่งห้าวหยิบเสื้อโค้ดตัวใหญ่บนที่แขวนเสื้อมาใส่ให้เธอ จากนั้นก็ติดกระดุมให้ทีละเม็ดๆ แล้วก็คว้ามืออันนุ่มนิ่มของเธอให้มาอยู่ในอุ้งมือของเขา
หลินซินเหยียนมองลงไป มือของเขานั้นช่างหนาและอบอุ่น เมื่อถูกของกุมมือแล้ว ก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกถึงจิตใจที่สงบและมั่นคง
เพราะว่าหิมะตก ทำให้แสงสีในยามราตรีไม่ได้ดูมืดขนาดนั้น
พวกเขาทั้งสองกลุ่มมือแล้วเดินช้าๆอยู่ริมถนน รู้ตัวอีกทีด้านหลังของพวกเขาทั้งสองก็เป็นรอยเท้าเรียงเป็นทางยาวไปเสียแล้ว หิมะสีขาวร่วงลงบนผมของเขา หลินซินเหยียนพูดจาทะเล้นไปว่า ” ผมของคุณขาวน่ะ ”
จงจิ่งห้าวชะงักเท้า ยืนมองเธอท่ามกลางหิมะที่ร่วงหล่นลงมา
หลินซินเหยียนสบตากับเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ” ถึงคุณจะมีผมหงอกเต็มหัวจริงๆ ฉันก็ไม่รังเกียจคุณหรอก แต่ก็ยังรักคุณเหมือนเดิมด้วย ”
พูดจบก็เขย่งปลายเท้าแล้วประทับรอยจูบลงบนคางเขา เมื่อจุมพิตแล้ว ก็คิดว่าจะผละออก แต่กลับถูกเขาโอบเอวเอาไว้ ทำให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกัน
สายตาที่เขาส่งมาดูลึกซึ้ง แสดงถึงความอบอุ่นอย่างไรขีดจำกัด เขาเอาปลายนิ้วเชยใบหน้าที่แดงเรื่องของเธอขึ้นมา แล้วประทับริมฝีปากไปที่หน้าผาก ดวงตา ปลายจมูก สุดท้ายก็ประทับลงบนริมฝีปากของเธอ จูบนี้เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และมันช่างยาวนานเหลือเกิน
หลินซินเหยียนโอบรอบคอของเขาและจูบตอบอย่างเร่าร้อน ราวกับว่าทั้งสองจะหลอมละลายร่างกายภายในเข้าด้วยกันอย่างไม่มีทางลดละ!
———————เส้นกั้นเวลา————————
” ผมไม่เคยรักคุณเลยสักครั้ง”
ครบรอบแต่งงานสามปี เมื่อจงเหยียนซีอยากจะบอกกับเจียงโม่หานว่าเธอได้ตั้งท้องลูกของเขา แต่เขากลับชิ่งให้’ ของขวัญ ‘ สุดพิเศษกับเธอเสียก่อน
” ทำไมล่ะ? ” เธอเบิกตา มันหยดน้ำตาได้ก่อตัวรอบดวงตาของเธอในตอนนี้ แต่กลับไม่ไหลออกมา
เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อ
ที่เขาเคยบอกว่ารักนั่นคือเรื่องโกหกทั้งหมดใช่ไหม?
ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก แล้วเขาทำเพื่ออะไรกันล่ะ?
เจียงโม่หานสาวเท้าเข้ามา เธอถึงกับต้องถอยไปข้างหลัง จนกระทั่งถอยจนสุดทาง เจียงโม่หานก็กุมคางของเธอเอาไว้ ” ผมแต่งงานกับคุณ เพราะว่าคุณเป็นคุณหนูในตระกูลที่ร่ำรวยอย่างตระกูลจงยังไงล่ะ ผมแต่งงานกับคุณ ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะความรัก แต่เป็นเพราะความเกลียดต่างหาก! ”
เพื่อวันนี้วันเดียว! เขาวางแผนมันมากว่ายี่สิบปีแล้ว!
” เกลียดเหรอ ? ” ริมฝีปากของเธอสั่นเครือ เวลาผู้หญิงร้องไห้มักจะร้องออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผู้หญิงบางคนทำตัวอ่อนหวานนุ่มนวลในคราที่ต้องบอกลากัน แต่ในเวลานี้จงเหยียนซีไม่มีน้ำตาสักหยดให้ฟูมฟาย เมื่อเจอเรื่องเยอะแย่แบบนี้ กลับปกปิดความผิดหวังโดยการไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
ได้แต่ยอมรับความเจ็บปวดที่เขามอบให้อย่างเงียบๆ
” ใช่ เกลียด ในสายตาของคุณ ในสายตาของพ่อคุณ ชีวิตคนสามารถใช้เงินซื้อได้ใช่ไหมล่ะ? ” ดวงตาของเขาดูนิ่งสนิท เย็นชาและให้ความรู้สึกทิ่มแทงใจ
จงเหยียนซีไม่เข้าใจที่เขาพูด ” คุณกำลังจะพูดอะไร? ”
คำพูดของเขาหมายความว่ายังไงกันแน่? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อของเธอ?
เจียงโม่หานปล่อยเธอ แล้วยื่นใบยาไว้ตรงหน้า ” เซ็นซะ “