กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 879 เสียน หมายความว่าอะไร
เจ้าหน้าที่ที่ใส่เครื่องแบบทั้งสองคนเดินเข้ามาแล้วพูดว่า ” โรงงานร้างแถบชานเมืองตะวันตกเกิดไฟไหม้ขึ้น นี่คือสิ่งที่เจอนอกที่เกิดเหตุครับ ”
จากนั้นเจ้าพนักงานก็ยื่นแฟ้มเก็บหลักฐานแยก ในนั้นมีโทรศัพท์และจดหมายลาตายฉบับหนึ่ง
เจียงโม่หานมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ” เพราะคุณหมายความว่าไงนะ? ”
” จากการวินิจฉัยในขั้นแรกแล้ว ไฟที่ไม่นั้นเกิดจากภรรยาของคุณ ที่ทำเพื่อการฆ่าตัวตาย ” ตำรวจพูดขึ้นมา
ในอกของเจียงโม่หานเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกเอาไว้ จนแทบจะหายใจไม่ออก ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ? เธอเนี่ยนะที่ฆ่าตัวตาย? เป็นไปไม่ได้หรอก!
เขายื่นมือรับของที่เจ้าพนักงานส่งให้ โทรศัพท์นี้เป็นของจงเหยียนซีจริงๆ จากนั้นแผ่นจดหมายหนึ่งฉบับที่ว่าก็เป็นลายมือของจงเหยียนซี
【โม่หาน การสูญเสียคุณ ชีวิตของฉันก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว ลาก่อน ไม่สิ ลากันไปทั้งชีวิตเลย!】
ตัวเขาแข็งทื่อ จนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำเสียงที่พูดออกมานั้นสั่นเครือแค่ไหน ” แล้วตัวของภรรยาผมล่ะ? ”
” พื้นที่เกิดเหตุถูกทำให้เสียหายเป็นอย่างมาก ตอนนี้เรายังไม่เจอที่อยู่ของภรรยาคุณ ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด ” ตอนนี้ผมอยากทำความเข้าใจกับคุณสักหน่อย ภรรยาของคุณกับคุณตอนนี้มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า? เลยทำให้เกิดแรงจูงใจที่เธอฆ่าตัวตาย ? ”
เจียงโม่หานไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้อง
” เฮ้อ…… ”
” มีอะไรถามผมได้ครับ ” หนานเฉิงเดินเข้ามา
หลิงเวยมองไปยังหนานเฉิงสักพักก็วิ่งตามเจียงโม่หานออกไป
เจียงโม่หานขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ด้วยความเร็ว เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป ในบ้านก็ยังคงว่างเปล่า เมื่อเขารีบเดินเข้ามาแล้ว ทุกอย่างในบ้านก็ยังคงสภาพเหมือนเดิมกับตอนที่เขาออกไป ไม่มีร่องรอยการถูกและต้องมาก่อน มีเพียงสิ่งเดียวที่ถูกเคลื่อนย้ายก็คือ ใบหย่าที่เขาวางอยู่บนโต๊ะ !
เขาเดินเข้าไป ก็เห็นว่าในใบหย่านั้นมีรอยเซ็นชื่อของเธอไว้อยู่แล้ว
เธอ…..
เธอเซ็นชื่อแล้วเหรอ?
เจียงโม่หานทิ้งตัวลงไปนั่งบนโซฟา ในหัวของเขาเกิดเสียงก้องขึ้นมา และมันว่างเปล่าไปหมด
” โม่หาน ” หลิงเวยเดินเข้ามา และยืนอยู่ตรงหน้าเขา ” พวกนายก็หย่ากันแล้ว เธอจะอยู่หรือจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายเสียหน่อย ”
เจียงโม่หานเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่หลิงเวย ” ไม่เกี่ยวกับฉันงั้นเหรอ? ”
” ก็ใช่น่ะสิ นายแต่งงานกับเธอก็เพื่อแก้แค้นนี่นา ” หลิงเวยยอดตัวนั่งลงตรงหน้าเขา ” นายลืมไปแล้วหรอ ว่าแม่นายตายยังไง? ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับนายแล้ว หรือว่านายรักเธอขึ้นมา? อย่าลืมล่ะ ว่าเธอคือคนที่นายเคียดแค้น ! ”
” ฉันไม่ได้ลืม ! ” เจียงโม่หานกำหมัดแน่น จนถึงตอนนี้เขายังจำมันได้ดี ภาพการตายของแม่เขา ตอนนั้นเธอเป็นแม่บ้านของตระกูลจง อยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องตายจากไป
ตอนนั้นคนที่นั่งรถคันเดียวกับแม่ของเธอมีคนอื่นอีกสองคน แต่สองคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย มีแค่แม่ของเขาที่ต้องตาย
เขานั่งคุกเข่าอยู่ข้างศพที่อยู่ตรงหน้าพ่อของเขา แล้วได้แต่ภาวนาว่าเขาจะเรียกร้องขอความเป็นธรรมคืนให้กับแม่ของเขา แต่พ่อของเขากลับรับเงินที่ตระกูลจงมอบให้ก้อนใหญ่ ไม่ได้ถามหาความอะไรจากคนที่ทำร้ายแม่ของเขาจนตายเลยด้วยซ้ำ !
” โม่หาน นายลืมความลำบากตอนที่แม่ต้องดูแลนายด้วยตัวคนเดียวขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทน่ะเหรอ? พ่อชีวิตได้ดิบได้ดีขึ้นมาหน่อย พ่อของนายก็ทิ้งแม่ไป นายลืมในความทุกข์ที่เธอเคยได้รับแล้วหรอ ? ตอนแรกก็คิดว่าพอนายโตขึ้นก็คงจะตอบแทนคุณเธอได้ แต่คนที่ทำร้ายเธอจนถึงแก่ชีวิต กลับถึงนายเห็นใจเนี่ยนะ? ”
เจียงโม่หานหลบสายตาของหลิงเวย ” ฉันเปล่า ”
คำพูดของเขาไร้ซึ่งความหนักแน่น เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ทั้งที่แก้แค้นสำเร็จแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกดีใจเลยอย่างใด
” พวกนายก็หย่ากันไปแล้ว เธอจะไปเกี่ยวข้องอะไรกับนายได้ยังไง โม่หาน อย่าทำให้แม่ไงที่อยู่ข้างล่างนั้นไม่สบายใจเลยนะ ” ทุกประโยคของหลิงเวยล้วนหนีไม่พ้นแม่ของเขา เพราะเธอรู้ดีว่าความรู้สึกที่เขามีต่อแม่มันมากมายขนาดไหน
ไม่งั้นก็คงไม่วางแผนนานขนาดนี้ เพียงแค่เพื่อที่จะแก้แค้นให้แม่ของตัวเองหรอก!
เจียงโม่หานหยิบใบหย่าบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็เปิดลิ้นชักแล้วใส่มาลงไป ใช่ พวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เธอจะเป็นจะตายยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
ไม่เกี่ยวเลย !
เมื่อเขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้แล้วก็พูดขึ้นว่า ” เรากลับบริษัทกันเถอะ ”
หลิงเวยขานรับ ” เอาสิ ”
เมื่อพวกเขากลับถึงบริษัทแล้วตำรวจสองนายนั้นก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน
” ตามนิสัยของเธอแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะฆ่าตัวตายหรอกครับ อยากให้พวกคุณตรวจสอบให้ละเอียดอีกที ” หนานเฉิงรู้จักจงเหยียนซีพอสมควร ถึงแม้ว่าเจียงโม่หานจะหย่ากับเธอ เธอก็คงไม่คิดสั้นอย่างแน่นอน
” แน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะเราจะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดขึ้น
ในตอนนี้ เจียงโม่หานเดินเข้ามา ด้วยความสูง 185 เซนติเมตรของเขา ไหล่กว้างเอวแคบและขาที่ยาวสูง พร้อมกับสวมชุดสูทสีดำที่ดูคลาสสิค และสั่งตัดให้พอดีตัวส่งให้เห็นเค้าโครงรูปร่างของเขาดูโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจน
” ผมกับเธอเราหย่ากันแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างของเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมอีก เธอจะเป็นหรือจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอทั้งหมด ไม่ต้องมาถามผมอีก ” เมื่อพูดจบเขาก็หันไปมองหนานเฉิงด้วยสายตาเย็นชา ” ส่งแขกทั้งสองคนนี้ด้วย ”
เมื่อพูดจบแล้วก็ตรงดิ่งเข้าไปยังห้องทำงาน
นายตำรวจทั้งสองต่างมองหน้ากัน แล้วหันไปมองหนานเฉิง ” เขาหย่ากับภรรยาจริงๆเหรอครับ? ”
ในตอนนั้นพิธีแต่งงานใหญ่โตมาก เจ้าบ่าวมากความสามารถและมีเจ้าสาวที่สะสวย ทำให้ผู้คนในงานต่างอิจฉากันไม่มากก็น้อย
แต่ในตอนนี้สิ้นสุดชีวิตการแต่งงาน กลับกลายเป็นหญิงสาวที่คิดสั้นอย่างงั้นหรือ?
หนานเฉิงพยักหน้า ” ใช่ครับ พวกเขาหย่ากันแล้ว ”
ตำรวจทั้งสองนายพอจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆแล้ว
จึงรายงานสถานการณ์ให้ทางโน้นได้ทราบ
เจียงโม่หานไม่ได้สนใจหรือติดตามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เพราะตอนนี้ภายในบริษัทนั้นยุ่งมาก เขาเอาเวลาของตัวเองทั้งหมดขึ้นอยู่กับการทำงาน
หลังจากที่ไฟไหม้ครั้งใหญ่ดับลง ในซากปรักหักพังนั้นก็พบร่างของใครบางคนจำนวนสองศพ
เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้วก็เพราะว่าเป็นชายหนึ่งคนและหญิงอีกหนึ่งคน
ผลการตรวจสอบอย่างละเอียดระบุว่าศพของผู้หญิงคือจงเหยียนซี ส่วนข้อมูลของผู้ชายไม่สามารถตรวจสอบได้
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ผู้คนต่างคาดเดาว่า จงเหยียนซีได้สวมเขาให้เจียงโม่หานหรือเปล่า แล้วยังไม่ยอมตายพร้อมกับชายชู้อีกต่างหาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ วิธีแต่งงานที่เคยจัดจนใหญ่โต กลายเป็นเรื่องตลกขบขันให้ผู้คนได้พูดกันสนุกปาก
ณ โรงพยาบาลอ้ายฮั๋ว!
ใบหน้าจงเหยียนซีได้ถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้ ทั่วร่างกายไม่สามารถขยับได้ ดวงตาของเธอต้องไปที่จอโทรทัศน์นิ่งๆ สิ่งที่ถ่ายทอดผ่านดวงตาออกมามีเพียงความเกลียดชัง
” คุณทำไมต้องเปลี่ยนดีเอ็นเอบนศพผู้หญิงคนนั้นเป็นของคุณด้วยล่ะ? คุณทำไมถึงอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าคนตายไปแล้ว? ”
กู้เสียนใช้ภาษาจีนถามขึ้นมาที่ฟังดูยังไม่ค่อยสมูทเท่าไหร่ เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกมาโดยตลอด ยังกลับมาได้ไม่นาน ทำให้พูดภาษาจีนติดๆขัดๆ
จงเหยียนซีเบนสายตาหันมามองกู้เสียน ” นายคิดว่าฉันจะฆ่าตัวตายเหรอ? ”
กู้เสียนส่ายหัว ” ชีวิตมีค่าขนาดนั้น มีแค่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะฆ่าตัวตายน่ะ ”
” ที่ฉันให้นายสร้างหลักฐานว่าฉันตายไปแล้ว ก็เพื่อที่จะให้คนที่ทำร้ายฉันมันประมาทน่ะสิ ” เธอถึงจะมีโอกาสกลับไปแย่งชิงสิ่งที่สูญเสียทั้งหมดมา
เธอคือลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลจง โตมากับมือทั้งสองของพ่อที่คอยประคับประคองเอาไว้ ปีนั้นที่เธออายุสิบแปด พ่อได้ยกหุ้นของว่านเยว่ทั้งหมดให้กับเธอ
พี่ชายไม่สนใจในเรื่องของการทำธุรกิจ จึงไปร่วมกับกองทัพตั้งนานแล้ว แถมยังเข้ากลุ่มที่ต้องปกปิดความลับ เธอจึงไม่ได้ข่าวคราวของเขาเลย
ส่วนน้องชายเมื่ออายุสิบสองในปีนั้น คุณปู่ช่าวก็จากไป เขาจึงต้องไปอาศัยอยู่กับคุณอาซูและคุณอาฉินที่เมืองC เมื่อโตมาแล้วก็จะต้องสืบทอดธุรกิจJKกรุ๊ปของทางนั้น น้อยครั้งที่จะกลับมาที่นี่
ดังนั้นทุกอย่างของตระกูลจงจึงตกมาอยู่ที่เธอ แต่เธอกลับทำมันหายไป
เธอไม่สามารถเอาสิ่งที่พ่อสร้างมาทั้งชีวิต ตกไปอยู่ในน้ำมือของเขาได้ ไม่งั้นเธอจะชดใช้ในสิ่งที่พ่อแม่มอบให้กับตัวเองได้ยังไง
กู้เสียนมองแววตาของเธอด้วยความนับถือ สภาพตัวเองเป็นหนักถึงขนาดนี้ ยังจะคิดมากอีก
” เธอวางใจเถอะฉันจะช่วยเธอเอง ” กู้เสียนปลอบโยนเธอ ” ก่อนอื่นต้องพักผ่อนฟื้นฟูให้ดีๆก่อน เธอเจ็บไม่ใช่น้อยๆเลยนี่นะ ”
จงเหยียนซีพยักหน้าแล้วถามขึ้นมาว่า ” นายตามหาที่อยู่ของพ่อนายได้หรือยัง? ”
” ยังเลย ” เขาตามหาอย่างไร้จุดหมาย แต่ไม่มีเลยสักเบาะแส สิ่งที่เขารู้เพียงอย่างเดียวก็คือพ่อของเขายังอยู่ในประเทศ และยังคงอยู่ใน เมืองB
เบาะแสนี้ ไม่มีทางที่จะทำให้หาคนคนนึงอย่างเจาะจงได้เลยด้วยซ้ำ
การที่เขาได้รู้จักกับจงเหยียนซีมันเกี่ยวเนื่องมาจากการทำงาน เมื่อได้ช่วยเธอ ก็มันความบังเอิญที่ผิดพลาดนั่นแหละ
” ใช่แล้ว ส่วนเรื่องศพที่เจอเป็นยังไงบ้าง? ” จงเหยียนซีไม่รู้ว่าจะทำให้เกี่ยวข้องกับตัวเองหรือเปล่า
” ฉันช่วยเธอหาแป๊บนึง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร ” กู้เสียนตอบ
” คิดดูว่าแม่นายเกลียดนายแค่ไหน ถึงตั้งชื่อให้นายว่ากู้เสียน ” จงเหยียนซีไม่รู้จะจินตนาการยังไง คุณเป็นแม่คนหนึ่งจะตั้งชื่อลูกว่าเสียน
” เสียน แปลว่าอะไรเหรอ ? ” กู้เสียนไม่เข้าใจความหมายของตัวอักษรตัวนี้
” ในหาเองในป๋ายตู้แล้วกัน ” จงเหยียนซีพูดเสียงเรียบ