กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 885 เขาเป็นของเธอเหรอ?
ผู้หญิงที่อยู่ในกระจกแสดงสีหน้าดุร้ายออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยอมที่ไม่ว่าจะร้องขอมาเท่าไหร่ก็ไม่ได้กลับมาเลย
ผ่านไปนานกว่าเธอจะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นมาได้ จากนั้นก็เดินออกจากห้องน้ำไป
เพียงไม่นานฝีเท้าของเธอก็ได้หยุดลงอีกครั้ง
เพราะว่าตรงกันข้ามเธอมีคนหนึ่งกำลังยืนอยู่
หลิงเวยหรี่ตาลง “คุณหลิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
จงเหยียนซีที่จากเดิมกำมือทั้งสองข้างแน่น ก็ได้คลายออกไปนิดหน่อย ยิ้มพลางเอ่ยออกไป “มาได้สักพักนึงแล้ว”
สีหน้าของหลิงเวยเปลี่ยนไปทันที
จงเหยียนซียิ้มหยันออกมา “ล้อเล่นน่า ห้องน้ำสถานที่นี้ ไม่มีความจำเป็นใครก็จะไม่มากันหรอก ทำไมสีหน้าเธอถึงได้ดูไม่ดีขนาดนี้?”
หลิงเวยชำเลืองมองเธอไปนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร เอี้ยวตัวเดินออกไป
จงเหยียนซียืนอยู่ที่เดิม มุมปากแสยะยิ้มเย็นออกมาเบาๆ
คนที่ต้องการจะกำจัดเธอให้ตายไปนึกไม่ถึงว่าจะเป็นหลิงเวย
นี่เป็นคนที่เธอนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน
เธอหันหน้าไปมองเงาร่างเบื้องหลังที่เดินออกไปของหลิงเวย สายตาก็เริ่มดุร้ายออกมามากขึ้น
ความเจ็บปวดบางอย่างมีเพียงเธอเองเท่านั้นที่รู้
เธอเดินเข้าห้องน้ำ มองอ่างล้างมือไปแวบนึง อ่างล้างมือหินอ่อนที่ส่องสว่างออกมา เช็ดจนสามารถสะท้อนเงาคนออกมาได้ ดวงตาค่อยๆเลิกขึ้นมา มองตัวเองที่อยู่ในกระจก เป็นอีกใบหน้าหนึ่งเลย บนใบหน้าของเธอได้รับบาดเจ็บ เดิมทีมันก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อยู่ แต่เธอกลับเลือกที่จะเปลี่ยนใบหน้าของตัวเอง
เมื่อก่อนเธอตาบอด
ตอนนี้เธอเป็นตัวเองคนใหม่ จะให้คนที่รังแกเธอ หลอกลวงเธอ ทำร้ายเธอพวกนั้นได้ชดใช้!
เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอไม่ได้กลับไปที่งานเลี้ยงอีก แต่ได้เดินไปที่ด้านนอกงานเลี้ยง ยืนอยู่บนขั้นบันได ส่งข้อความไปหากู้เสียน 【ฉันรอนายอยู่ที่หน้าประตู】
อากาศวันนี้ดีมาก พอเงยหน้าขึ้นไป ก็สามารถมองเห็นดวงดาวเต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้า เธอมองอยู่นาน ในดวงตาได้ปกคลุมไปด้วยละอองน้ำอยู่ชั้นนึง “ได้ยินมาว่าคนตายไปแล้ว จะได้กลายไปเป็นดวงดาวดวงหนึ่งที่อยู่บนท้องฟ้า หนูเป็นดวงนั้นหรือเปล่า? ในตลอดทุกเวลา หนูเองก็กำลังมองแม่อยู่ด้วยใช่มั้ย?”
เธอกำลังตกอยู่ในความเจ็บปวดจากการที่ได้สูญเสียลูกไปพวกนั้นอยู่ จู่ๆบนบ่าก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา กลิ่นอายที่คุ้นเคยอยู่รอบๆ ใจของเธอบีบรัดแน่นขึ้นมาทันที หันไปก็เห็นเจียงโม่หานยืนอยู่ข้างๆเธอ
“อากาศที่นี่มันหนาว คุณหลินดูแลตัวเองให้ดี”
ในเสื้อผ้ายังคงมีอุณหภูมิจากร่างของเขาหลงเหลืออยู่ ความคุ้นเคยอย่างนั้น เพียงไม่นานเธอก็ได้ปรับอารมณ์ของเธอให้เรียบร้อย พลางเอ่ยออกไปนิ่งๆ “ประธานเจียง นี่กำลังเป็นห่วงฉันอยู่เหรอคะ?”
ตอนนี้พวกเราทำงานร่วมกัน คุณหลินป่วย มันจะทำให้กระบวนการมันล่าช้าไปมาก” บนร่างของเจียงโม่หานสวมเสื้อเชิ๊ตสีดำบางๆอยู่เดี่ยวๆ เนกไทก็ยังห้อยอยู่ที่หน้าอกอย่างพิถีพิถัน มือข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ มองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง รูปลักษณ์ดูหยิ่งยโส
“ฉันก็ยังนึกว่าประธานเจียงจะเป็นห่วงฉันเสียอีก ขอถามละลาบละล้วงหน่อยได้มั้ยคะว่ากับแหวนวงนั้นทำไมประธานเจียงถึงจะต้องอยากจะได้มาเสียให้ได้? ต้องรู้ก่อนว่าราคาของตัวมันเองมันก็ไม่ได้คุ้มค่ากับราคานี้เลยนะคะ”
เจียงโม่หานหันหน้าไปมองจงเหยียนซี เงียบอยู่สักพักหนึ่ง “คุณหลินคิดว่าละลาบละล้วงก็ไม่ควรถามสิครับ”
พูดจบเขาก็เดินลงขั้นบันไดไป เดินไปยังรถคันสีดำคันนั้นที่จอดอยู่ข้างทาง
จงเหยียนซีเงยหน้าขึ้น อดไม่ได้ที่อยากจะยิ้มเยาะออกมา ตอนนี้แสร้งทำเป็นรักมาก?
“ประธานเจียง” จงเหยียนซีเรียกเขาเอาไว้ เธอเหยียบรองเท้าส้นสูงเดินลงบันไดไปอย่างระมัดระวัง หยิบเสื้อสูทบนร่างออกแล้วส่งไปให้เขา “ฉันไม่ชินกับการใช้ของของคนอื่นค่ะ”
เจียงโม่หานยื่นมือออกไปรับมา จงเหยียนซีผันร่างไปก็มองเห็นหลิงเวยที่เดินออกมาจากงานเลี้ยง เธอจงใจแสร้งทำเป็นเท้าพลิก “อ๊ะ!”
เจียงโม่หานรับเธอเอาไว้ทันที เธอถือโอกาสเกาะลำคอของเจียงโม่หานเอาไว้ ใบหน้าตื่นตกใจออกมา
ระยะห่างใกล้กันมากเกินไป ผ้าชุดราตรีบนร่างของเธอก็น้อยชิ้น ส่วนเขาก็สวมเพียงแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว สัมผัสที่ใกล้ชิดกันมากอย่างนี้ การที่กำลังกอดอยู่ในอ้อมแขนนี้มันได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นที่ตะกายขึ้นมาเงียบๆ เขาแทบจะรัดแขนเอาไว้แน่นไปโดยทันที
“เหยียนซี” เขาโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้ยั้งคิด
จงเหยียนซีเดิมทีอยากจะสลัดออกไป เห็นเงาร่างที่พุ่งตัวเข้ามาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์นั้นแล้ว เธอจึงไม่ได้ขยับ ไม่แม้แต่จะส่งเสียงอะไรออกไปเลย แสร้งทำเป็นตกใจไม่ได้สติกลับมา แอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เธอเปลี่ยนหน้าตาไปแล้ว แต่กลับเปลี่ยนความรู้สึกให้กับคนอื่นไปไม่ได้ ร่างกายก็ไม่มีจะเปลี่ยน
เจียงโม่หานเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่คุ้นเคยที่ได้ห่างหายไปนานของในเวลานี้ เอาหน้าฝังลงไปในอ้อมกอดของเธอไปอย่างถูกครอบงำ เอ่ยไปด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ผมคิดถึงคุณมาก”
“โม่หาน” สีหน้าของหลิงเวยย่ำแย่ออกมา
จงเหยียนซีเห็นท่าทางร้อนรนของเธอแล้ว มุมปากก็แสยะยิ้มเย็นออกมา แสดงสีหน้าแสร้งทำเป็นเพิ่งได้ติกลับมา รีบผลักเขาออกไปทันที
เจียงโม่หานถูกผลักออกไปจนไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเซถอยไปข้างหลังก้าวนึง งงงวยไปชั่วขณะแต่เพียงไม่นานสติก็ได้คืนกลับมา “คุณหลิน ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ?”
“ขอบคุณค่ะประธานเจียง ฉันไม่เป็นไร” เธอยิ้มออกมา
หลิงเวยมองไปทางเจียงโม่หาน “พวกเราควรกลับได้แล้ว”
เจียงโม่หานไม่ได้ส่งเสียงตอบรับออกไป สายตาที่มองจงเหยียนซีเปลี่ยนไปไม่ได้เย็นชาอีก มีความสับสนเพิ่มขึ้นมา เขาเกิดความรู้สึกจำพวกนั้นกับเธอได้ยังไง?
“โม่หาน…” หลิงเวยเห็นสีหน้าเขาผิดแปลกไป จึงยื่นมือไปเพื่อที่จะสัมผัสเขา แต่กลับถูกเขาปัดออกไปแล้วผันร่างเดินออกไป ตอนนี้ภายในใจของเขารู้สึกสับสน ทำไมถึงได้มีพฤติกรรมอย่างนี้กับผู้หญิงที่เจอหน้ากันมาแค่ไม่กี่ครั้งได้ คนขับรถเห็นเขาเดินเข้ามาก็รีบเปิดประตูที่ตรงเบาะหลังให้ทันที เขาโน้มตัวเข้าไปนั่ง
หลิงเวยมองจงเหยียนซี พลางเอ่ยเตือนออกมา “อยู่ให้ห่างๆจากประธานเจียงของเราหน่อยนะคะ”
จงเหยียนซีแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย “เขาเป็นของเธอเหรอ?”
หลิงเวยกำมือแน่นออกมาทันที “ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ของฉัน คุณก็ไม่มีสิทธิ์”
“เท่าที่ผมรู้มาเจียงโม่หานไม่ได้ชอบคุณใช่มั้ยล่ะ?” ในมือของกู้เสียนถือกล่องใบหนึ่งอยู่ ค่อยๆเดินลงมาจากบนขั้นบันไดอย่างช้าๆ พลางพูดซ้ำเติมออกมาต่อ “จากที่ผมได้รู้มาภรรยาของเจียงโม่หานตายไปปีนึงแล้ว ถ้าชอบคุณ แล้วทำไมไม่แต่งงานกับคุณ?”
หลิงเวยกัดริมฝีปาก ถลึงตาใส่กู้เสียนไปด้วยความเกลียดชังแล้วผันร่างเดินไปยังรถ
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?” กู้เสียนมองจงเหยียนซีแล้วถามออกไป
เธอส่ายหน้าออกมา “ไม่เป็นไร”
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” เขายื่นมือไปประคองเธอ พอได้สัมผัสลงไปนี้เองจึงได้พบว่าแขนเธอเย็นมาก เขาถอดเสื้อสูทตัวนอกคลุมไปที่บนร่างของเธอ
“ขอบคุณ” จงเหยียนซีหลุบตามองต่ำ
“กับฉันยังเกรงใจนะ” เขาคิดอยู่สักพักนึงแล้วก็เลือกที่จะถามออกไปอีกว่า “การกระทำเมื่อกี้ของเธอฉันเห็นหมดแล้ว ทำไมเธอยังหลงเหลือความรู้สึกให้กับเขาอยู่?”
จงเหยียนซียิ้มออกมาเล็กน้อย “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”
“ฉันไม่รู้ ความรู้สึกของพรรค์นี้ ฉันไม่เข้าใจหรอก”
“เว้นเสียแต่ว่าฉันบ้าไปแล้ว” เธอเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
ชั่วชีวิตนี้เธอไม่มีทางมีความรู้สึกอะไรกับเขาอีก
“ถ้าจะต้องมีสักวันที่เขาจะมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอล่ะ?” กู้เสียนเปิดประตูรถ
ฝีเท้าของจงเหยียนซีหยุดชะงักไป “เขาตาย ฉันก็ไม่มีวันใจอ่อน!”
“จำคำพูดเธอเอาไว้ให้ดี” กู้เสียนชูนิ้วหัวแม่มือให้เธอ
จงเหยียนซีปัดมือเขา “น่าเบื่อ”
กู้เสียนยิ้มออกมาเล็กน้อย โน้มตัวขึ้นรถไป
อีกด้านนึงเจียงโม่หานก็ได้กลับมาถึงบ้านแล้ว หลิงเวยเอ่ยออกมา “ให้ฉันอยู่เป็นคุณเถอะนะ”
เจียงโม่หานเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง”
“โม่หาน…”
“ดึกมากแล้ว กลับไปเถอะ” พูดจบก็ให้คนขับรถไปส่งเธอ
หลิงเวยก้าวเข้าไปข้างหน้าเพื่อที่จะตามเจียงโม่หานเข้าไป แต่คนขับรถได้ดึงเธอเอาไว้ “คุณหลิง ประธานเจียงได้บอกแล้วว่าให้คุณกลับไป ก็ควรจะกลับไปดีกว่านะครับ”
เธอยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่ยินยอม จนมองไม่เห็นเงาร่างเบื้องหลังของเจียงโม่หานแล้ว
ที่นี่เป็นที่พักที่เจียงโม่หานอยู่มาปีนึงแล้ว ตั้งแต่ที่ได้หย่าไป เขาก็ไม่เคยไปบ้านที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับจงเหยียนซีอมาสามปีหลังนั้นอีกเลย
หลังจากที่เข้าบ้านไป เขาก็โยนเสื้อคลุมลงไปบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ เดินไปยังข้าหน้าบาร์เหล้าหยิบเหล้าขวดนึงมาเปิดฝา เทใส่แก้ว เอาแก้วเหล้าส่งมาที่ริมฝีปาก นึกย้อนไปถึงความรู้สึกที่กอดหลินลุ่ยซีขึ้นมาอีกครั้ง
ความรู้สึกแปลกๆโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น ตามหลอกหลอนอยู่ในใจ ไม่ว่าจะทำยังไงก็สลัดมันออกไปจากหัวไม่ได้เสียที