กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 887 โลกกลม
วันที่เขาออกไปทำมาหากินข้างนอก เป็นแม่ของเขาที่คอยอยู่เฝ้าบ้าน เฝ้าเขาเพียงลำพัง
แล้วสุดท้ายได้อะไรมา?!
เผชิญกับคำถามที่ลูกชายถามออกมาคำแล้วคำเล่า เจียงจวิ้นก็ไม่มีอะไรจะพูดออกไปเลย สำหรับการตายของภรรยาเก่าของเขานั้น ก็เคยมีความเสียใจอยู่เหมือนกัน เพราะถึงยังไงก็เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาก่อน และมีลูกให้เขา
“โม่หาน เรื่องในอดีต ทั้งหมดก็ถือว่าฉันผิดต่อแม่ของแก ทำผิดกับแก เห็นแก่ที่ฉันเป็นพ่อของแก ให้งานน้องแกสักงานนึง ให้เขาอย่าได้ไปลอยชายอยู่ที่ข้างนอกเลย” เจียงจวิ้นเอ่ยออกมาเสียงอ่อน
เจียงโม่หานยิ้มออกมาเล็กน้อย “นี่คือจุดประสงค์ที่คุณเอาการป่วยมาอ้างให้ผมมาที่นี่?”
“โม่หาน อย่างน้อยบริษัทมันก็มีครึ่งนึงเป็นของน้อง แกคิดจะยึดไปเองคนเดียวเหรอ?” เจียงจวิ้นเปลี่ยนเสียงที่ฟังดูอ่อนน้อมออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะลดความหยิ่งผยองลงไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่แยแสเลยสักนิด!
เจียงโม่หานลุกยืนขึ้นมา “คุณพ่ออยู่รักษาตัวให้ดีดีกว่า จะได้มีชีวิตที่ยืนยาว”
พูดจบก็ไม่ได้ไปดูสีหน้าของเจียงจวิ้นก็ได้ก้าวเดินไปที่ประตูเสียแล้ว
“เจียงโม่หาน แกอย่าให้มันเกินไปหน่อยเลย!”
เจียงจวิ้นโกรธจนมีสีหน้าแดงก่ำออกมา “ฉันเป็นพ่อแกนะ!”
“แล้วไง?” เจียงโม่หานหยุดฝีเท้าลง หันหน้าไปมองเขา “อย่างนั้นแล้วผมก็เลยต้องสนใจลูกชายของคุณ?”
เจียงจวิ้นกำมือ สั่นออกมาไม่หยุด “แกได้บริษัทไปแล้ว ก็แค่ให้น้องชายแกเขามีงานเป็นจริงเป็นจังทำสักหน่อยก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงต้องโหดร้ายกับเขาอย่างนี้ด้วย?”
เจียงโม่หานเดินเข้าไปข้างเตียงอีกครั้ง พลางมองลงไปข้างล่าง “เมื่อตอนนั้นบริษัทได้เผชิญกับการล้มละลายไปแล้ว เป็นเงินชดเชยของแม่ที่ได้เอามาเติมส่วนที่ขาดไป มันถึงได้ไม่ล้มละลายไป ผมโหดร้ายกับเขา? ยังจำได้ว่าชิวหมิงเยี่ยนเงินหายไปพันหยวน พวกคุณต่างก็บอกว่าผมเอาไป คุณทำอะไรกับผมหรือเปล่า? ผมอยากจะถามคุณ เงินนั้นผมเป็นคนเอามาเหรอ?”
เมื่อตอนนั้นเพิ่งจะมาที่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน ชิวหมิงเยี่ยนบอกว่าเงินหาย “ที่บ้านก็ไม่เคยมีคนนอกเข้ามา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยจะมีของหายมาก่อน ฉันวางเงินสำหรับค่าใชจ่ายในแต่ละวันเอาไว้ในลิ้นชัก มันก็ได้หายไปพันนึงโดยไม่มีสาเหตุ ไม่รู้เลยเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาให้ชัดเจน แต่ความหมายของคำพูดนั้นก็คือบอกว่าเขาเป็นคนนอก เมื่อก่อนไม่เคยหายมาก่อน แต่หลังจากที่เขามาบ้านหลังนี้ก็หายไปเลย ความหมายโดยนัยที่แฝงอยู่ก็คือเขาเป็นคนเอาไป
เจียงจวิ้นเองก็มั่นใจว่าเป็นเขาเอาไปด้วยเหมือนกัน ให้เขายอมรับผิด แล้วเอาเงินออกมา
เขาบอกว่าเขาไม่ได้เอาไป
แต่เจียงจวิ้นก็ไม่เชื่อ จะให้เขายอมรับความผิดเสียให้ได้ ทั้งยังให้เขาเอาเงินที่แอบหยิบไปออกมาอีก
เขามีนิสัยดื้อรั้น ยิ่งไปกว่านั้นเดิมทีแล้วก็ไม่ได้เป็นเขาที่เป็นคนหยิบไปอยู่แล้ว จะไปยอมรับได้ยังไง
เจียงจวิ้นดึงเข็มขัดออกมา เพื่อมาทุบตีเขา
ชิวหมิงเยี่ยนยืนมองอยู่ข้างๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำสายตาที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นของเธอได้
หลังจากที่ตีแล้วก็ขังเขาเอาไว้สามวัน ไม่ให้กินไม่ให้ดื่ม
ภายหลังเจียงโย่เชียนได้ยอมรับออกมาเองว่าเงินนั้นเขาเป็นคนหยิบไปเอง เขาถึงได้ถูกปล่อยออกมา เมื่อตอนนั้นเขาพูดยังไงกับลูกสุดที่รักของเขากัน?
“โย่เชียน ลูกต้องการเงินก็บอก ทำไมเอาไปโดยไม่บอกกันเลยสักคำ?”
ชิวหมิงเยี่ยนที่อยู่อีกด้านนึงพูดออกมาว่า “โย่เชียนยังเด็ก ไม่รู้ความ โตขึ้นก็จะดีขึ้นเอง”
ในฐานะที่เป็นพ่อ กับความผิดของลูกเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็จะปล่อยผ่านได้อย่างง่ายดาย
แต่กับเขา แม้แต่ยิ้มก็ยังไม่มอบให้เลยสักนิด ยิ่งขนาดหลังจากที่ตีเขาไปอย่างแรงแล้วก็ได้รู้ว่าเขาได้ถูกปรักปรำ แต่ก็ไม่มีแม้แต่จะปลอบใจเขาเลยสักนิด แต่กลับพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ไม่รู้ว่าได้ใครมา นิสัยถึงได้ดื้อรั้นได้ขนาดนี้!”
นั่นมันไม่ใช่ดื้อรั้น มันเป็นศักดิ์ศรีของเขา เป็นความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา ยอมให้คุณตีผมดีกว่า ผมไม่มีทางยอมรับเรื่องที่ผมไม่ได้ทำ
ในเส้นทางช่วงระหว่างที่เขาเติบโต เรื่องที่คล้ายคลึงกันอย่างนี้มันเยอะมาก มากจนไม่สามารถนับให้ชัดเจนได้เลย
“ผมเคยบอกเอาไว้แล้วว่าคนที่ทำร้ายแม่ของเรา ผมไม่มีวันปล่อยมันไป” เขาโน้มตัวลงไป พลางยิ้มออกไป “ผมไม่ได้กำจัดพวกคุณไปให้สิ้นซาก ปล่อยให้พวกคุณได้มีชีวิตอยู่ดีๆ ก็ควรจะขอบคุณผมแล้วนะ อย่ามาเรียกร้องอะไรกับผมอีก”
พูดจบเขาก็ได้ตรงตัวขึ้นมา มองบ้านนี้ไปแวบนึง “สามารถมีบ้านอย่างนี้ มีหมอดีๆรักษาให้ คุณควรรู้จักพอได้แล้ว”
พูดจบผันร่างเดินไปที่ประตู ประตูห้องเปิดออกชิวหมิงเยี่ยนก็ได้ยืนอยู่ที่หน้าประตู คาดว่าคงจะแอบฟังอยู่ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆเจียงโม่หานจะเปิดประตูห้องออกมาอย่างกะทันหัน เธอแสร้งทำเป็นยิ้มออกมาอย่างสงบนิ่ง “ฉันอยากจะมาถามพวกเธอดูว่าอยากจะดื่มน้ำกันหรือเปล่า”
เจียงโม่หานเดินผ่านเธอออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจ ผู้หญิงคนนี้มีนิสัยน่าเอือมระอายังไง ในใจเขารู้ดีอย่างมาก!
หลังจากที่ออกมาจากตระกูลเจียง เขาก็ได้ขับรถทะยานอยู่บนทางหลวง ในเวลานี้รถบนถนนน้อยมากแล้ว แสงนีออนหลากหลายสีนี้ได้ทำให้เมืองดูคึกคักขึ้นมา
ไม่ว่าแสงไฟอย่างนี้จะงดงามแค่ไหน เขาก็ไม่เคยไปสนใจมันเลยสักวินาทีเดียว
ในตอนนี้เขาโดดเดี่ยว และยังหมดหนทางอีก
เขาครอบครองอะไรตั้งมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลย
ภายในใจมันว่างเปล่า
รถแล่นไปมาด้วยความเร็วสูงในเมืองอย่างนี้ ในตอนนี้ เขาไม่มีใครเลยที่สามารถเล่าเรื่องที่เก็บเอาไว้ภายในใจให้ฟังได้เลยแม้แต่คนเดียว ได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง และก็ยังหัวเดียวกระเทียมลีบอีก
สุดท้ายรถก็ได้จอดลงที่บาร์เหล้าร้านหนึ่ง
เขาลงจากรถเดินตรงเข้าไป ตอนนี้ในบาร์เหล้าเป็นตอนที่กำลังคึกคักกันเลย แสงสี เพลงฮิตที่มีจังหวะสนุกมันส์ๆและการเต้นกันออกมาอย่างร้อนแรง ชายหญิงได้โอบกอดกันอยู่บนฟลอร์เต้นกันไปอย่างสนุกสนานจนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง โยกย้ายลำตัวไปตามที่ใจต้องการ
เขาเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์สั่งเหล้ามาขวดนึง
ดื่มไปตามลำพัง
เหล้านอกขวดนึง เพียงไม่นานก็ลดลงไปครึ่งนึง
เขารินไปจนเต็มอีกครั้ง เงยหน้ากระดกดื่มไปจนหมด
แก้ววางลงไปบนเคาน์เตอร์บาร์ เขารินต่อ ในตอนนั้นเองก็มีมือบางไร้กระดูกข้างหนึ่ง ทาเล็บสีแดง วางลงบนแขนของเขา ค่อยๆกุมเอาไว้อย่างช้าๆ “คุณผู้ชาย ดื่มเหล้าตอนอารมณ์ไม่ดีอยู่แค่คนเดียว ไม่สู้ให้ฉันดื่มเป็นเพื่อนคุณไม่ดีกว่าเหรอคะ?” พูดไปแล้วหญิงสาวก็ได้นั่งลงข้างๆเขา
เหล้านอกลงท้องไปครึ่งขวด แต่เจียงโม่หานไม่ได้มีความรู้สึกเมาเลย เพียงแค่สมองมันไม่ได้มีสติชัดเจนเท่ากับตอนปกติ
ดวงตาที่ปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของเขาค่อยๆเลิกขึ้นมา สายตาจรดอยู่ที่ร่างของหญิงสาว ชุดที่แนบลู่เข้ากับร่างกายสีดำ รูปร่างที่นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวได้โชว์ออกมา ขาขาวเรียวบางทั้งสองข้างเปลือยเปล่าออกมา บนเท้าได้สวมรองเท้าส้นสูงสีแดง ในตอนนี้ขานั้นก็กำลังแนบเข้ามาบนร่างของเขา
หญิงสาวข่มกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในใจ ผู้ชายที่เด็ดสุดยอดขนาดนี้ เจอได้น้อยมาก คิดว่าจะต้องคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้ จึงยิ้มแล้วเอ่ยพูดออกไป “พอดีเลยฉันก็มาคนเดียวเหมือนกันค่ะ”
เจียงโม่หานหรี่ตาลง ทิ้งคำพูดคำหนึ่งออกไปอย่างเย็นชา “ไสหัวไป!”
หญิงสาวมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากเลยทีเดียว เธอเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ แทบจะไม่เคยมีใครปฏิเสธการเข้าหาของเธอมาก่อน จึงคิดว่าตัวเองหูฝาดไปชั่วขณะ
ยังคงมีรอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้าเหมือนเดิม หยิบขวดเหล้ารินให้กับตัวเองแก้วนึง จัดการขึ้นมา “ไม่งั้นแล้วพวกเราแลกกันดื่มกันสักแก้วดีมั้ยคะ?”
ในตาของเจียงโม่หานเต็มไปด้วยแววตาที่เยือกเย็น สีหน้าเองก็ดูขุ่นเคืองด้วยเช่นกัน “คุณไม่เข้าใจคำพูดของผมเหรอ?”
สีหน้าที่แสดงออกมาของหญิงสาวได้ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ฉัน ฉันได้ยินแล้วค่ะ แต่ฉันเห็นว่าคุณอยู่คนเดียวตอนนี้ก็คงจะต้องการใครมาอยู่เป็นเพื่อน ฉันคิดว่าฉันเหมาะสมมาก”
พูดไปแล้วการกระทำที่ยั่วเย้าของหญิงสาวก็ยิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ จับมือของเขามาวางลงบนหน้าอกของตัวเอง
ไม่รอให้เธอได้เพลิดเพลินอยู่กับความสุขที่ได้ถูกลูบไล้ ก็ได้รู้สึกเจ็บที่หน้าท้องขึ้นมา ทั้งร่างได้ปลิวออกไป
เสียงโครมดังขึ้น ชนโต๊ะเก้าอี้ล้มลงไป หญิงสาวตกลงไปบนพื้น
หญิงสาวกุมตรงหน้าท้องเอาไว้ ไม่กล้าที่จะเชื่อ ดวงตาที่ได้แต่งหน้ามาอย่างประณีตได้เต็มไปด้วยความช็อก ฟลอร์เต้นที่จากเดิมคึกคักอยู่ก็ได้หยุดลงเพราะภาพเหตุการณ์นี้แล้วหันเข้ามามองดูกัน
หญิงสาวตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น เพราะถูกคนมองอย่างท่วมท้น สีหน้าก็ได้ย่ำแย่ออกมาสุดๆ “คุณยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า? นึกไม่ถึงว่าจะทำร้ายผู้หญิงได้”
เจียงโม่หานไม่แม้แต่จะมองเธอเลยสักนิด ควักเอากระเป๋าตังค์ออกมาแล้วหยิบธนบัตรสีแดงหลายใบจากข้างในวางลงไปบนเคาน์เตอร์บาร์ จากนั้นก็เดินออกไป
หญิงสาวพุ่งพรวดเข้ามาเพื่อที่จะรั้งเขาเอาไว้ “คุณทำร้ายคนอื่นแล้วคิดจะไปเหรอ?”
ดวงตาของเขาเยือกเย็นออกมา “ออกไป!”
หญิงสาวจากเดิมคิดที่จะแบล็กเมล์ที่เขาทำร้ายตัวเองสักหน่อย แต่เห็นพลังความน่ากลัวของผู้ชายคนนี้แล้ว เธอก็ไม่กล้าอีก จึงเลือกที่จะเบี่ยงตัวออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
เจียงโม่หานก้าวเดินออกไป
เขาเดินมาข้างรถเปิดประตูรถออก ตอนที่เตรียมจะขับรถกลับไปนั้นเอง กลับเห็นหลินลุ่ยซีเดินออกมาจากโรงหนัง
เขายกมือขึ้นมาดูนาฬิกา มันเลยเที่ยงคืนไปแล้ว
“คุณหลิน” เขาปิดประตูรถ เดินเข้าไปหาเธอ
จงเหยียนซีหันหน้ามองเข้ามา ตอนที่เห็นเขา ก็ได้ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น วันนี้เธอนอนไม่หลับ ก็เลยมาดูหนังรอบดึก แต่กลับมาเจอเขา นี่มันโลกกลมหรือเปล่า?
แต่ภายนอกก้ได้ยิ้มทักทายออกไป “ประธานเจียง”