กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 916 คุณรู้เหรอว่าในอดีตผมเป็นยังไง
จงเหยียนซีอยากตามไป แต่พบว่าตัวเองยังอยู่ในชุดนอน จึงชักเท้ากลับแล้วพูดกับเขาว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจปิดบังคุณ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเข้าห้องไป
กู้เสียน “……….”
เธอเป็นคนผิด แต่ทำไมยังทำเหมือนตนทำผิดต่อเธอแบบนี้
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะกลับเข้าห้องไปแบบนี้เนี่ยนะ เธอถือว่าเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่ากันแน่
ทำไมไม่ไล่ตามเข้ามา
เธอไม่สนใจตนเลยเหรอ
ยิ่งคิดยิ่งหายใจไม่ออก แล้วออกจากโรงแรมไปอย่างหงุดหงิด
ที่โรงแรม
จงเหยียนซีก็โกรธเช่นกัน
เพราะไม่ฟังคำอธิบายของเธอเลย จึงรู้สึกโกรธมาก
จะดีร้ายอย่างไรก็ควรให้เธอได้พูดบ้างไม่ใช่เหรอ
แต่จบลงที่โกรธมากจนไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดเลย
เถียนฉีเฟิงกับเถียนฉีลั่งเห็นอย่างชัดเจน รู้ว่าจงเหยียนซีกำลังอารมณ์เสีย ตอนที่เธอเข้ามาในห้อง พวกเขาสองคนจึงออกมา
เมื่อครู่ที่เธอกับกู้เสียนโต้เถียงกันพวกเขาได้ยิน เพียงแต่ไม่รู้ว่าตัวละครหลักในการโต้เถียงของพวกเขาเป็นใคร
พวกเขาถูกจัดให้อยู่ข้างกายจงเหยียนซี เพราะพวกเขาเคยอยู่กับจงเหยียนเฉินในหน่วยรบพิเศษมาก่อน และได้รับการดูแลโดยพลตรีเหวิน
ต่อมาเพราะจงเหยียนเฉินมีผลงานที่ดีมากจึงถูกย้ายไป ส่วนที่ว่าย้ายไปอยู่หน่วยไหนพวกเขาก็ไม่รู้ เพียงแต่ติดต่อเขาไม่ได้
ว่ากันว่าเข้าองค์กรลับ คนทั่วไปไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเป็นหลักแหล่งแน่ชัด และปฏิบัติภารกิจอะไร
และพวกเขาถูกเหวินเสี่ยวจี้เรียกหา บอกว่าต้องการให้พวกเขาช่วยงาน
เพราะแบบนี้พวกเขาสองคนจึงออกจากกองทัพ
ต่อเมื่อจงเหยียนซีไม่ต้องการคนข้างกายแล้ว พวกเขาจะยังคงกลับไป
ถูกจัดให้อยู่ข้างกายจงเหยียนซี กวนจิ้งได้บอกเล่าถึงแต่ละคนและสิ่งต่างๆ รอบตัวจงเหยียนซีอย่างละเอียดแล้ว
แม้แต่กู้เสียนเมื่อครู่ พวกเขาต่างรู้ว่าเป็นใคร
เป็นเพื่อนของจงเหยียนซี และเป็นคนที่ช่วยชีวิตจงเหยียนซีด้วย ดังนั้นตอนที่พวกเขากำลังโต้เถียงกัน พวกเขาจึงไม่ปรากฏตัวออกมา พวกเขาประเมินแล้วว่าจะไม่ทำร้ายจงเหยียนซี
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก จงเหยียนซีแต่งตัวเรียบร้อย เธอมองสองคนที่หน้าประตู “พวกคุณคนหนึ่งติดตามฉัน อีกคนอยู่ที่นี่ค่ะ”
มันจริงที่ว่าพาออกไปข้างนอกถึงสองคนมันสะดุดตาเกินไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ใส่ชุดทหาร แต่ออร่าที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายปี มันไม่ได้เปลี่ยนไป
“นายอยู่ที่นี่” เถียนฉีเฟิงพูด
น้องชายค่อนข้างไม่เต็มใจ “ผมติดตามไปดีกว่า”
“ฉันเป็นพี่ นายเป็นน้อง นายต้องฟังฉัน” เถียนฉีเฟิงพูดอย่างแข็งกร้าว
จงเหยียนซี “……….”
“คุณเป็นพี่ แต่คุณตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คุณเกิดก่อนผมแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น”
“คุณพ่อคุณแม่ตั้งชื่อพวกเราว่าเฟิงลั่งที่หมายถึงลมพัดคลื่น เฟิงอยู่หน้า ลั่งอยู่หลัง ไม่มีลมพัดผลักหลัง คลื่นก็ไม่ขึ้น”
น้องชาย “………”
จงเหยียนซีรับคำพูด “พวกคุณสองคนล้วนแต่เก่งหมด เพียงแต่คนที่อยู่ที่นี่ ฉันก็มีแผนให้ด้วยค่ะ”
ทันทีที่ได้ยิน เถียนฉีลั่งก็ไม่ได้ต่อต้านนักที่ต้องอยู่เฉยๆ
จงเหยียนซียื่นการ์ดให้เถียนฉีลั่ง “พวกคุณติดตามฉัน ฉันทำกับพวกคุณอย่างไม่ยุติธรรมไม่ได้ คุณอยู่ที่นี่ ดูว่าข้างๆ ฉันมีห้องว่างไหมแล้วจองหนึ่งห้อง จัดการที่พักให้เรียบร้อยนะคะ”
เถียนฉีลั่งไม่รับบัตร และพูดอย่างค่อนข้างผิดหวังว่า “เรื่องพวกนี้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”
พวกเขารับแค่ส่วนที่พวกเขาควรรับเท่านั้น มากกว่านั้นจะไม่รับ
จงเหยียนซีเพิ่งคิดได้ กวนจิ้นให้ทั้งสองคนแก่เธอ จะไม่มีทางไม่เตรียมการจุดนี้
เธอถอนหายใจเล็กน้อย ไม่ว่าอะไรก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว เธอรู้สึกเซ็ง “โอเคค่ะ”
เธอเก็บการ์ดแล้วออกจากห้องไป
เป็นพี่ใหญ่เถียนฉีเฟิงที่ออกไปกับเธอ
“เอากุญแจรถให้ผมครับ ผมขับรถเอง” เถียนฉีเฟิงพูด
จงเหยียนซีเอากุญแจรถให้เขา เพิ่งเปิดประตูและกำลังจะเข้าไปนั่ง หนานเฉิงก็เดินเข้ามา
“คุณหลิน”
จงเหยียนซีหันหน้าไป เห็นหนานเฉิงเดินเข้ามาหาเธอ
เธอเลื่อนการขึ้นรถออกไป
“ไม่ทราบว่าโครงการของคุณหลินจะทำสำเร็จเมื่อไรครับ” หนานเฉิงถาม
“ตกลงกันหนึ่งเดือน ยังไม่ครบกำหนด ฉันไม่ต้องรายงานไม่ใช่เหรอคะ”
“แน่นอนครับ เพีนงแต่ประธานเจียงอยากทราบว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว คุณหลินเข้าบริษัทไปรายงานต่อประธานเจียงหน่อยนะครับ”
จงเหยียนซีตายไปแล้ว ต่อให้เจียงโม่หานเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์
เขาพบว่าเจียงโม่หานปฏิบัติต่อหลินลุ่ยซีแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น เขาจึงหวังว่าหลินลุ่ยซีจะสามารถมาแทนที่จงเหยียนซีได้
เขาจึงตัดสินใจมาหาเธอเอง เพราะหวังว่าทั้งคู่จะได้ติดต่อกันมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้เจียงโม่หานไม่โดดเดี่ยว
“วันนี้ฉันมีธุระ ไม่ว่างค่ะ” จงเหยียนซีปฏิเสธ
กวนจิ้งกำลังจะกลับแล้ว เขาต้องคุยกับกู้เสียนให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด
เวลานี้เขาคงจะใจเย็นลงหน่อยแล้ว อย่างน้อยก็คงจะรับฟังที่เธอพูด
ถึงจะโกรธที่เขาไม่ให้โอกาสเธอพูด แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับการรู้จักกันของกู้เสียนกับกวนจิ้ง เธอไม่ควรโกรธกู้เสียน
เธอย่อตัวลงไปกำลังจะขึ้นรถ หนานเฉิงดึงประตูรถไว้ “คุณหลิน ไปสักหน่อยดีกว่าครับ”
จงเหยียนซีกดอารมณ์โกรธ “นี่คือความหมายของประธานเจียงของพวกคุณงั้นเหรอคะ”
หนานเฉิงพูด “ครับ”
“เขาเป็นประธานบริษัทใหญ่ แต่ไม่สามารถแม้แต่จะปฏิบัติตามข้อตกลงงั้นเหรอคะ” เธอยิ้มเยาะ แล้วพูดเสียงแข็งว่า “วันนี้ฉันจะไม่ไป”
เธอกระชากประตูรถปิดแล้วพูดว่า “ฉีเฟิง พวกเราไป”
เถียนฉีเฟิงเหลือบมองหนานเฉิง ก่อนจะขึ้นไปยังที่นั่งคนขับ
รถขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว
ต้องกลับไปบอกเจียงโม่หานหรือเปล่านะ หนานเฉิงยืนห่อเหี่ยวอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง
เดิมทีคิดว่าการหลอกเธอไปบริษัทไม่ใช่เรื่องยาก ไม่คิดว่าเธอจะมีท่าทีแข็งกร้าวขนาดนี้
ไม่เพียงแต่หลอกไม่ได้ ยังทำให้โกรธอีก
แล้วหลังจากนี้เธอจะไม่ไปหาเจียงโม่หานอีกหรือเปล่า
ทำยังไงดีล่ะ
จู่ๆ เขาก็พบว่าตัวเองผลีผลามเกินไป ต้องกลับไปบอกเจียงโม่หานหรือเปล่า หรือว่าช่างไปเถอะ
จงเหยียนซีมาถึงยังบริษัทของกู้เสียน ปรากฏว่าเขาไม่อยู่บริษัท เธอโทรไปก็โทรไม่ติด มือถือปิดเครื่อง คนในบริษัทของเขาก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน
จงเหยียนซีจำต้องออกจากบริษัทก่อน ขณะที่เตรียมจะไปตามหากู้เสียน ก็เห็นเจียงโม่หานออกมาจากอาคารฝั่งตรงข้าม ข้างกายยังมีหลายคนติดตามด้วย เหมือนมาที่นี่เพื่อพูดคุยธุระ คุยจบแล้วและกำลังเตรียมจะกลับ
เดิมทีเธอหงุดหงิดเพราะเรื่องของกู้เสียนอยู่แล้ว ปรากฏว่าหนานเฉิงมาหาอีก บอกว่าเธอต้องรายงานความคืบหน้า แผนงานนี้พวกเขาตกลงกันอย่างดีแล้ว หลังจากหนึ่งเดือนจะต้องส่งมอบให้บริษัท แต่นี่ไม่กี่วันก็มาถามความคืบหน้าจากเธอแล้ว
เธอนำพาความโกรธเดินข้ามถนนไป “ประธานเจียง”
เจียงโม่หานกำลังจะขึ้นรถ เมื่อเห็นเธอ การขยับจะขึ้นรถพลันหยุดลง ยืดตัวตรงแล้วถามว่า “คุณหลินทำไมถึง…”
เขาเพิ่งอยากถามว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ก็เหลือบไปเห็นตึกฝั่งตรงข้าม มันคือบริษัทที่กู้เสียนอยู่
กู้เสียนบอกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์เป็นแฟนกัน ในงานกาล่าการกุศลครั้งก่อน พวกเขาก็มาด้วยกัน ที่จริงเขาควรจะรู้ตั้งนานแล้ว
เขาสีหน้าเย็นชา “คุณหลินมาหาผมมีธุระอะไร”
จงเหยียนซีหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าประธานเจียงถามความคืบหน้าเรื่องของแผนงานโครงการกับฉันเหรอคะ”
ไม่รอให้เจียงโม่หานตอบ ก็พูดตอกหน้าโครมๆ ว่า “ประธานเจียง คุณก็เป็นประธานกรุ๊ปเหมือนกัน ควรรู้จักรักษาสัญญาระหว่างคู่ค้า ที่ลงนามในสัญญา ก็ตกลงกันอย่างดีแล้วว่าหนึ่งเดือนจะให้แผนงานแก่คุณไม่ใช่เหรอ นี่แค่ไม่กี่วันเอง คุณไม่เชื่อถือฉันหรือว่าไม่เชื่อถือบริษัทรุ่นเหม่ย”
เจียงโม่หานมีท่าทีค่อนข้างแปลกใจ “คุณหลินหมายถึงอะไร”
“หมายถึงอะไร” จงเหยียนซีแทบจะเอาอารมณ์โกรธทั้งหมดเขวี้ยงใส่ตัวเขา “เรื่องนี้คุณทำเอง แต่พลิกหน้าคิดจะปฏิเสธงั้นเหรอ หรือคุณหูหนวก ไม่ได้ยินที่ฉันพูด หรือจะบอกว่าประธานเจียงเป็นคนไม่มีหลักการ ถ้าคุณไม่เชื่อถือนักก็สามารถบอกได้ว่าไม่อยากร่วมงานกับฉันและบริษัทรุ่นเหม่ย แต่คุณดูสิว่าคุณเป็นคนกล้าทำไม่กล้ารับผิดชอบ นี่ยังเหมือนเป็นตัวคุณอยู่เหรอ”
เจียงโม่หานมองเธออยู่นานกว่าจะเอ่ยถามว่า “คุณรู้เหรอว่าในอดีตผมเป็นยังไง”
ยังเหมือนเป็นตัวคุณอยู่เหรอ
คำพูดนี้เหมือนกับว่าคุ้นเคยกับเขาอย่างมากมาก่อน