กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 930 ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
จงเหยียนซีถอนหายใจ “คุณเองก็มีเรื่องยุ่งมากพออยู่แล้ว ยังเป็นห่วงฉันอีก”
ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณคงไม่ได้ชอบฉันใช่ไหม”
เธอแกล้งทำเป็นหัวเราะ เพื่อขจัดความอึดอัดของอารมณ์
กู้เสียนหลบสายตา ยิ้มแล้วกล่าว “ผมชอบคนอายุอ่อนกว่า ไม่ได้ชอบพี่สาว”
จงเหยียนซี ”
“ฉันดูแล้วก็ยังไม่แก่มั้ง”
“แต่ก็ไม่เด็ก”
จงเหยียนซี ”
เธอแสร้งทำเป็นโกรธ “อย่างนั้นต่อไปคุณก็อย่ามาเดินกับฉันอีก เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นป้าของคุณ”
กู้เสียนหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ “คุณโกรธเหรอ”
“ถ้าฉันบอกว่าคุณดูเหมือนลุง คุณจะมีความสุขไหม” จงเหยียนซีย้อนถามกลับ
“ผมเองก็อยากเป็นลุงอยู่เหมือนกัน แต่คุณดูสิผมออกจะดูเด็กขนาดนี้ จะปกปิดยังไงไหว”
จงเหยียนซี”
“หลงตัวเอง” จงเหยียนซีอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา
กู้เสียนจับใบหน้าของจงเหยียนซีให้มองตรงมาที่ตัวเอง “คุณพูดจากความรู้สึกของคุณมา ผมหล่อหรือเปล่า”
จงเหยียนซีตบเข้าที่มือของเขา “จะพูดก็พูดไปสิ มือไม้ทำไมต้องอยู่ไม่เป็นสุข”
กู้เสียน”
“ดึกมากแล้ว คุณกลับไปเถอะ” จงเหยียนซีลุกขึ้น เธออยากจะอยู่เงียบๆคนเดียว
กู้เสียนมองเธอครู่หนึ่ง แล้วกล่าว “ครับ อย่างนั้นผมกลับก่อนนะ คุณมีอะไรก็ติดต่อผมได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ” จงเหยียนซีตอบกลับ
หลังจากที่กู้เสียนจากไป จงเหยียนซียังไม่ได้อาบน้ำก็ขึ้นไปนอนบนเตียง นอนพลิกตัวไปมาอยู่นานสองนานก็ยังนอนไม่หลับ ก็เลยลุก
ขึ้นมาแก้โปรเจกต์งาน
โปรจกต์งานฉบับนี้ก่อนที่เธอจะกลับมาเธอก็เริ่มทำแล้ว ทำการแก้ไขซ้ำไปมาหลายรอบ จนสามารถพูดได้ว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว หาก
บอกให้แก้อีก ก็คงต้องมองในมุมมองใหม่แล้วทำใหม่ทั้งหมด
หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน จนรู้สึกเหมือนกับเวลาผ่านไปเร็วมาก
ท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด จนกระทั่งง่วงแล้วฟุบหลับลงบนโต๊ะ
พอใกล้จะถึงเวลาช่วงเที่ยงนั้น โทรศัพท์ของเธอได้ดังขึ้น เธอจึงไปคว้าหยิบโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือแล้วมองดูหน้าจอ เป็นข้อความ
มัลติมีเดีย เธอจึงเปิดดู เป็นรูปถ่ายภาพหนึ่งที่จวงเจียเหวินส่งมา
เมื่อเห็นคนในภาพ เธอก็มีสติขึ้นทันที ขยี้ตาแล้วมองอย่างละเอียด
เป็นรูปถ่ายที่ถ่ายกันตอนอยู่บนโต๊ะอาหาร มีทั้งหมดสี่คน จวงเจียเหวินกับเสิ่นซินเหยา และอีกสองคนที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะคือพ่อแม่ของเธอ
ในรูปหลินซินเหยียนแต่งชุดไทย ตอนเธอสมัยสาวๆนั้นไม่ชอบแต่งตัว ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น แต่ว่าผิวของเธอนั้นยังคงขาวเนียนใสไม่
เปลี่ยน มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือหางตามีรอยตีนกา
ในแววตาเต็มไปด้วยเรื่องราว แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้แจ่มใส ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับจงงห้าวที่ทำให้เธอสบายใจไร้ความกังวล
ปีที่จงเหยียนซีอายุสิบขวบนั้น หลินซินเหยียนเกิดการตั้งครรภ์อย่างไม่ตั้งใจ เพราะว่าตอนที่คลอดจวงเจียเหวินนั้น ร่างของเธอได้รับ
บาดเจ็บ คุณหมอจึงบอกว่าจะไม่สามารถให้กำเนิดได้อีก
จงจิ่งห้าวเองก็ไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดทรมานจากการให้กำเนิดลูก จึงคุมกำเนิดมโดยตลอด แต่ก็มิวายเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นอย่างไม่
ตั้งใจ
ผู้หญิงมักจะมีอารมณ์อ่อนหว เมื่อรู้ว่าทารกในครรภ์ปกติและแข็งแรงดี เธอจึงไม่อาจที่จะยอมแพ้ไปแบบง่ายๆได้
จงจิ่งห้าวยืนกรานจะพาเธอไปโรงพยาบาล ก่อนที่ขึ้นเตียงผ่าตัดนั้น เธอดึงมือของจงจิ่งห้าวแล้วร้องไห้ฟูมฟาย ถามเขาว่า “คุณจะทิ้ง
เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ลงเหรอ ไม่เจ็บปวดใจเหรอ”
เธอเป็นแม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ว่าจงจิ่งห้าวก็เป็นพ่อ ต้องเซ็นชื่อลงในแบบฟอร์มเพื่อยินยอมให้ผ่าตัด เพื่อจบชีวิตของลูกตัวเอง ทำไมจะไม่เจ็บปวดเล่า
เขาก็เจ็บปวดทรมานเช่นกัน แต่ว่าสุขภาพร่างกายของหลินซินเหยียนไม่สามารถที่จะรับการตั้งครรภ์ได้อีก เสี่ยงอันตรายเกินไป
จงจิ่งห้าวเผชิญหน้ากับคำอ้อนวอนข้อร้องของหลินซินเหยียน ก็ไม่ยอมใจอ่อน
จนสุดท้ายหลินซินเหยียนได้เสนอเงื่อนไข คือตอนที่ผ่าตัดนั้นต้องการให้เขาคอยดูอยู่ข้างๆ
ต้องการให้เขาได้เห็นกับตา
ตอนที่หลินซินเหยียนนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดนั้น ได้กล่าวกับเขาว่า “เรื่องนี้ ฉันอาจจะจำไปตลอดชีวิต”
เมื่อพูดจบก็หลับตาลง แล้วมองไม่เห็นเขาอีก
หลังจากเรื่องนี้ผ่านไป หลินซินเหยียนก็มักจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนฆ่าลูกของตัวเอง ในใจจึงรู้สึกผิด ร่างกายก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน
รอจนจงเหยียนซีกับจงเหยียนเฉินเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แล้วจวงเจียเหวินก็ไปที่เมืองC จงจิ่งห้าวจึงพาหลินซินเหยียนไปที่ประเทศไทย
สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยเป็นเมืองเขตร้อน โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 24 ถึง 30 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิประจำปีไม่ต่ำกว่า 18 เซลเซียส
จงจิ่งห้าวได้ซื้อบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ และจะปักหลักอยู่ที่นั่น อากาศที่เชียงใหม่นั้นดีมาก สบายสดชื่น เหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี สิ่งที่
สำคัญที่สุดคือดีต่อร่างกายหลินซินเหยียนอย่างมาก ร่างกายของเธอผ่านการทำแท้ง ร่างกายจึงหนาวเย็น เลยทำให้กลัวความเย็น เมื่อถึงฤดู
หนาวทีไรมือเท้าก็จะเย็นวาบ
ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วที่จงจิ่งห้าวต้องการจะพาเธอไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แต่ว่าลูกๆยังเล็ก จึงได้แต่รอให้ลูกๆเติบใหญ่ก่อน
เมื่อลูกๆเติบโตกันแล้ว เขากับหลินซินเหยียนจึงไปที่นั่นอย่างสมใจ
น้อยมากที่จะกลับมาเมื่อเห็นรูปถ่าย จงเหยี่ยนซีจึงหวนคิดถึงวันเวลาที่ตัวเองไปที่นั่น ทรงบ้านเป็นสถาปัตยกรรมไทยแบบดั้งเดิม สองชั้นตรงกลางเป็นอาคาร
ขนาดเล็กที่ปูด้วยกระเบื้องสีแดงผนังสีขาว ซ้ายขวาเป็นตึกกระจกและตึกไม้ รายล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับ และได้ว่าจ้างพนักงานเชี่ยวชาญ
การตัดแต่งสวนโดยเฉพาะ ลานสนามหญ้ามีดอกไม้ต้นไม้หลากหลายสีสันมากมายได้ถูดจัดแต่งให้ดูสวยสดงดงาม มีชีวิตชีวา
อยู่ที่นี่ จิตใจจึงเบิกบานเป็นธรรมดา
เธอเริ่มคิดถึงแล้ว จึงวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปที่ห้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย
เมื่ออาบน้ำเสร็จ จิตใจของเธอก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย เธอรู้สึกหิวข้าว จึงเตรียมตัวจะไปสั่งอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม แต่เถียนฉีเฟิงกลับมาหา
มาบอกกับเธอว่า คำตัดสินของหลิงเวยได้ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว หลักฐานชัดเจน ฆ่าคนโดยเจตนาจึงถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
จงเหยียนซีไม่ได้แสดงอาการออกมากมาย ทั้งหมดนี้เธอหาเรื่องใสตัวเอง
“นายทานข้าวหรือยัง” จงเหยียนซีกล่าวถาม
“คุณหมายถึงอาหารเช้าหรืออาหารเที่ยง” เถียนฉีเฟิงกล่าวถาม
เวลานี้หากเป็นอาหารเช้านั้นสายเกินไป เป็นอาหารเที่ยงก็เช้าเกินไป
“อาหารเที่ยงแล้วกัน” จงเหยียนซีกดปุ่มลิฟต์ลง
เถียนฉีเฟิงได้ตามมาแล้วกล่าว “แล้วแต่จะจัดแจงครับ”
“ใช้แล้ว คุณเห็นข่าวของวันนี้หรือยัง” เถียนฉีเฟิงกล่าวถาม
จงเหยียนซีหันหน้ามามองเขา นอกจากเรื่องของหลิงเวย ยังมีข่าวอื่นอีก?