กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 942 สภาพตอนที่พวกเขารู้จักกัน
เจียงโม่หานที่เดิมที่สีหน้าก็ไม่มีเลือดฝาดอยู่แล้ว กลายเป็นเย็นชามากขึ้น “ใครเป็นคนทำ?”
หนานเฉิงมองมาที่เขาแล้วพูดว่า “ตระกูลกู้ที่หายจากโลกนี้ไปนานแล้วครับ ในตอนนั้นตระกู้กับตระกูลจงมีความขัดแย้งต่อกัน พวกเขาจึงลงมือกับรถของจงจิ่งห้าว เดิมทีคนที่พวกเขาต้องการ
จะทำร้ายคือเขา แต่ว่า ..”
เขาหยุดพูด แล้วไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปยังไง
กวนจิ้งจงใจให้หนานเฉิงตรวจสอบอุบัติเหตุในครั้งนั้นได้ และเป็นข้อมูลที่ซัดเจนมากด้วย คนที่ รู้สึกในเรื่องนี้ หลังจากผ่านไปนานขนาดนี้ คนที่รู้เรื่องก็มีเพียงพวกเขาไม่กี่คนเท่านั้น แต่เขาจ้าง
คนมาแสดงตัวเป็นคนใช้เก่าแก่ในตระกูลจง
ในตอนนั้นคนรับใช้คนเดียวที่รู้เรื่องนี้คือคุณแม่หยู แต่คุณแม่หยูเสียชีวิตไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน กวนจิ้งจึงหาหญิงชราคนหนึ่งและขอให้เธอแกลังทำเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลจง จากนั้น
ให้หนานเฉิงรู้ความจริงทางปากของเธอ
คนใช้เป็นเรื่องโกหก แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง
แน่นอน หนานเฉิงคิดว่าคนรับใช้เก่าที่เขาเจอนั้นเป็นของคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลจงจริงๆ
เหมือนที่เขาพูดกันว่าชิงแก่ย่อมเผ็ดกว่าขิงอ่อน มีกวนจิ้งคอยควบคุมอยู่ข้างหลัง เขาไม่มีทางจับพิรุธได้แน่นอน
เจียงม่หานเริ่มหมดความอดทน “แต่อะไร อย่ามาเล่นปริศนาคำใบ”
“ครั้งนั้นเสิ่นเผยชวนเป็นคนขับรถเพราะจงเหยียนซีรู้ว่าวันนั้นเป็นวันเกิดของคุณน้หวาง แต่วันนั้นจงจิ่งห้าวไม่อยู่บ้าน เสินเผยชวนจึงเป็นคนขับรถพวกเธอไปในเมืองเพื่อซื้อเค้กวันเกิด แต่
กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้น” หนานเฉิงถอนหายใจ แล้วใช้คำพูดที่สั้นและได้ใจความที่สุด
“ถ้าหากผมจำไม่ผิด วันนั้นเป็นวันเกิดคุณแม่ของคุณสินะครับ คนที่จงเหยียนซีต้องการจะซื้อเค้กให้คือคุณแม่ของคุณ อุบัติเหตุในครั้งนั้นก็เป็นเพราะแผนของคนอื่น แต่จงเหยียนซีกับเสิ่น
เผยชวนก็เป็นผู้ถูกกระทำเช่นกัน…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ทันใดนั้นเอง เจียงม่หานก็พูดขัดขึ้นมา เขาพยายามอดกลั้นอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนเสียงที่สั่นเครือของเขาได้ “นายกลับไปเถอะ”
หนานเฉิงไม่ขยับ แล้วพูดปลอบโยน “อย่าโทษตัวเองเลยครับ แต่โชคยังดีที่ภรรยาของคุณไม่เป็นไร…
“ออกไป!” เจียงโม่หานตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แต่เสียงของเขาก็อ่อนลงอีกครั้งในวินาทีต่อมา “ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ในตอนนี้ เขาหมดหนทาง และอ่อนแรงมาก เขาไม่ใช่เจียงโม่หานที่ไม่แยแสใคร และทรงพลังอีกต่อไปแล้ว
เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ทำผิดพลาดไป และไม่รู้ว่าจะชดเชยยังไง
หนานเฉิงไม่กล้ากลับไป ท่าทางของเขาดูแย่เกินไป เขาพยายามเกลี้ยกล่อม “คุณผู้หญิงเธอไม่เป็นไรแล้ว ยังมีโอกาสที่จะชดเชยนะครับ”
เจียงโม่หานมองเขาด้วยแววตาที่เปี๊ยกชื้น “นายจะรู้อะไร?”
“นายจะรู้อะไร?!”
เขาตะโกนเสียงดังลั่น เขาโกรธ เขาโมโห เขาอารมณ์เสีย อารมณ์ทั้งหมดนี้เขามีให้ตัวเอง
เขากลัวว่าจงเหยียนซีจะไม่ให้อภัยตัวเอง และที่กลัวมากไปกว่านั้น คือกลัวที่จะสูญเสียลูกไป!
หลังจากสูญเสียมารดาไป เขาก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนมีบ้นให้กลับอีกต่อไป ในตอนที่เขาอาศัยอยู่กับจงเหยียนชี เพราะความแค้นทำให้เขาเพิกเฉยต่อความอบอุ่นที่เรียบง่ายนั้น
มีหลายครั้ง ที่เขาเคยคิด อยากมีลูกของตัวเอง
เขาเคยมี แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
หนานเฉิงรู้ว่าตอนที่เขารู้ความจริงจะต้องอารมณ์แปรปรวนแน่นอน แต่ตามอารมณ์ของเขา เขาน่าจะสงบอารมณ์ได้
ระเบิดอารมณ์รุนแรงขนาดนี้ เป็นสิ่งที่หนานเฉิงคาดไม่ถึงเลย
เจียงโม่หานลุกขึ้นยืน บางที่อาจเป็นเพราะลุกขึ้นเร็วเกินไป ทำให้เขายืนไม่มั่นคง ขาของเขาชนกับโต๊ะกาแฟ หนานเฉิงคิดจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงเขา แต่ถูกเขาโบกมือปฏิเสธ แล้วเดินขึ้น
ไปชั้นบนอย่างทุลักทุเล
หนานเฉิงเป็นห่วงจึงเดินตามไป “ประธานเจียง…”
“ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพัก ได้ไหม?” เจียงโม่หานพูดสามคำสุดท้ายด้วยเสียงสูง
หนานเฉิงพูด “ผมอยู่ข้างล่าง ถ้าคุณมีอะไร เรียกผมได้เลยนะครับ”
เจียงโม่หานเมินเฉย แล้วเดินตรงเข้าไปในห้อง ในห้องแผ่นอัลตราซาวนด์ยังคงอยู่บนเตียง
เขาเดินเข้าไปช้าๆ เดินไป เดินมาก็คุกเข่าลงอย่างหมดแรง กำลังในร่างกายของเขาเหมือนถูกสูบไปจนหมด แม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืนเขายังไม่มีเลย
เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งไปคว้า ‘กระดาษ’ แผ่นนั้นไว้ แล้วนั่งลงพิงขอบเตียง
ในสายตาของคนภายนอก ผู้ชายที่แข็งแกร่งราวเหล็ก ตอนนี้กลับขอบตาแดงก่
ความแค้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้มาบอกเขาว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
เขาผิดไปแล้ว
ไม่ใช่แค่ผิด แต่เขายังทำร้ายผู้หญิงที่รักเขาจริงๆ ไปแล้วด้วย
แล้วยังสูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดไป
หนานเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาชั้นล่าง มองขึ้นไปชั้นบน อยากจะขึ้นไปดูอาการของเขา แต่กลัวว่าจะรบกวนเขา จึงได้แต่รออยู่ที่ชั้นล่างเท่านั้น
ฟ้าสว่างฟ้ามืดและสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
หนานเฉิงยังคงคอยเฝ้าอยู่ในบ้านพัก ไม่จากไปไหน
ในเวลานี้ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ
จงเหยียนซีกำลังเดินออกมาจากทางออก
เถียนฉีเฟิงเดินไปรับเธอ
หน้าตาตอนที่เธอทำศัลยกรรมสวยมาก แต่หน้าตาเดิมของเธอสวยกว่า ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน
เถียนฉีเฟิงรับกระเป๋าในมือของเธอมา แล้วถามว่า “ราบรื่นไหมครับ?”
จงเหยียนชีพยักหน้า แล้วถามว่าในช่วงหนึ่งเดือนที่เธอไม่อยู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนครับ เจียงโม่หานลงทุนเงินก้อนสุดท้าย ผมทำการคำนวณดูแล้ว ถ้ารวมกับสองครั้งก่อนเขาลงทุนไปรวมกันแล้วประมาณสามพันล้าน รวมกับหุ้นที่ตกดิ่งก่อน
หน้านี้ เขาขาดทุน แล้วอีกอย่าง หลังจากที่คุณจากไปเขาก็หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน ผมได้ยินจากคนในบริษัทของพวกเขาบอกว่า ก่อนหน้านี้เขาไปทำงานทุกวัน เขาใช้เวลาสวนใหญ่ในบริษัทและพบลูกค้า แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้ไปบริษัทเลย”
จงเหยียนซี้ไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ก่อนจะพูดว่า “ตามแผนที่เราวางไว้ตอนนี้บริษัทหลักทรัพย์ชินไฮน่าจะประกาศลัมละลายไปแล้ว”
นี่ก็หมายความว่าเงินทุนที่บริษัทหลักทรัพย์ซินไฮลงทุนซื้อกิจการก่อนหน้านี้จะสูญหายไป ถึงแม้จะซื้อกิจการได้สำเร็จ ก็เหลือแต่บริษัทว่างเปล่า
“ความแค้นระหว่างฉันกับเขา ควรจะจบลงได้แล้ว” สีหน้าของจงเหยียนซีเย็นชา
ไม่ได้ทำอะไรด้วยอารมณ์ และไม่ได้ฝังความเกลียดซังไว้ในใจตลอดเวลา
เธอรู้ดี ว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร
พอออกจากสนามบิน เถียนฉีเฟิงเปิดประตูให้เธอ
เธอก้มลงนั่งบนรถ
เถียนฉีเฟิงเข้านั่งในตำแหน่งคนขับ
ไม่ได้สตาร์ทรถในทันที แต่ห้นกลับมามอง “คุณดูเหมือนทำอะไรเด็ดขาด แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณยังรักเขาอยู่”
จงเหยียนซีมองหน้าเขานิ่ง “ฉันมีตรงส่วนไหนทำให้คุณคิดว่าฉันยังรักเขาอยู่คะ”
“คุณไปศัลยกรรมใบหน้าของคุณกลับมา ไม่ใช่เพราะเขาเหรอครับ?”
จงเหยียนซีหัวเราะเบา ๆ “ฉันเปลี่ยนกลับไปเป็นหน้าตาเดิมของฉัน เพราะฉันต้องการใช่ตัวตนเดิมของฉันมาเคลียร์กับเขาให้เรียบร้อย”
ไม่มีการปิดบัง เธอจงเหยียนซี นามสกุลเดิม ชื่อเดิม และใบหน้าเดิมตอนที่รู้จักกับเขา
ถ้าจะจบ ก็ควรจะเป็นใบหน้าเดิมตอนที่พวกเธออยู่ด้วยกัน
คนที่เคยรักเขา และหวังดีต่อเขาอย่างจริงใจ
ตอนนี้ ควรเป็นเธอคนเดิมที่จะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดด้วยมือของเธอเอง