กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 952 หนานเฉิงนายอยากตายหรือไง
ทันทีที่เจียงจวิ้นพูดจบ ชิวหมิงเยี่ยนก็พูดเสริมขึ้นมา “ใช่จ้ะโเซียน โเซียนมีสายเลือดเดียวกัน คนอื่นจะหวังดีกับเราอย่างจริงใจได้ยังไงกัน”
เจียงโม่หานมองดูสามีภรรยาด้วยสายตาเย็นชา มาถึงคำพูดถามไถ่อาการอย่างห่วงใไม่มี ไม่ทำอะไรเลย แต่มาบอกเขาว่าหวังดีกับเขา?
เขายิ้มเยาะเย้ย “ถ้าอย่างนั้นคุณเป็นห่วงผมอย่างจริงใจ ที่มาในวันนี้เพื่อมาเยี่ยมผม ไม่ใช่มาเพื่อลูกชายของคุณอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของเจียงจริ้นเริ่มควบคุมไม่อยู่ กำลังจะพูดแต่ถูกชิวหมิงเยนรั้งเขาไว้ กลัวว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วทะเลาะกับเจียงโม่หานเธอจึงชิงพูดออกมาก่อน”เราเป็นห่วงคุณมาก
จริงๆ นะคะ พวกเราเห็นข่าวแล้ว สูญเสียเงินไปมากขนาดนั้น ถ้าคุณมีคนที่น่าเชื่อถืออยู่ข้างๆ คงจะไม่ต้องเสียไปมากขนาดนั้น เป็นคนรอบข้างคุณที่ไม่ได้เรื่อง”
หลังดูข่าวจบ ชิวหมิงเยี่ยนก็นอนไม่หลับทั้งคืน เงินตั้งหลายพันล้าน ถ้าให้เธอใช้ที่สิบชาติก็ใช่ไม่หมด กลับหายไปในพริบตา
คิดแล้วก็เสียดาย
และทำให้เธอมุ่งมั่นที่จะส่งลูกชายเข้าไปทำงานใน หิงคั่งกรัปให้ได้ จะได้แบ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง
เจียงโม่หานไม่อยากพูดให้เสียน้ำลาย “ครั่งที่แล้วลูกชายของคุณมาอาละวาดที่บริษัท พวกคุณไม่รู้เหรอ ทำไม เขาออกมาจากโรงพยาบาลจิตเวชแล้วหรือไง?”
“จะว่ายังไงเขาก็เป็นน้องชายลูก ทำไม…”.
“เขามาอาละวาดที่บริษัท เคยคิดว่าผมเป็นพี่ไหม” เจียงโม่หานถามขึ้นมาก่อนที่เจียงจวิ้นจะพูดจบ
เจียงจวิ้นสะอีกจนพูดไม่ออก ชิวหมิงเยี่ยนช่วยพูดแก้ตัว “เขาก็ไม่มีเจตนา ไม่ได้ …”
เจียงโม่หานมองด้วยสายตาที่เย็นชา ความหนาวเย็นแผ่เข้ามา ซิวหมิงเยี่ยนตกใจกับสายตาของเขา กลืนคำพูดที่เธอยังพูดไม่จบกลับไป
“พวกคุณกลับไปเถอะ ผมเหนื่อยแล้ว” เจียงโม่หานออกคำสั่งให้ขับไล่ เพราะไม่อยากพูดว่าอะไรถูกหรือผิดกับพวกเขา
“ได้ยินมาว่าแกบาดเจ็บที่ขา ที่บริษัทควรจะมีคนที่ตัวเองไว้วางใจ โเชียนคือตัวเลือกที่ดีที่สุด แกเป็นลูกของฉัน โเซียนก็เป็นลูกชายของฉัน ฉันรักพวกแกทั้งสองคนเท่ากัน” หัวใจของ
เจียงจวิ้นยังคงเอนเอียงไปทางลูกชายคนเล็กมากกว่า จึงถือโอกาสนี้ อยากจะส่งลูกชายคนเล็กไปที่บริษัท “ครั้งที่แล้วแกส่งเขาไปโรงพยาบาลจิตเวช ยังไงเขาก็เป็นน้องชายของแก ถึงก่อนหน้านี้
จะทำอะไรผิดไป แต่ตอนนี้ ก็น่าจะเสมอกันแล้ว”
เจียงโม่หานใกล้จะระเบิดอารมณ์โกรธอกมาเต็มที่แล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่อยากฟังก็จะเดินหนีไปทันที แต่ตอนนี้เขาเดินไม่สะดวก ความอดทนของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว
บอกว่ามาเยี่ยมเขา แต่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขาเลย เอาแต่พูดไม่หยุดก็มีแต่เพื่อผลประโยชน์ของลูกชายเล็กของเขา
พ่อ น้องชาย?
เขารู้สึกแค่หัวใจหนาวเหน็บ
“โย่เซียนเป็นน้องชายของแก คนที่ชื่อหนานเฉิงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแกเลย แกควรจะแยกแยะได้ว่าใครน่าไว้วางใจมากกว่า”
“หนานเฉิงไม่มีความส้มพันธ์ทางสายเลือดกับผม แต่ตอนที่ผมประสบอุบัติเหตุเขาคอยดูแลผมตลอดเวลา ฉันขอถามคุณบ้าง ว่าคนในครอบครัวของผมไปอยู่ที่ไหน?”
เจียงโม่หานถามอย่างใจเย็น ไม่ได้อารมณ์เสียหรือต่อว่า หัวใจของเขาเหมือนกระจกรู้ดีทุกอย่าง เพราะเข้าใจถึงไม่ต้องการโต้เถียงกับพวกเขา
แต่ทำยังไงพวกเขาก็ไม่ออกไปสักที
“โม่หาน….”
“ประธานเจียงครับ” ในตอนนี้เอง หนานเฉิงก็เปิดประตูและเข้ามา เจียงจวิ้นกลืนสิ่งที่เขาต้องการจะพูดกลับไป แล้วมองเขาอย่างเย็นชา “นายมีอะไร จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู?”
หนานเฉิงพูด”ผมเห็นว่าประตูปิดไม่สนิท ก็เลยเดินเข้ามา”
“ประตูไม่ได้ปิด นายก็ต้องมีมารยาท เคาะประตูก่อนจะเข้ามา ฉันคุยกับลูกอยู่ นายบุกเข้ามาแบบนี้ขัดขวางพวกเรา….
“ผมเป็นคนอนุญาตให้เขาเข้าออกได้โดยไม่เคาะประตูเอง คุณมีความคิดเห็นอะไรไหม?” เจียงโม่หานหมดความอดทนแล้ว “หนานเฉิง ส่งแขก”
“‘โม่หาน….”
“ถ้าพูดอีกคำเดียว ผมบริจาคทรัพย์สินทั้งหมด ก็ไม่ให้เจียงเยนแม้แต่สตางค์เดียว” เจียงโม่หานไม่อยากจะพูดอะไรกับพวกเขาแล้ว แต่เจียงจวิ้นกับชิวหมิงเยี่ยนกลับคิดแต่จะครอบ
ครองทรัพย์สินที่อยู่ในมือเขา อยากจะให้เจียงโเซียนเข้าบริษัท ปากบอกว่าครอบครัวเดียวกัน พวกเขาเคยคิดว่าเขาเป็นครอบครัวหรือไง?
เอาแต่น้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขากับเจียงโเชียนเป็นพี่น้องกัน แต่ตอนที่ เจียงโเซียนมาอาละวาดที่ประตูหน้าบริษัท พวกเขาเคยดูด่าว่ากล่าวเจียงโเชียนบ้างไหม ว่านั่นเป็นพี่ชายของ
แก ทำแบบนั้นมันผิด
พวกเขาเน้นแค่ว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’ ต่อหน้าเขา ให้เขายอมยกโทษ
แล้วพวกเขาเคยคิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัวอย่างนั้นเหรอ?
หัวใจของเขาหนาวเหน็บ และแข็งกระด้าง ไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหว
“ทางที่ดีพวกคุณอย่ามารบกวนผมอีกดีกว่า ถ้าทำให้ผมหมดความอดทน ผมจะไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณอีก” เจียงโม่หานพูดอย่างไร้ความปรานี
สีหน้าของเจียงจวิ้นยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น สภาพเขาเป็นแบบนี้ไปแล้ว อายุก็มากแล้ว ไม่มีเงินเก็บออมใดๆ เลย ถ้าเขาถูกตัดเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าครองชีพไป เขาคงไม่สามารถอยู่รอดได้
จริงๆ
ซิวหมิงเยี่ยนตั้งแต่แต่งงานกับเขาก็ไม่เคยออกไปทำงานหาเงิน และอยู่บ้านมาตลอด
ทั้งคู่ได้เงินค่ารักษาพยาบาลมาจากเจียงโม่หานและเงินที่เหลือจะถูกนำไปใช้เป็นค่าครองชีพ
ที่พวกเขาต้องการให้เจียงโเซียนเข้าทำงานในบริษัท เพื่อแบ่งหุ้นในบริษัท พวกเขาจะได้มีเงินใช้สบาย ไม่ต้องถูกเขาควบคุมไว้แบบนี้
“ฉันเป็นพ่อของแกนะ!” เจียงจวิ้นคำรามอย่างโกรธจัด
“ผมไม่มีทางเลือก” ถ้าเขาสามารถเลือกได้ เขาจะไม่เลือกอีกฝ่ายเป็นพ่อของเขาแน่นอน
“คุณกลับไปจะดีกว่าครับ” หนานเฉิงเริ่มยกมือเข็นวีลแชร์ของเจียงจวิ้น
เจียงจวิ้นคำราม “ถอยไป!”
หนานเฉิงไม่โกรธ แต่ใช้แรงผลักเขาออกไปจากห้อง
“หนานเฉิง นายอยากตายหรือไง!” เจียงจวันทุบที่เท้าแขนของวีลแชร์อย่างแรง เขาไม่สามารถลุกขึ้นได้ ทำให้รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพูดข่มขู่อีกครั้ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเขาถูก
ผลักออกจากห้องพักผู้ป่วยจนได้
พอไม่มีเจียงจวิ้น ชิวหมิงเยี่ยนก็ไม่กล้าพูดอะไร เธอรีบเดินตามออกไป
“ต้องขอโทษที่ทำให้ไม่พอใจนะครับ ประธานเจียงต้องได้รับการพักผ่อน ไม่ควรถูกรบกวน ดังนั้นหลังจากนี้ก็อย่ามาที่นี่เลยนะครับ” หนานเฉิงไม่สนใจความโกรธของเจียงจวิ้น
“แก แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร!” เจียงจวิ้นขี้หน้าเขา เพราะเขาโกรธมากเกินไป นิ้วของเขาจึงสั่นไม่หยุด
หนานเฉิงสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้แล้วเดินจากไป
ซิวหมิงเยี่ยนเข้นวิลแชร์ แล้วมองไปทางหนานเฉิง “เขาทำเกินไปแล้วนะ กล้าดียังไงถึงทำกับคุณแบบนี้”
ไม่นานคำพูดของเธอก็ยิ่งยุยง “ที่เขากลำาทำกับคุณแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเจียงโม่หานให้ความไว้วางใจกับเขาหรือไง? ลูกชายของคุณกำลังเห็นคนนอกดีกว่าคนในครอบครัวนะคะ”
เจียงจวิ้นที่เดิมทีก็โกรธมากอยู่แล้ว ชิวหมิงเยี่ยนยิ่งเติมเชื้อไฟทำให้ยิ่งโกรธมากขึ้น
“ยังไงคุณก็ถือว่าเป็นพ่อ เขาเป็นลูกชาย แต่กลับทำแบบนี้กับคุณ เขาไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาเลย” ชิวหมิงเยี่ยนพูดต่อ
เจียงจวิ้นดุใส่ “คุณไม่ต้องพูดแล้ว!”
ชิวหมิงเยี่ยนหยุดพูด ถ้าเจียงจวิ้นตายไป เจียงโม่หานคงไม่ให้เงินแม้แต่สลึงเดียวอีกเลย
เธอเม้มริมฝีปาก แล้วเข้นเจียงจวิ้นออกไป ตลอดทางยังคงบ่นไม่หยุด”ลูกชายของคุณดื้อเกินไปแล้ว คุณต้องดุมากกว่านี้”
เจียงจวิ้นหันกลับไปมองเธอ เขายังดุไม่พออีกหรือไง?
“ที่หลังไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก”
เขาทนมาพอแล้ว!
เจียงโม่หานไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา
คอยหักหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คราวนี้ ยังทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนนอกอีก
“แล้วโย่เชียนของเราจะทำยังไงล่ะคะ?”
“อยากจะทำยังไง ก็ทำเถอะ” เจียงจวิ้นอารมณ์เสียมาก เขาก็อยากให้ลูกชายคนเล็กของเขาได้ดี แต่เจียงโม่หานไม่ยอมใจอ่อนเลยสักนิด จะให้เขาทำยังไงได้
ในใจโมโหมาก
ชิวหมิงเยี่ยนเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ถ้ารู้เธอคงไม่ยุยงให้เจียงจวิ้นมาที่นี่
ตอนนี้เจียงโม่หานไม่ใช่เด็กตัวเล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้ว จัดการลำบาก
อยากจะแย่งอะไรมาจากมือของเขา มันยากเย็นแสนเข็ญมาก
“เฮ้อ” เธอมานึกเสียใจที่หลัง เธอควรจะโหดมากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้เขาเติบโตมาอย่างสงบสุข จะได้ไม่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น!
แย่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลไป ค่าใช้จ่ายในชีวิตของเธอก็ขึ้นอยู่กับความเห็นใจของเขา
“ให้โย่เชียนหางานอื่นทำไปก่อน” เจียงจวิ้นไม่อยากให้ลูกชายคนเล็กของเขาใช้ชีวิตไร้สาระแบบนี้ไปตลอดชีวิต
“เขาไม่มีวุฒิการศึกษา จะหางานอะไรได้ล่ะคะ” ชิวหมิงเยี่ยนบ่นพึมพำ