กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 959 ที่นี่ไม่ใช่เขตของคุณ
ทั้งสามคนเดินผ่านเธอไป เธอยังได้กลิ่นน้ำหอมราคาถูกจากตัวผู้หญิงทั้งสองคนด้วย
ไม่นานพวกเขาก็เดินเข้าไปในร้านที่เขียนไว้ว่า บริการอาบอบนวดที่หน้าประตู ก่อนที่ร้านจะเปีดไปสว่างด้วยไฟสีชมพู
บริเวณประตูกับกระจกมีป้ายโฆษณาเล็กๆ ติดไว้ เธอเห็นผู้หญิงหนึ่งในสองคนถูกชายวัยกลางคนกอดรอบเอาแล้วเดินเข้าไปข้างในห้อง และอีกคนก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู ยืนพิง
ประตู แล้วทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา “จะตัดผมไหมะ? ทักษะของฉันดีมากเลยนะ รับรองว่าจะทำให้พี่พึ่งพอใจ”
ชายคนนั้นไม่สนใจ เธอจึงเริ่มพูดกับคนต่อไป
หลิงเวยเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่พวกเธอกำลังทำอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะดูถูกมาก ตอนนี้เธอซ่อนตัวอยู่ในชายแดน ใช้ชีวิตไม่ดีเท่าพวกเธอเลย เธอยิ้มเยาะเยัยตัวเอง
ก่อนจะเดินกลับไป
เงินในมือเธอไม่มีมาก ถ้าเธอนั่งกินนอนกินแบบนั้ เงินไม่กี่ร้อยที่มีติดตัวต้องหมดไปแน่ๆ เธออยากหางานทำ แต่ไม่กล้าโชว์หน้า เพราะตอนนี้เทคโนโลยีมันก้าวหน้าแล้ว ตำรวจ
ติดประกาศตามจับเธอ ถ้าไปในที่ที่ คนเยอะ จะต้องมีคนจำหน้าเธอได้แน่นอน
เธอไม่กล้าออกไปข้างนอกง่ายๆ
หลังจากอยู่ในห้องได้สองวัน เธอไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เงินในมือของเธอเริ่มน้อยลงทุกที ถ้าเธอไม่มีเงิน เธอจะมีชีวิตรอดได้ยังไง?
เธอจึงเสี่ยงอันตรายออกไปหางานทำ
คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่จะทำงานที่โรงงาน ในโรงงานคนเยอะ เธอไม่กล้าไปทำงานที่โรงงาน มีซูเปอร์มาร์เกิตเลิกๆ แห่งหนึ่งกำลังรับสมัครพนักงาน แต่ตรงนั้นมีคนเดินไปมา
เยอะ เธอไม่กล้าไปทำงานที่นั่น
“ทำไม กำลังหางานทำหรือไง” เจ้าของบ้านแทะเมล็ดทานตะวันแล้วมองมาที่เธอ
หลิงเวยหันกลับมาทันที พอเห็นเธอจึงพูดว่า “ไม่ใช่”
“ไม่ได้จ้องป้ายรับสมัครนานอยู่หรือไง?” เจ้าของบ้านหัวเราะออกมา “เธออายุยังน้อย หน้าตาก็ดี หรือฉันแนะนำงานดีๆ ให้ไหมให้? รับรองเงินดีกว่าทำงานในร้านขายของอีก”
หลิงเวยนึกถึงผู้หญิงสองคนนั้นขึ้นมาทันที “ฉันไม่ทำ”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินหนีไปทันที เธอหมดหนทางแล้ว แต่เธอไม่มีทางไปทำอาชีพขายบริการเด็ดขาด ต่อให้เธอต้องหิวตายก็ไม่มีทางไปขายบริการให้กับผู้ชายสกปรกพวก
นั้น
เจ้าของบ้านบ่นว่า “เธอคิดว่าตัวเองสูงส่งมากหรือไง ไม่ดูเลยว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน”
หลิงเวยกำหมัดแน่น สีหน้าของเธอซีดเผือด
ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะการปรากฎตัวของหลินลุ่ยซีเธอเกือบจะได้เจียงโม่หานอยู่แล้ว ได้ใช้ชีวิตสะดวกสบายเป็นที่น่าอิจฉาของผู้หญิงคนอื่น แต่พอ
หลินลุ่ยซีเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
แม้ว่าเธอจะตาย เธอก็ต้องดึงหลินลุ่ยซีไปด้วย
เธอเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของตนเองต้องมาตกระกำลำบากต้องหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้
คนเราพอมีความคิดที่อยากจะแก้แค้นอย่างแรงกล้า พวกเขาก็จะทำอะไรบ้าคลั่งไม่คิดหน้าคิดหลัง เธอจะไปฆ่าผู้หญิงคนนั้นชะ!
เธอเปลี่ยนทิศทาง เธอไม่อยากกลับไปในบ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นน่าขยะแขยง และสุดแสนจะลำบากนั้น มีชีวิตอยู่แบบนี้ เธอตายไปเลยยังดีซะกว่า
เจียงโม่หานดูเหมือนจะรู้ความคิดของหลิงเวย เขารู้ว่าเธอจะเลือกซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เขาจำกัดสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่นและห่างไกลในการออกตามหา สุดท้าย เขาได้ล็อก
สถานที่ไร้ได้สองแห่ง แห่งแรกคือบริเวณที่หลิงเวยอาศัยอยู่ในตอนนี้ ส่วนอีกแห่งก็เป็นสถานที่ที่ชาวต่างถิ่นอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่นเช่นกัน
คนของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และแอบไปตรวจคันทั้งสองแห่ง
แต่ก็ปังเอิญมาก ก่อนที่คนจะมาถึง หลิงเวยก็เพิ่งจากไป เธอกลับเข้าในเมืองอีกครั้งเพื่อรอโอกาสที่จะฆ่าหลินลุ่ยชี
หลายวันต่อมา พวกเขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับเมาะแสของหลิงเวย แต่พอมาถึงบ้านเช่าของเธอ ก็ไม่มีใครอยู่ในนั้นแล้ว
พอหนานเฉิงได้รับข่าว เขาก็รีบรายงานเจียงโม่หานทันที “ในเขตทิศตะวันตกของเมือง เราพบร่องรอยของเธอแล้วครับ แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่ที่นั่นแล้ว”
พบร่องรอยของเธอแล้ว นั่นทำให้พวกเขามั่นใจว่าเธอยังไม่ได้หนีออกไปจะเมือง
“ตามหาต่อไป” เจียงม่หานพูดเสียงเรียบนิ่ง “ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตาย นายต้องหาเธอให้เจอ”
หนานเฉิงตอบ “ได้ครับ”
“ยังมีอีกเรื่องครับ” หนานเฉิงลังเลว่าจะบอกหรือไม่บอกดี “เจียงโยเซียนอยู่ข้างนอกครับ เขาบอกว่ามีอะไรจะพูดกับคุณ”
“ไม่เจอ” เจียงโม่หานปฏิเสธ
เขาไม่อยากเจอคนในครอบครัวนั้นอีกแล้ว
หนานเฉิงพูด “งั้นผมจะตอบเขาตามนี้ครับ”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไป
เจียงโม่เซียนเดาไว้อยู่แล้วว่าเจียงโม่หานจะต้องไม่ยอมเจอเขา
“เขาไม่ยอมเจอไม่เป็นไร ฉันรอเขาได้” เขานั่งลงบนโซฟาในห้องโถง ดูท่าที่เขาคงจะอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะได้เจอคน
หนานเฉิงขมวดคิ้ว”พ่อแม่ของคุณเพิ่งมาอาละวาดไป คุณก็มาอีก ประธานเจียงได้รับบาดเจ็บ พวกคุณไม่ห่วงใยถามไถ่ก็ช่างเถอะ แต่มาอาละวาดแบบนี้มันจะมากเกินไปแล้ว
นะครับ”
เจียงโเชียนเงยหน้าขึ้น “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อก่อปัญหา ฉันแค่มีเรื่องจะคุยกับเขา”
เขายิ้มย่อง “เขาอยากได้ความห่วงใจากพวกเราด้วยหรือไง”
การสีหน้าของหนานเฉิงเย็นชาอย่างสมบูรณ์ “คุณคิดว่าประธานเจียงไร้ความรู้สึกหรือไงครับ? แล้วคุณไม่เคยคิดเลยหรือไง ว่าทำไมเขาถึงไร้ความรู้สึกแบบนี้?”
ถ้าได้เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและสามัคคีปรองดอง เขาจะหวาดระแวงขนาดนี้เหรอ?
ต้องสูญเสียคนที่รักไปแบบนี้เหรอ?
ความเจ็บปวดของเจียงโม่หานเขาเห็นมันมากับตาตัวเอง
เพราะความโชคร้ายในวัยเด็ก ทำให้เขาไม่เข้าใจเรื่องความรัก
เจียงโย่เซียนเม้มปาก เขายอมรับว่าชีวิตของเจียงโม่หานในตอนเดีกลำบากและทรมานมาก เขารู้ว่าเขาสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายตั้งมากมาย
“เรื่องนั้นมันผ่านไปนานแล้ว”
เจียงโย่เชียนพูดเสียงเบา
หนานเฉิงหัวเราะ “ผ่านไปนานแล้วอย่างนั้นเหรอครับ คุณคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ความเจ็บปวดเสียใจที่เหลืออยู่ในความทรงจำจะถูกลืมไปอย่างง่ายดายได้เหรอ?”
เจียงโย่เชียนพูดเสียงเบา “เรื่องพวกนั้นฉันไม่ได้เป็นคนทำสักหน่อย”
“เป็นพ่อแม่ของคุณทำขึ้นมา จะให้พูดจริงๆ ก็คือแม่ของคุณเป็นคนสร้างขึ้น ถ้าเธอไม่แอบคบซู้กับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว พ่อแม่ของประธานเจียงจะหย่ากันไหม ถ้าพวกเขาไม่
หย่ากันก็จะไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา”
“พวกท่านไม่รักกันแล้ว ถึงได้หย่ากัน…”
“อ่อ รักแท้เป็นข้ออ้างในการขอหย่า ผมได้ยินคำพูดแบบนี้มามากแล้วครับ ผมไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระกับคุณ คุณกลับไปซะ ไม่อย่างนั้นผมจะเรียกรปภ” หนานเฉิงพูดอย่าง
หมดความอดทน
เขาไม่ชอบคนของตระกูลเจียง พวกเขาไม่เคยให้ความรัก ความอบอุ่นกับเจียงโม่หานต้องการแต่เงินของเจียงโม่หานเท่านั้น
หน้าด้าน ไร้ยางอาย!
เจียงโย่เชียนระงับอารมณ์ของเขาไว้ เขาเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน “แล้วฉันเลือกพ่อแม่ของตัวเองได้หรือไง ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก็อยากเกิดในครอบครัวปกติ แต่ฉันจะเลือกพ่อแม่เอง
ไม่ได้ ที่ฉันมาในวันนี้ ไม่ใช่มาทะเลาะกับนาย และไม่ได้มาเพื่อแก้ตัวให้กับตัวเอง ฉันมาเพื่อขอโทษอย่างจริงใจสำหรับเรื่องที่ฉันมาอาละวาดครั้งที่แล้ว นอกจากนี้ แม่ของฉันสำนึกผิด
แล้ว ฉันมาหาเขาในครั้งนี้เพราะฉันอยากให้เขากลับบ้านสักครั้ง”
ไม่ว่าชิวหมิงเยี่ยนจะคิดยังไง แต่เจียงโเซียนก็แค่ชอบก่อเรื่อง ไม่ยอมทำการทำงาน แต่เขาเคารพเจียงโม่หานเป็นพี่ชายของตัวเองมาโดยตลอด
ไม่เคยทำอะไรชั่วร้ายมากเกินไป ที่โมโหครั้งที่แล้ว แค่ต้องการบังคับให้เขาทำดีกับพ่อแม่บ้าง ไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา
“ประธานเจียงไม่มีเวลาครับ คุณกลับไปเถอะ ถ้าไม่กลับ ผมคงต้องเรียกรปภ” หนานเฉิงไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้ว
เจียงโย่เซียนมองไปทางหนานเฉิง “นายไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง ที่ฉันมาที่นี่เพื่อเจรจาสันติภาพ ไม่ใช่มาเพื่อก่อปัญหา …
“รปภ!” หนานเฉิงตะโกนเรียก
เจียงโย่เชียนโมโหจนเจ็บปอด “ฉันไปเองได้ ไม่ต้องมาไล่!”
พูดเสร็จเขาก็เดินออกไป
พอถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น
หนานเฉิงเซ็นวีลแชที่เจียงโม่หานนั่งเข้าไปในลิฟต์ “ที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมาที่บริษัทก็ได้นะครับ ผมจัดการได้ ถ้าผมไม่สามารถจัดการได้ ผมสามารถเอาไปให้คุณดูที่
บ้านได้ ตอนนี้แผลของคุณยังไม่หายดี”
“ฉันเจ็บที่ขา ไม่ใช่มือกับสมอง” ความจริงแล้วเขาไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว
พออยู่คนเดียว จะทำให้เขาคิดถึงเธอ
พอคิดถึง หัวใจของเขาก็เจ็บขึ้นมา
หนานเฉิงถอนหายใจอยู่ในใจ
ลิฟต์หยุดลง เขาเข็นเจียงโม่หานออกจากลิฟต์
พอเดินออกไปข้างนอก เจียงโย่เชียนก็ปรากฎตัวขึ้นมาต่อหน้าเจียงโม่หาน
หนานเฉิงพูดเสียงดัง “ทำไมคุณยังไม่กลับไปอีก”
“ฉันไม่ได้อยู่ในเขตของนาย นายจะมายุ่งว่าฉันจะกลับไปหรือไม่ทำไม” เขาไม่ได้อยู่ในเขตอาคารของบริษัท เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่มีสิทธิ์ไล่เขา
เขามองไปที่เจียงโม่หาน
“ขอแค่คุณกลับไปหาพ่อแม่กับผมในวันนี้ ฉันสัญญาว่าจะไม่มารบกวนคุณอีก เป็นยังไง” เจียงโเซียนพยายามโน้มนำาวเขาอย่างเต็มที่ “มาคุยกันให้จบเถอะ แล้วเราจะไม่รบกวน
คุณอีก คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจ แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”