กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 961 ไม่ใช่คนใจหิน
ซิวหมิงเยี่ยนขยิบตา
เจียงจวิ้นปิดปาก
“พี่กลับมาอย่างยากลำบาก พวกเราก็ควรจะดีใจ” เจียงโม่เชียนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหาร “พ่อ ซี่โครงย่างที่พ่อชอบครับ แม่ หน่อไม้น้ำที่แม่ชอบครับ พี่ นี่ผัดมะเขือที่พี่ชอบ”
“ขอบใจนะลูกชาย” ใบหน้าของชิวหมิงเยี่ยนแย้มยิ้ม เป็นเพราะลูกชายจึงยิ้มออกมาจากใจ ไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้งยิ้มออกมาตอนขอโทษขอโพยเมื่อครู่
“ไม่นึกว่าวันนี้จะนั่งกันพร้อมหน้า พวกเรามาดื่มสักแก้วเถอะ” ชิวหมิงเยี่ยนไปหยิบไวน์มาขวดหนึ่ง
หล่อนรินไวน์ให้เจียงโม่หาน “ก่อนนี้เป็นความผิดของฉันเอง ขอเธออย่าถือสาหาความกับฉันเลย”
“แม่ แผลที่ขาของพี่ยังไม่หายดีเลย ดื่มเหล้าไม่ได้หรอก?” เจียงโเซียนหยิบแก้วไวน์ออก “อย่าดื่มเลย”
สีหน้าของชิวหมิงเยี่ยนแข็งที่อไปเล็กน้อยแล้วตำหนิลูกชาย “ทำไมลูกถึงหยาบคายขนาดนี้ ? นั่นเป็นไวน์ที่แม่รินให้พี่ชายลูกนะ”
“พี่ได้รับบาดเจ็บนะครับ” เจียงโเซียนพูดพลางมองไปยังชิวหมิงเยี่ยน
ชิวหมิงเยี่ยนมองลูกชาย ในใจคิดเจ้าโง่นี่!
ใบหน้าที่รักษารอยยิ้มเอาไว้เอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “….งั้นก็ไม่ต้องดื่มแล้วกัน”
เจียงโย่เชียนยกไวน์ที่ชิวหมิงเยี่ยนรินขึ้นมา “เทออกมาแล้วไม่ดื่มก็น่าเสียดาย ฉันดื่มแล้วกันจะได้ไม่เปลือง”
พูดดังนั้นเขาก็เทเขาไปในปาก ชิวหมิงเยี่ยนรีบยับยั้งเขาอย่างร้อนรน
“โย่เซียน! ”
เจียงโย่เชียนถามอย่างงุนงง “ทำไมเหรอครับ?”
“ปะ เปล่า” ชิวหมิงเยี่ยนหยิบแก้วในมือของเขาออก “พี่ชายลูกไม่ดื่ม งั้นก็ไม่ต้องดื่มแล้ว”
เจียงโย่เซียนรู้สึกว่าหล่อนเข้าใจยาก “เทออกมาแล้วไม่ดื่ม ไม่น่าเสียดายเลยเหรอ?”
ซิวหมิงเยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลูกดื่มคนเดียวมันไม่ดี อย่าดื่มเลย”
หล่อนพูดพลางหยิบไวน์ออกไป
เจียงโเซียนไม่เข้าใจว่าชิวหมิงเยี่ยนทำแบบนั้นเพื่ออะไร แต่เจียงโม่หานที่นิ่งเงียบมโดยตลอดนั้นราวกับระแคะระคายอะไรขึ้นมา
ในไวน์นั้นคงจะมีอะไรบางอย่างสินะ? ไม่อย่างนั้นก็คงไม่กลัวว่าเจียงโเซียนจะดื่มขนาดนั้น
หัวใจพลั่นเย็นยะเยือก
ที่เรียกเขามาคราวนี้ น่ากลัวว่าคงไม่ได้คิดจะขอโทษและปรับความเข้าใจด้วยใจจริงสินะ?
พวกเขาคิดจะทำอะไรอีก?
เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เจียงโย่เซียนดูไม่มีความสุข นั่นรู้สึกเสียดายไวน์นั่น
“กินข้าว กินข้าว” ชิวหมิงเยี่ยนมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง “ไม่ได้นั่งพร้อมหน้ากันนานมากแล้วนะ”
เจียงโย่เซียนทอดถอนใจ “ใช่แล้ว ครั้งก่อนคือเมื่อไหร่ฉันก็ลืมไปแล้ว”
นานเกินไป นานจนเขาก็จำไม่ได้แล้ว
“ตอนมาผมกินมาแล้วครับ พวกคุณกินเถอะ” พูดจบเจียงโม่หานก็ไถลรถเข็นออกไปจากโต๊ะอาหาร เขาไม่กล้ากินอาหารบนโต๊ะหรอก
เจียงจวิ้นขมวดคิ้ว “นายหมายความว่ายังไง? คำขอโทษก็พูดไปแล้ว ทุกคนอุตสำาห์มานั่งกันพร้อมหน้า นายต้องทำให้เสียบรรยากาศด้วยหรือไง?”
“โธ่ ไม่กินก็ไม่กิน โม่หานก็บอกว่าเขากินมาแล้วไม่ใช่เหรอ” ชิวหมิงเยี่ยนรีบลุกขึ้นตามหลังเจียงจวัน หล่อนปลอบสามีไปพลาง พูดกับเจียงโม่หานไปพลาง “โม่หานอย่าโกรธไป
เลย พ่อของนายนั้นเป็นห่วง กลัวนายจะไม่ได้กินข้าว ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
เจียงโม่หานมองใบหน้าโกรธเกรี้ยวของเจียงจวิ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นอารมณ์โมโห จะมาเป็นห่วงได้ยังไง?
เจียงโยเซียนรู้สึกว่าเรื่องราวดำเนินไปอย่างผิดปกติ ต้องการจะคืนดีแท้ ๆ ทำไมสถานการณ์ถึงได้ตึงเครียดขึ้นมาอีก?
เขาลุกขึ้น “ผมเองก็ไม่หิวแล้ว”
“จะกินไม่กินก็ตามใจแล้วกัน!” เจียงจวันโยนตะเกียบแล้วไถลรถเข็นเข้าไปในห้อง
ในใจของชิวหมิงเยี่ยนโกรธเกรี้ยวอย่างมาก รู้สึกว่าเจียงจวิ้นไม่รู้จักข่มอารมณ์เอาเสียเลย
“เข้าไปนั่งในห้องผมเถอะ เดี่ยวผมค่อยไปส่งพี่กลับ”เจียงโเซียนเย็นเจียงโม่หานเข้าไปในห้อง
เจียงโม่หานไม่ได้ปฏิเสธ
ในห้องของเขาไม่เคยเป็นระเบียบเรียบร้อน ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น
“รกไปหน่อยนะ” เจียงโเชียนหัวเราะเจื่อน ๆ เขาตะลีตะลานหยิบเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
เมื่อปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเขาก็หันกลับมามองเจียงโม่หาน “พ่อเขาอาจจะติดเตียงมานานแล้ว ก็เลยเพี้ยน ๆ พี่อย่าไปสนใจเขาเลย”
หัวใจมันตายด้านไปนานแล้ว เจียงจวิ้นเป็นคนยังไง เขารู้
เขาไม่สนหรอก
“นายควรจะหาแฟนสักคนนะ” เจียงโม่หานเบี่ยงหัวข้อสนทนา
เจียงโย่เชียนกลายเป็นค่อนข้างเก้อเขินขึ้นมา เหมือนกับเด็กหนุ่มที่กำลังเขินอาย “นั่นก็ มันยังไม่มีใครเหมาะน่ะ”
“จริงสิ พี่ แล้วพี่ล่ะ?” เจียงโเซียนนั่งอยู่บนเตียง มองไปยังเจียงโม่หานอย่างจริงจัง “ผมดูออกว่าที่จริงแล้วพี่สะใรักพี่มาก มันน่าเสียดายมากที่พวกพี่ไม่ได้ไปกันจนสุดทาง”
เจียงโม่หานคว้าพนักแขนเอาไว้โดยฉับพลัน เขาอดกลั้นความสั่นไหวในใจอย่างสุดกำลัง “ทำไมถึงพูดแบบนี้?”
“เมื่อก่อนตอนที่หล่อนยังอยู่ ก็มาหาผมแล้วถามว่าพี่ชอบอะไร ที่จริงผมไม่รู้หรอก หล่อนคงจะคิดว่าตอนเด็กพวกเราโตมาด้วยกัน คงคิดว่าผมจะรู้ล่ะมั้ง” เสียงของเจียงโยเซียน
เบาลง “แม้เธอจะมีฐานะทางสังคมที่ดี แต่ก็ไม่มีมาดเอาเสียเลย ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้น่าเสียดายจัง”
“ฉันหิวน้ำ ไปรินน้ำให้สักแก้วสิ” เจียงโม่หานดันเขาออก
เจียงโย่เชียนตอบรับ
เขาลุกขึ้นเดินออกไป
เมื่อประตูห้องปิดลงใบหน้าที่เดิมที่นั้นนั่งสงบของเจียงโม่หานก็เกิดสีหน้านรวดร้าว เขากุมที่หัวใจ ภายในนั้นเจ็บปวดอย่างลับๆ
ใคร ๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าเธอรักเขา
มีแค่เขาเองที่มองไม่ออก
เขาหลับตาลงซ่อนเร้นความปวดร้าวทั้งหมดเอาไว้
ในห้องนั่งเล่น ชิวหมิงเยี่ยนได้ชงชามากาหนึ่งและกำลังจะนำเข้ามาเจียงโย่เชียนก็เดินออกไปพอดี
เมื่อเจียงโยเซียนเห็นชาที่ชงเรียบร้อยแล้วที่ถืออยู่ในมือของชิวหมิงเยี่ยน เขาก็เอ่ยถาม “แม่ชงชามาเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ แม่คิดว่าพวกลูกยังไม่ได้กินข้าว แม่เลยชงชามานิดหน่อยให้ดื่มกัน” ชิวหมิงเยี่ยนยื่นน้ำชาให้เขา “ถือเข้าไปดื่มข้างในนะ”
“พี่กำลังหิวน้ำอยู่พอดีเลย” เจียงโย่เชียนถือน้ำเข้ามา
ชิวหมิงเยี่ยนยิ้ม “งั้นเหรอ? งั้นรีบเอาเข้าไปเถอะจ้ะ”
เจียงโย่เชียนพูดกับเธออย่างไร้เดียงสา “แม่ต้องพยายามทำให้พี่ชายยกโทษให้นะครับ เขาไม่ใช่คนใจหิน ขอแค่แม่จริงใจ เจะต้องยอมยกโทษให้แม่แน่”
ซิวหมิงเยี่ยนหัวเราะอย่างขบขัน ในใจคิดว่าเขานั่นแหละคนใจหิน จะขอโทษขอโพยอีกก็ไร้ประโยชน์ ในใจของเขาจดจำไว้ว่าตัวเธอทำเรื่องพวกนั้นกับเขาตอนเด็ก เนื้อเพลง
เธอรู้ตั้งแต่ที่โรงพยาบาลครั้งก่อน อยากจะขอการให้อภัยของเจียงโม่หานมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้น……
“แม่จะทำนะ ลูกรีบเข้าไปเถอะ ชาจะเย็นเอา” เธอเร่งรัดลูกชาย
เจียงโมเซียนยกชาเข้ามาในห้อง
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง เจียงโม่หานก็กลับมาแสดงท่าทีเรียบนิ่งแล้ว
เขาเทชาที่ชงแล้วลงในแก้วสองใบบนโต๊ะแล้วเดินเข้ามายื่นแก้วใบหนึ่งให้กับเจียงโม่หาน
“พี่กินข้าวแล้วจริง ๆ เหรอ?” ตอนที่เขาออกมาจากบริษัท ไม่ใช่เวลาเลิกงานพอดีหรอกเหรอ?
เจียงโม่หานไม่ได้มองตาเขา แล้วส่งเสียงอืมเรียบ ๆ
เจียงโย่เซียนดื่มเข้าไปอีกหนึ่ง แล้วถอนหายใจเมา ๆ เขาก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าในใขพวกเขายังเต็มไปด้วยความแสลงใจ อยากจะปรองดองกันในเวลาอันสั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก
“เป็นความผิดของแม่ผมเอง ถ้าเลือกได้ ผมก็หวังว่าตัวเองจะเป็นเชื้อพระวงศ์”
พี่น้องกลมเกลียว ครอบครัวสมบูรณ์พูนสุข
เฮ้อ เป็นคำร้องขอที่มากไปเสียแล้ว
“นี่คงเป็นชีวิตสินะ” เจียงโย่เซียนทอดถอนใจ
เจียงโม่หานหลับตาลง ในชั่วขณะนั้นเขารากับรู้สึกถึงความจนใจของเจียงโย่เซียน
“พี่ทำไมไม่ดื่มน้ำล่ะ?”
เขาพบว่าเจียงโม่หานบอกว่าหิวน้ำ แต่กลับไม่ดื่ม กลับกันน้ำที่ตัวเขาเองเทไว้ครึ่งแก้วนั้นดื่มจนหมดแล้ว
เจียงโม่หานเงยหน้าขึ้นแล้วดื่มน้ำ ความจริงแล้วก็กระหายเล็กน้อยเหมือนกัน เสร็จแล้วก็ส่งแก้วว่างเปล่าให้เขา “ฉันควรจะกลับได้แล้วล่ะ”
“อื้ม ผมไปส่งนะ” เจียงโม่เชียนยืนขึ้นแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะ ในตอนที่เขาหันตัวกลับมาและกำลังจะเข็นรถเข็น ก็รู้สึกเวียนขึ้นมากะทันหัน