กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 965 ทำตัวเองให้ดี ๆ
“เรื่องในครั้งนี้ฉันจะไม่สืบเสาะหาความ นายก็ตักเตือนเธอให้มาก ๆ ก็แล้วกัน สำหรับนายฉันก็ยังมีคำพูดนั้นคือไปเรียนซะ พอนายจบแล้วก็มาช่วยฉันที่บริษัท”
ก่อนหน้านี้เพราะเรื่องบางอย่างเขาจึงไม่ยอมปล่อยและพลาดสิ่งที่สำคัญสำหรับเขาไปมากมาย หลังจากนี้เขาไม่คิดที่จะพลาดอะไรไปเพราะตัวเองอีก
เจียงโยเซียนเม้มปากแน่น ชาบซึ้งกับคำพูดทั้งหมดของเจียงโม่หานอย่างมาก
เขาไม่พูดอะไร เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
ตอบรับความใจกว้างนี้
ผ่านไปพักใหญ่เขาถึงปรับอารมณ์ได้แล้วพูดขึ้น “ขอบคุณครับ”
ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากพูด แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมายังไง ได้แต่ใช้คำพูดง่าย ๆ สองคำนี้สื่อถึงความในใจ
เจียงโม่หานไม่ได้ตอบสนอง สายตามองตรงไปข้างหน้าแต่กลับไม่ได้โฟกัส แววตาของเขาว่างเปล่า
พวกเขาเดินกันไปนานมากและนิ่งเงียบไปตลอดทาง แต่ต่างฝ้ายกลับครุ่นคิด ใคร่ครวญอยู่ในใจมากมาย
เมื่อส่งเจียงโม่หานกลับไปแล้วเจียงโม่เซียนก็กลับบ้าน
ซิวหมิงเยี่ยนนั้นปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกพาตัวไปสอบปากคำหรือถูกจับกุม
ตัวเธอเองก็หวั่นกลัวว่าเจียงโม่หานจะต้องเกลียดซังเธอแล้วอย่างแน่นอน
จากนี้เธอคงไม่มีชีวิตที่มีความสุขอีกแล้ว
เจียงโย่เชียนสั่งอาหารมาเพราะเขาเองทำไม่เป็น จนอาหารเต็มโต๊ะ
“ยังมีอารมณ์กินอีกเหรอ?” ชิวหมิงเยี่ยนไม่สบอารมณ์ในความไม่เอาถ่านของลูก วันนี้โอกาสดี ๆ ที่จะสำเร็จมลายหายไปกับอากาศ ไม่ได้อะไรเลย
เจียงโย่เชียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเข็นเจียงจวิ้นมายังโต๊ะอาหาร
ซิวหมิงเยี่ยนทนไม่ไหว “เจียงโเซียน แม่พูดกับลูกอยู่นะ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้แม่อาจจะโดนจับก็ได้”
เรื่องที่เธอทำเอง เธอเองรู้ดีและไม่คิดว่าเจียงโม่หานจะปล่อยเธอไปด้วย
เจียงโย่เซียนพลันตวาดขึ้นมา “ถ้าจะโดนจับ แม่ก็โดนจับไปนานแล้ว ไม่รอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก”
ซิวหมิงเยี่ยนไม่ค่อยเข้าใจ “ลูกหมายความว่ายังไง?”
จะพูดว่าไม่ค่อยเข้าใจก็คงไม่ได้ เพียงแต่ไม่กล้าที่จะเชื่อเท่านั้น
เจียงโย่เชียนถอนหายใจและพยายามทำให้ตัวเองสงบลง “มากินข้าวเถอะครับ”
ชิวหมิงเยี่ยนเดินเข้ามานั่งลง แต่กลับไม่มีความอยากอาหาร เธอมองไปที่ลูกชาย “โเซียนเย ลูกรู้เบื้องหลังอะไรใช่ไหม? ครั้งนี้ ลูกต้องช่วยแม่นะ แม่เองก็ทำทั้งหมดเพื่อลูกทั้งนั้น”
“ทำเพื่อผม?” เจียงโยเซียนหัวเราะ “แม่ทำเป็นหงายไพว่าทำเพื่อผม ความจริงกำลังพึงพอใจในตัวเองอยู่สินะ?”
“ลูก นี่ลูกพูดอะไร!” ชิวหมิงเยี่ยนทนไม่ได้ทันที
เจียงโย่เชียนจ้องมองเธอ “แม่เคยถามไหมว่าสิ่งที่ผมต้องการคืออะไร?”
ซิวหมิงเยี่ยนพูดไม่ออก “ในสังคมนี้ ถ้าไม่มีเงินและอำนาจก็จะไม่ได้รับความเคารพและให้ความสำคัญ ทั้งหมดที่แม่ทำก็ก็เพื่อผลประโยชน์ของลูก หรือลูกไม่อยากมีเงิน ไม่อยากมีอำนาจ
อย่างงั้นเหรอ?”
“เฮอะ” เจียงโย่เชียนแค่นหัวเราะเย็นชา “แม่ไม่ถามผมสักนิด แล้วก็ตัดสินใจแทนผมว่าผมต้องการอะไร สุดท้ายแล้วนั่นคือสิ่งที่แม่ต้องการ หรือสิ่งที่ผมต้องการกันแน่?!”
ซิวหมิงเยี่ยนสะอีก ผ่านไปพักใหญ่ถึงเอ่ยปาก “งั้นลูกต้องการอะไรล่ะ?”
“ผมต้องการให้คุณแม่เป็นคนอบอุ่นและใจดี…”.
“ลูกว่าอะไรนะ?!” ชิวหมิงเยี่ยนตมโต๊ะแล้วยืนขึ้น”ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ทำเพื่อลูก แล้วจะมาอยู่ในจุดนี้อย่างตอนนี้ไหม?”
“เพิ่มผม เพื่อผม แม่ยังจะบอกว่าทำเพื่อผมอีก! ข้ออ้างทั้งนั้น!” เจียงโเซียนเองก็ยืนขึ้นด้วยความโมโหแล้วประจันหน้ากับเธอ “สิ่งที่ผมต้องการแต่เดิมมันไม่ใช่อะไรพวกนี้เลย!ของพวกนี้มัน
เป็นสิ่งที่แม่อยากได้เองแล้วเอาผมมาบังหน้าเท่านั้น”
“แม่ครับ แม่เคยคิดว่าตัวเองผิดไหม?” เจียงโย่เซียนค่อย ๆ เปลี่ยนน้ำเสียง
“ตั้งแต่แรก แม่ทำดีกับคนที่แต่งงานแล้ว ประสบความสำเร็จขึ้นมาจากการเป็นมือที่สาม ทารณลูกเลี้ยง กลายเป็นแม่เลี้ยงอำมหิตอย่างแห้จริง แม่เคยเสียใจไหม? ในตอนดึกสงัดไม่มีใคร
เคยคิดว่าตัวเองผิดบ้างรึเปล่า?”
“อย่ามาสั่งสอนฉัน แกไม่มีสิทธิ์ ฉันเป็นแม่แก!” ชิวหมิงเยี่ยนหลบสายตา ถูกลูกชายแท้ ๆ พูดแบบนี้ เธอไม่มีหน้าจะไปมองใครแล้ว
“ผมไม่มีสิทธิ์” เจียงโม่เซียนนั่งลง “กินข้าวเถอะ”
ชิวหมิงเยี่ยนพบว่าวันนี้ลูกชายผิดปกติอย่างมาก “โเซียนเขาข่มขู่อะไรลูกหรือเปล่า? ลูกบอกแม่มา เรื่องที่แม่ทำมันเอง แม่จะแบกรับเอง”
เจียงโย่เซียนแค่นเสียงเย็นชา “แม่จะปฏิเสธยังไง? หลายปีมานี้แม่ทำความผิดมากมายแค่ไหน สิ่งที่แม่ทำครั้งนี้คือการลักพาต้ว สามารถฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนาได้เลย แม่
จะต้องติดคุกนะ แม่พร้อมที่จะเข้าไปนั่งแกร่วสักหนึ่งปีครึ่งไหม?”
ซิวหมิงเยี่ยนเหมือนกับลูกบอลที่ระบายลมออกแล้ว เธอไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงโย่เชียนหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าว
เมื่อชิวหมิงเยี่ยนเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองคลอดลูกชายใจไม่ไส้ระทำออกมาเสียแล้ว
“พ่อครับ กินผักนะ” เจียงโเซียนคีบผักให้กับเจียงจวิ้น
เจียงจวิ้นนั้นกินลงที่ไหนกัน คำที่เขาต่อว่าซิวหมิงเยี่ยน ก็เหมือนกับต่อเขาด้วยเช่นกัน
บนโต๊ะอาหารมีแค่เขาคนเดียวที่ขยับตะเกียบ ส่วนเจียงจวิ้นและซิวหมิงเยี่ยนนั้นก็มองเขากิน
เจียงโย่เซียนยัดอาหารใส่ปากคำหนึ่ง “วันนี้ระหว่างทางที่ผมกับพี่มา เขาบอกว่า อยากให้ผมไปเรียนต่างประเทศ ไม่อยากเห็นผมถูกทิ้งไว้อย่างว่างเปล่า ตอนเด็กพวกคุณทำกับเขาแบบนั้น
กับผมเขาก็ยัง….”
เขาสะอื้น
“พวกพ่อแม่เคยคิดไหมว่าทำไมผมถึงไม่กลับมาบ้านหลังนี้ ยอมออกไปเตดเตร่อยู่ข้างนอกแล้วไม่ยอมกลับบ้าน ผมอยากมีครอบครัวที่ปติและกใคร่กัน พ่อแม่คิดว่าที่ทำแบบนี้คือความ
รักเหรอครับ?” เขาหัวเราะเยาะเบา ๆ “คนที่พวกคุณรักแต่เดิมก็คือตัวของพวกคุณเองทั้งนั้น”
“โย่เซียน แม่รักลูกนะ” ชิวหมิงเยี่ยนตื่นตระหนก
“ตามสบาย ถ้าแม่บอกว่ารักงั้นก็คือรัก ผมจะทำตัวให้เหมือนโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นก็แล้วกัน วันนี้ผมมีเรื่องจะพูดกับพวกคุณ”
“พูดสิ” ชิวหมิงเยี่ยนในตอนนี้ว่าง่ายเหมือนกับลูกแกะ เสียงก็ไม่กล้าเปล่งดังนัก นี่คือลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ เธอไม่อยากเสียเขาไป
“อีกไม่กี่วัน ผมเตรียมจะไปเรียนต่อต่างประเทศตามที่พี่ชายบอก” เจียงโเซียนเงยหน้ามองพวกเขาทั้งสอง “เขาบอกว่า พอกลับมาแล้วจะให้ผมเข้าบริษัท”
ซิวหมิงเยี่ยนเบิกตากว้าง “จริงเหรอ?”
เธอไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยจริงๆ
“จริงครับ” เจียงโเซียนตอบอย่างมั่นใจ
“อีกอย่าง เขาจะไม่เอาเรื่องเรื่องที่แม่ทำในครั้งนี้ด้วย ทำตัวเองให้ดี ๆ ล่ะ” พูดจบเจียงโเชียนก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“โย่เชียน” ชิวหมิงเยี่ยนตามมา “ลูกแม่…”
เจียงโย่เชียนมองไปที่เธอ “ไตร่ตรองให้รอบคอบว่าต่อจากนี้ควรจะทำยังไง ถ้าทีหลังแม่ยังเป็นแบบนี้อีก ก็อย่าโทษว่าผมไม่ยอมรับแม่เลย”
พูดจบเขาก็เปิดประตูเดินเข้าไป
“เหล่าเจียง….”. ชิวหมิงเยี่ยนหันกลับไปมองสามี
เจียงจวิ้นหมุนรถเย็นเข้าห้อง
ทั้งสองคนไม่ได้จับตะเกียบเลย พวกเขาต่างโดนลูกชายพูดจนไม่กะจิตกะใจจะกินข้าว
เจียงโย่เซียนที่เดินออกมาจากประตูบ้านก็พบกับหนานเฉิง
เขาถามเกี่ยวกับการจัดการเรื่องราว
“คนก็ตายไปแล้ว ทางตำรวจจะจัดการเอง” หนานเฉิงพูด
“ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย” เจียงโม่เชียนเอ่ยอย่างเดือดดาล
หนานเฉิงถอนหายใจ ถึงตายก็ยังไม่สาสมกับเธอ เพียงแต่รู้สึกกลัดกลุ้มเล็กน้อย
“ว่างไหม?” ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วสิ?” หนานเฉิงพูด
“มีสิครับ ผมก็มีธุระจะไปหาคุณพอดี”
“นายจะมาหาฉัน?” หนานเฉิงรู้สึกประหลาดใจ “ประธานเจียงสั่งเอาไว้แล้ว ตามเรื่องของแม่นาย”
นอกจากเรื่องนี้ หนานเฉิงก็คิดเหตุผลที่เขาจะมาหาตัวเองไม่ออกแล้ว
“เรื่องนั้นผมรู้ แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นหรอก” เจียงโย่เชียนดึงหนานเฉิงเอาไว้ “พวกเราหาที่คุยกันเถอะ”