กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 971 หากมีวาสนาห่างกันพันลี้ยังได้พานพบ
มาที่นี่หลายวันแล้ว เธอพอจะเข้าใจซงเก้นคนนี้บ้างแล้ว ปฏิบัติต่อคนอื่นค่อนข้างเย็นชา เป็นผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ เพราะการแต่งงานของพ่อแม่เขาเต็มไปด้วยความสุขชื่นมื่น ดังนั้นเขาจึง
ปรารถนาชีวิตการแต่งงานที่มีความสุขแบบนั้น
ในตอนที่ยังไม่พบคนที่ชอบ คนที่ไม่สามารถคบด้วยได้อย่างเด็ดขาดก็คือคนประเภทนั้น
จิตใจดีงาม ทว่าเป็นคนไม่พูด แต่ทำจริง
เขาไม่สวมชุดเครื่องแบบ ทำให้รู้สึกว่าเป็นคนที่สุภาพบุรุษและอ่อนโยน
เป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง
ตอนนี้เขาตื่นเต้น ท่าทางที่ไม่รู้จะเริ่มพูดจากไหนดีนั้นน่ารักมาก
“ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามา ได้ยินที่คุณคุยกับนียาแล้ว” สักพักหนึ่งซงเกันจึงเอ่ยปากพูด
จงเหยียนชีตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองเข้าอย่างไม่เข้าใจนัก ดังนั้นเขาต้องการจะพูดอะไร?
“คุณรักอดีตสามีคุณมากเลยใช่ไหม? ยังลืมเขาไม่ได้ใช่ไหม?” ซงเก้นถาม
ประโยคคำถาม แต่เหมือนการหยั่งเชิงมากกว่า
จงเหยียนซีนิ่งเงียบไปสองสามวินาที คิดว่าการที่เขาถามแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะคำพูดที่เธอตอบนียาไป
“ไม่รัก” น้ำเสียงหนักแน่น ความรักของเธอถูกทำลายไปตอนที่เขาพูดว่าหย่าตั้งนานแล้ว ไหมักลายเป็นเถ้าถ่านในกองเพลิง “ฉันบอกนียาไปว่าในใจฉันมีคนหนึ่งอยู่ เพียงแค่ไม่อยากให้เธอ
ดึงดันลากฉันให้อยู่ด้วยกันกับคุณ”
ได้ยินคำว่าไม่รักคำนี้ ใบหน้าของซงเก้นก็เผยความดีใจที่ดูปกปิดได้ยาก พอได้ยินประโยคหลัง ความดีใจก็สลายหายไป “หล่อนดึงผมให้อยู่ด้วยกันกับคุณ เป็นการสร้างความลำบากใจให้
คุณใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ” จงเหยียนซีรีบอธิบาย ซงเก้นเป็นคนดี ข้อนี้เธอรู้ดีแก่ใจ
ซงเกันเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยคบกับผู้หญิง ส่วนเธอเป็นผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงนและการหย่าร้าง พื้นหลังความรักของสองช่างแตกต่างกันมาก
เธอบอกกับนียาไปว่าไม่เหมาะสม ก็เพราะต้องการบอกหล่อน เธอเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง ไม่เหมาะสมกับซงเก้น
สิ่งนี้ทำให้เธอคิดว่าเป็นการทำลายความบริสุทธิ์นั้นบนตัวของซงเก้น
เธอคิดว่าผู้หญิงที่เหมาะสมกับซงเก้น ควรจะเป็นผู้หญิงคนที่เหมือนกับเขา ประวัติความรักใสสะอาด จิตใจบริสุทธิ์ นิสัยดีมีเมตตา
เธอถามตัวเอง เธอไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย
ยิ่งทำให้ไม่กล้าทำลายความดีงามนี้ให้ด่างพร้อย
“ฉันกลัวจะสร้างความยุ่งยากใจให้คุณ ฉันเป็นคนที่หย่าร้างมาแล้วคนหนึ่ง หากมีข่าวอื้อฉาวกับคุณ ฉันจะเป็นฝ่ายได้กำไรนะคะ” เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
ซงเก้นแย้มยิ้ม นัยน์ตาลุ่มลึกฉายประกายระยิบระยับ เหมือนดวงดาวสุกสกาวยามค่ำคืน
“คุณซงเก้น คุณชอบผู้หญิงแบบไหนหรอคะ?” ฉู่ ๆ จงเหยียนซีก็โพล่งถาม
ซงเก้นจ้องมองเธอ “ผู้หญิงที่ไร้เดียงสา ชอบยิ้ม พอยิ้มแล้วดูสวย”
จงเหยียนซีถามอีกครั้ง “แล้วรูปร่างหน้าหน้าตาที่ต้องการล่ะคะ?”
ซงเก้นส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นฉันเจอคนที่เหมาะสมแล้ว จะแนะนำให้คุณแน่นอน” จงเหยียนซียิ้มพูด
เธอจริงจัง ซงเก้นอายุยี่สิบเก้าแล้ว ยังไม่เคยมีความรัก น่าเสียดาย อย่างน้อยอายุยังดีอยู่ จะต้องมีคนดี ๆ สักคนอย่างแน่นอน
เหลือความทรงจำดี ๆ ไว้สักช่วงหนึ่ง รอตอนแก่นั่งหลังชนหลังกับคนรักเล่าเรื่องความหลัง
ซงเก้น”
เขานึกว่าจงเหยียนซีชอบตัวเอง นึกไม่ถึงว่า……
นึกไม่ถึงว่าจะแนะนำให้เขา
“ผมไม่ชอบการพยายามจัดการ” เขาพูด
จงเหยียนซีคิดในใจ เขาช่างเป็นคนเอาจริงเอาจังเหลือเกิน เชื่อเรื่องโชคชะตา พรหมลิขิตอย่างนั้นเหรอ?
ก็น่าจะใช่นะ พวกเขานับถือศาสนาพุทธ
เธอจึงบอก “บ้านเกิดฉันมีสุภาษิตประโยคหนึ่งพูดไว้ว่า หากมีวาสนาห่างกันพันลี้ยังได้พานพบ หากไร้วาสนาแม้อยู่ตรงข้ามก็ไม่อาจพบเจอ”
“หมายความว่าอะไร?”
“ก็หมายความว่า คนที่มีวาสนากับคุณ ต่อให้อยู่ห่างกันไกลแสนไกลก็จะได้พบกับคุณอยู่ดี ส่วนคนที่ไม่มีวาสนา ต่อให้อยู่ข้างหน้า คุณก็ไม่อาจได้เจอ”
“ผมกับคุณนับว่าเป็นไหม?” ซงเก้นจ้องมองไปยังนัยน์ตาของเธอแล้วเอ่ยถาม
ในหัวผุดขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างแปลกประหลาด เขาชอบฉันเหรอ?
ความคิดนี้โผล่ออกมาทำให้เธอตกอกตกใจ แล้วตกใจที่หลงตัวเอง ต้องเป็นโรคมโนแน่ๆ
เธอแสดงสีหน้าตกตะลึงมาชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นยกยิ้มอย่างรวดเร็ว “ไม่นับค่ะ”
ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืน “ฉันง่วงนิดหน่อย อยากไปนอนสักตื่นหนึ่ง”
การกระทำของเธอดูเหมือนเป็นการหลบหลีกตามจิตใต้สำนึกเสียมากกว่า
“อืม” ซงเก้นตอบ
จงเหยียนซีสาวเท้าเดินไปที่ห้อง รู้สึกเหมือนซงเก้นกำลังมองเธออยู่ตลอด ฝีเท้าเธอก็ยิ่งรีบเดินฉับไว
กลับถึงห้องก็ปิดประตู เธอออกแรงสายศีรษะ พยายามขจัดความคิดยุ่งเหยิงพวกนั้นออก
ซงเก้นมีทุกอย่างที่ต้องการ ทำไมถึงชอบผู้หญิงหย่าร้างแล้วคนหนึ่งอย่างเธอล่ะ?
เธอตบใบหน้า จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่นอน
เธอนอนลงที่ริมเตียง ต้องเป็นเพราะสองสามวันนี้อยู่สถานที่ไม่คุ้นเคย นอนหลับพักผ่อนไม่พอ จึงเกิดอาการประสาทหลอน
ฮึ่ม ไม่ใช่เด็กผู้หญิงแล้ว ยังมีความคิดแบบนี้อีก ช่างหน้าขายหน้าจริงๆ
นอนบนเตียงได้สักพักหนึ่งก็หลับสนิทจริง ๆ ไปเลย
ซงเก้นนั่งอยู่ในห้องรับแขกคนเดียว สายตาเหม่อมองไปทางห้องนอนของจงเหยียนซี
เมื่อกี้เหมือนเธอหลบเลี่ยงสายตาของเขา
เธอกำลังกลัวอย่างนั้นเหรอ?
“คุณพ่อ” นียาวิ่งเข้ามาพร้อมน้อยหน่ากอบมือหนึ่ง
ซงเก้นเรียกความคิดและความรู้สึกกลับมา มองไปยังนียาด้วยรอยยิ้ม
“ให้คุณพ่อชิม อร่อยมาก ๆ เลย”
แซลลี่ห้ามไม่ให้เธอยื่นผลไม้ให้ซงเก้น “ฉันเอาไปล้างแล้วห่นก่อนแล้วค่อยให้นะคะ”
นียามองดูน้อยหน่าในมือ ดูเหมือนจะกินเข้าไปเลย ไม่ค่อยอร่อยนัก จึงวางผลไม้ในตะกร้าไม้ไผ่ กำชับบอกว่า “สองสามนนี้อย่าเอาไปปนกับในตะกร้านะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว สองสามลูกนั้นใหญ่ขนาดนั้น ไม่ปนกันหรอกค่ะ” แซลลี่พูด
นียาแย้มยิ้มพลางปืนเข้ามาในอ้อมกอดซงเก้น “สองสามลูกนี้หนูคัดมาให้พ่อโดยเฉพาะ รอสักเดี๋ยวพ่อลองชิมดูว่าหวานไหม”
ซงเก้นกางมือของเธอออก “สกปรกขนาดนี้เลย”
“แหะแหะ” นียาแย้มยิ้ม “ลืมล้างมือไปเลยค่ะ”
ซงเก้นอุ้มเธอไปล้างมือ
จงเหยียนซีที่หลับสนิทกำลังฝันอยู่