กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่ 993 อยากจะพูดอะไรไหม
บนป้ายนั้นมีอีกษรที่ดูใหญ่และทรงพลังสามตัว เป็นอักษรพื้นดำเลี่ยมทองที่ดูใหญ่และโอ่อ่า
“ข้างบนนี้เขียนว่าอะไรเหรอ? ” ซงเก้นถาม
จงเหยียนซีงยหน้ามอง บนป้ายนั้นเขียนคำว่า (หอหงส์า สามตัว เธอจึงธิบายให้ซงเก้นฟัง ” เหมือนมีคนเคยเล่าว่ในช่วงสมัยหนึ่งมีฮองเฮาเคยอาศัยอยู่ที่นี่ ก็เลยตั้งชื่อว่าหอหงส์ฟ้า”
ซงเก้นทำตาปริบๆ เหมือนกำลังพินิจพิเคราะห์ความหมายของประโยคที่เธอเพิ่งจะพูดไป
จงเหยียนซีถาม ” ไม่เข้าใจเหรอ?”
เธอชะงักไปสักพัก ” ฮองเฮาคือภรรยาของกษัตริย์ประเทศเราในยุคโบราณ หงส์คือนกของกษัตริย์ในประเทศเรา เพื่อแสดงความน่าเกรงขามของฮองเฮา เลยใช้เรียกว่าหงส์ยังไงล่ะ”
” วัฒนธรรมของประเทศคุณช่างแตกต่างเสียจริง อะไรๆก็ต้องพูดค้อมอ้อม ” เหมือนซงเก้นจะเข้าใจแล้ว
จงเหยียนซียิ้ม ” ใช้สุภาษิตได้ไม่เลวเลย แต่ไม่ใช่คอมอ้อมนะ มันอ้อมค้อมต่างหาก”
” มันไม่เหมือนกันตรงไหนล่ะ? ”
จงเหยียนซี ”
” ไม่มีอะไรไม่เหมือนหรอก พวกเราไปดูข้างในกันเถอะ ”
จงเหยียนซีพูด
ซงเก้นตามเธอไป ” ที่หลังคุณช่วยสอนอักษรจีนให้ผมหน่อยได้ไหม?”
” ถ้าใช้เป็นครูล่ะก็ ฉันคงต้องเก็บต้งค์แล้วล่ะ ” จงเหยนซีมองไปที่เขา แล้วพูดหยอก ” คุณรวยขนาดนี้ หนึ่งชั่วโมงคงต้องเก็บสักหมื่นนึงแล้วล่ะ”
ซงเก้นตอบรับ ” ได้สิ ”
จงเหยียนซีหัวเราะ ” ฉันล้อเล่นน่ะ”
” หนึ่งชั่วโมงหมื่นหยวน ตอนนี้คุณเป็นครูของผมแล้ว ” ซงเก้นพูดทวนอีกรอบ
จงเหยียนซี ”
เธอกำลังคิดในใจว่านี่เอาจริงเลยเหรอ? เธอแค่พูดเล่นๆ เองนะ แต่มองไปยังท่าทีที่ดูจริงจังของซงเก้นแล้ว มันเธอจะไม่สามารถทิ้งนักเรียนคนนี้ไปได้
เอาเถอะ
” ฉันยอมรับคุณเป็นนักเรียนก็ได้ ” จงเหยียนซีเดินไปทางซุ้มขายของ เป็นร้านขายพัดจีนโบราณ ที่ถูกปักด้วยเส้นใหม่เป็นรูปว่าที่ดูประณีตและงดงาม ด้านล่างยังถูกแขวนด้วยฟูห้อยสีแดง เธอ
หยิบมันขึ้นมาดู ซงเก้นก็หยิบตามเธอขึ้นมาหนึ่งอัน แต่อันที่เขาหยิบขึ้นมา บนนั้นไม่ใช่รูปวาดคน แต่เป็นรูปทิวทัศน์ และยังมีกลอนอีกสองบทเขียนไว้ด้วย
เขาส่งมันให้กับจงเหยียนชี ” บนนี้มันเขียนว่าอะไรเหรอ? ”
จงเหยียนซีเหลือบไปดู ข้างบนเขียนว่า ‘ หนึ่งความคะนึงหาระหว่างสองคนที่ห่างกล ความหมองหม่นนี้ไร้หนทางเยียวยา เลือนหายจากมุ่นคิ้ว ไปปรากฎ ณ กลางใจ ‘
เมื่ออ่านจบประโยคแล้วเธอก็พูดสองคำออกมาว่า ‘ ไร้สาระ’
พ่อค้าที่ขายพัดก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ” ไม่เคยเรียนหนังสือหรือไง? คือกลอนของหลี่ชิงเจา มันจะไร้สาระได้ยังไง?”
จงเหยียนซีมองเถ้าแก่ร้านขายพัด ตอนนี้คนขายของริมทางก็มีความรู้เหมือนกันเหรอเนี่ย?
เถ้าแก่ที่ขายพัดอยากให้ซงเก้นซื้อ เลยพูดว่า ” นี่เป็นบทกลอนที่นักกวีผู้มีชื่อเสียงของประเทศเราเขียนออกมาเชียวนะ มันเกี่ยวกับความรักน่ะ มันเหมาะกับนายมากเลย ”
จงเหยียนซีที่ยืนอยู่ข้างๆ แทบจะขำออกมา พัดอันนี้จะเหมาะกับซงก้นได้ยังไง? เขาเป็นชายสูงร้อยแปดสิบ แถมหน้าตาคมเข้ม ถ้าถือพัด คิดๆ ดูแล้วมันก็น่าตลกจะตายไป?
เพื่อที่เถ้าแก่จะได้ขายของออกไปได้ ถึงจะพูดขัดกับความรู้สึก แต่ก็ต้องพูดออกไป
ซงเก้นวางลง แล้วส่ายหัว ” ผมไม่เอา ”
จงเหยียนซีเห็นแก่ที่เถ้าแก่พยายามขาย เลยถาม ” อันละเท่าไหร่คะ?”
” สิบห้า”
” งั้นฉันซื้ออันนึงค่ะ ” จงเหยียนซีควักเงิน
ซงเก้นห้ามในขณะที่เธอจะคว้าเงินออกมา ” ผมจ่ายเอง ”
เถ้าแก่ที่ขายพัด ในใจรู้สึกคิดผิด ถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอบ เขาคงเกร็งราคาให้สูงกว่านี้ พอถึงเวลาผู้ชายคนนั้นจะได้ไม่กล้าต่อราคาต่อหน้าผู้หญิงไงล่ะ
ซงเก้นจ่ายเงินไป เถ้าแก่ร้านขายพัดก็เก็บเงินลงในกระเป๋าแล้วพูดว่า ” แฟนของคุณสวยมากเลย ”
แต่ในใจก็คิดว่า เจ้าหนุ่มนอกนี่จะหลอกสาวๆ สวยๆ ของประเทศเราไปจนหมดแล้ว
จงเหยียนซีหยิบพัดอันนึงไป แล้วมองเถ้าแก่ขายพัด ” เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ ”
” ฉันคงดูผิดเองแหละ ” เถ้าแก่ร้านขายพัดขอโทษแล้วยิ้มแหะๆ ที่แท้ตัวเองก็เข้าใจผิดนี่เอง
ในใจก็รู้สึกโชคดีที่ไม่โดนไอ้หนุ่มนอกนี่เอาเปรียบ
เมื่อใกล้จะถึงสี่ทุ่มจงเหยียนซีก็เริ่มอยากกลับบ้านแล้ว เพิ่งจะกลับมาแต่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ก็ออกมาข้างนอกเป็นวันๆ แล้ว เธอไม่ควรจะกลับบ้านดึกนัก
ซงเก้นพูด ” ผมไปส่งคุณเอง ”
“ไม่ต้องหรอก เราต่างคนต่างไม่ต้องไปส่งกันแล้วล่ะ”
จงเหยียนซีพูด
ซงเก้นไม่เซ้าซี้เธอ จึงตอบไป ” โอเค”
เมื่อทั้งสองแยกจากกัน ซงเก้นก็โบกรถกลับโรงแรม แต่ก็แปลกใจที่ไปเจอกับเจียงโม่หาน
เจียงโม่หานยืนอยู่ตรงทางเข้าลิฟต์เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องบริษัทกับหนานเฉิงอยู่ จนไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครเดินตรงเข้ามา ซงเก้นเดินเข้ามา ” คุณเจียง ”
หนานเฉิงหันมา
” มีอะไร? ”
เจียงโม่หานเห็นเขา ก็ถามเสียงเรียบ
” เราคุยกันหน่อยได้ไหม? ” ซงเก้นถาม
หนานเฉิงเหมือนจะยังไม่ลืมเรื่องที่เขาอยู่ไทยแล้วใส่ร้ายเจียงโม่หาน จึงทำหน้านิ่งขึงขัง ” คุณมูติชาวิธีที่ทำใช้ได้เลยนะ แต่คุณคิดว่าจะขวางทางพวกเราไว้ได้เหรอ?”
เจียงโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย ” หนานเฉิง นานกลับไปก่อนเถอะ ”
” แต่ว่า…. ”
เมื่อปะทะเข้ากับสายตาของเจียงโม่หาน หนานเฉิงจึงเก็บเสียง แล้วขึ้นลิฟต์ไปด้วยความไม่เต็มใจ
” ผมรู้จักที่หนึ่งที่เงียบพอจะคุยกัน “เจียงโม่หานเดินนำทางไปข้างหน้า ซงเก้นก็เดินตามไป ทั้งสองขึ้นไปที่ยอดตึกที่เป็นโซนธุรกิจ
บนยอดตึกของโรงแรมถูกออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้คนเป็นอย่างมาก ให้พื้นที่กับผู้คนที่ต้องการพูดคุยกันเรื่องธุรกิจ ที่ค่อนข้างเป็นความลับ ทั้งเงียบสงบเหมาะกับการพูดคุย
เห็นได้ชัดว่าเจียงโม่หานอยู่ที่เมืองCได้คุ้นชินมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว เมื่อพูดคุยกับผู้จัดการโรงแรมไม่กี่คำ ก็จัดห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดให้
พนักงานยกชาเข้ามา จากนั้นก็ออกจากห้องไป และปิดประตูให้เรียบร้อย
“คุณมาหาผมอยากจะคุยเรื่องอะไร? ”