กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1029 กล้าจับงูพิษด้วยมือเปล่า
“ฉันรู้” เธอกสั้นหายใจไม่กล้าขยับ ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรง
เธอประหม่ามากในตอนนี้แต่ก้ไม่ได้สะดุ้งเลยสักนิด เธอใช้มือเกี่ยวไปที่คอเขา
แล้วทุกสิ่งก็เป็นไปตามธรรมชาติ
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านช่องว่างของหน้าต่าง ตกกระทบลงสู่พื้น
บนเตียงมีร่างเล็กๆ ของ มู่เเวียนเอ๋อร์ นอนอยู่ในอ้อมแขนของจงเหยี่ยนเฉินเธอดูหลับสบายมาก
เมื่อนาฬิกาบนกำแพงชี้เข็มไปยังแปดนาฬิกา มู่เยวียนเอ๋อร์ก็รู้สึกคันที่ใบหน้า “อือ”
เธอขยับร่างกายแล้วลืมตาอย่างช้าๆ เนื่องจากมีแสงสว่างเข้ามาในห้อง เธอจึงกะพริบตาอยู่สองครั้งก่อนจะลืมตาขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอ?” จงเหยียนเฉินลืมตาขึ้นแต่ยังมองไม่เห็นเธอ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงสัมผัสใบหน้าของเธอด้วยมือของเขา
อาจเป็นเพราะจงเหยียนเฉินมองไม่เห็น เธอจึงไม่ได้เขินอายมากนัก เธอยื่นมือออกมาลูบใบหน้าของเขาที่ยิ่งมองยิ่งน่ดู เธอเงยหน้าขึ้นไปจุบริมฝีปากเขา “คุณหิวไหมคะ?”
ตอนนี้เกือบแปดโมงแล้ว ส่วนมากพวกเขาจะกินข้าวเช้ากันเวลาตอนเจ็ดโมง
“อิ่ม” เสียงต่ำทุ้มของเขาดูเหมือนออกมาจากอก ในตอนท้ายมีหางเสียงลากยาวซึ่งเต็มไปด้วยความกำกวม
มู่เยวียนเอ่อร์หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันตัว “ฉันจะไปทำอาหารเช้าให้นะคะ..
เธอเปิดผ้าห่มออกแต่ถูกจงเหยียนเฉินเอาแขนโอบร่างผอมบางของเธอไว้แล้วดึงเขาเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทั้งผ้าห่ม
“ฉันจะไปทำอาหารให้คุณ” มู่เยวียนเอ่อร์พยายามดิ้นรนอย่างอ่อนโยน
“ผมจะกินคุณ” จงเหยียนเฉินกอดเธอแน่นด้วยสองแขนอันทรงพลัง “คนโกหก”
มู่เยวียนเอ๋อร์ “.
“คุณบอกว่าคุณน่าเกลียด คุณน่าเกลียดจริงงั้นเหรอ?”
“คุณมองเห็น” เธอโบกมือต่อหน้าต่อตาเขาอย่างเร่งรีม ปากยังคงพูดพึมพำว่า “ไม่น่าเป็นไปได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองสามวันถึงจะดีขึ้นนี่นา”
ดวงตาของจงเหยียนเฉินไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บ แต่เกิดจากผีเสื้อบนภูเขาพ่นพิษออกมาใส่ตาเขา จึงทำให้ดวงตามองไม่เห็นชั่วคราว
ปีกของผีเสื้อชนิดนี้สีสดใสมาก
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง จึงชัดเจนว่าเขาสายตาเขายังไม่หาย เธอจึงถามว่า “คุณยังไม่เห็นฉันแล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่ใช่คนขี้เหร่?”
จงเหยียนเฉินยิ้มและจงใจไม่พูดอะไร
ทุกคืนเขาได้ใช้มือสัมผัสไปที่ใบหน้าของเธอ แม้จะไม่รู้หน้าตาที่ชัดเจนแต่ก็มีภาพคลุมเครืออยู่ นี่คือสิ่งที่เขาจินตนาการไว้ในใจจากข้อมูลที่ถ่ายทอดผ่านนิ้วของเขา
จู่ๆ มู่เยวียนเอ๋อร์ ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะกลัวว่ารูปลักษณ์ของเธอจะทำให้เขาผิดหวัง
เธอซุกใบหน้าลงที่หน้าอกเขา “ไม่ว่าฉันจะหน้าตาเป็นอย่างไร คุณอย่าลืมสิ่งที่ฉันทำให้คุณนะคะ”
“ผมไม่ลืมแน่”
จงเหยียนเฉินจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
ส่วนในหมู่บ้านขณะเดียวกัน
เหวินเสี่ยวจี้พูดขึ้นว่า “ที่นี่เราหามาแล้ว ข้างบนก็ส่งคนจำนวนมากมาหาแล้วทำไมท่านยังต้องมาด้วยตนเองอีก?”
จงจิ่งห้าวดูท่าทางจริงจัง “ถ้าลูกชายคุณตกอยู่ในความเป็นความตาย จะมัวนิ่งนอนใจได้ไหม?”
ประโยคนี้ทำให้เหวินเสี่ยวจี้ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
ในความเป็นจริง เขากล้วว่าจงจิ่งห้าวจะรีบร้อนออกมาแล้วกระตุ้นความสงสัยของหลินซินเหยียน แต่เขาคงจะคิดเรื่องนี้และวางแผนมันมาอย่างดี
“เราได้ขยายขอบเขตออกคันหาแล้ว ไม่ต้องกังวลมาก” เหวินเสี่ยวจี้เดินนำทาง “แม้ว่าในตอนนั้นเรื่องจะเกิดขึ้นบริเวณนี้ แต่เขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มีหมู่บ้านตั้งเจ็ดแปดหมู่บ้านล้อมรอบที่นี่ ผม
ตรวจสอบแต่ละหมู่บ้านแล้วแต่ยังไม่พบ สงสัยว่าเรากำลังไปผิดทางหรือเปล่า บางทีเขาอาจไม่อยู่ที่นี่”
จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้เขาต้องการดูว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน
เรื่องมันเกิดขึ้นบนภูเขา ใช่เวลาสองสามชั่วโมงในการเดินเข้าไป
เหวินเสี่ยวจี้ติดตามมาและธิบายว่า “หมู่บ้านเมื่อครู่เป็นสถานที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุมากที่สุด เราทำการค้นหามาหลายครั้งแล้ว คนในหมู่บ้านบอกว่าพวกเขาไม่เคยเห็นคนแปลกหน้า อีกทั้งเข้าไป
คันหาในบ้านเพื่อตรวจสอบ หากว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็น่าจะช่วยเหลือ ไม่น่าจะซ่อนเอาไว้หรอก คิดว่าคงไม่ได้อยู่ที่นี่”
อีกอย่าง ใครจะไปซ่อนชายแปลกหน้าไว้ในบ้าน?
สถานที่เกิดเหตุถูกทำลายไป มีรอยเท้าเดินวนไปมาหลายจุดไม่พบเบาะแสใดๆ
ถึงอย่างไรก็ตาม ตามสัญชาตญาณจงงห้าวรู้สึกว่าหากเขายังคงปลอดภัย เขาจะต้องอยู่ใกล้นี้แน่ เนื่องจากคนนอกน้อยนักที่จะมายังที่นี่ อีกทั้งไม่มีใครเข้ามาในเขาลึกขนาดนั้น
คนแบบไหนกันที่จะขึ้นมายังภูเขาลูกนี้?
ดังนั้น คาดว่าขอบเขตคงไม่กว้างนัก
เมื่อออกไปจากภูเขา จงจิ่งห้าวก็ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด เนื่องจากภูเขานี้ตั้งอยู่ระหว่างสองประเทศ คนส่วนใหญ่จะไม่เข้ามาที่นี่
เนื่องจากไม่มีใครเข้าไป จึงมีสัตว์ป่จำนวนมากอาศัยอยู่บนภูเขา
ที่นี่มีตลาดมืดอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ในสำหรับค้าสัตว์ป่าอย่างลับๆ
การที่มีสถานที่เช่นนี้อยู่ ก็น่าจะมีคนแอบเข้าไปในภูเขา ดังนั้นผู้ที่แอบเข้าไปมาในภูเขาน่าจะพบเห็นจงเหยียนเฉินบ้าง
สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงไม่พบจงเหยียนเฉินหรือไม่เห็นแม้แต่ศพเขา
หากเป็นพวกลักลอบล่าสัตว์ป่า เมื่อพวกเขาพบจงเหยียนเฉินบางทีอาจจะช่วยเขาและซุกซ่อนจากคนอื่น เนื่องจากสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันผิดกฎหมาย หรือไม่ก็ฆ่าทิ้งเสียเพื่อปกปิดความลับไมให้ร่ว
ไหล
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน แต่นี่คือข้อมูลที่คันพบใหม่
เพราะการสุ่มคันหาโดยไม่มีขอบเขต ต่อให้กว้างใหญ่แค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
“จากแนวคิดของคุณ คนที่เข้าไปในภูเขาน่าจะพบกับเหยียนเฉิน?” เหงินเสี่ยวจี้รู้แจ้งในทันที “ใช่ เราควรไปสอบถามผู้ที่มีแนวโน้มจะเข้าไปในภูเขาก่อน”
“เดี่ยวผมส่งคนไปสืบให้” เหงินเสี่ยวจี้กำลังจะยืนขึ้น แต่เขาคิดเรื่องอื่นได้จึงนั่งลง “ที่หมู่บ้านนี้ ผมเคยลงพื้นที่ตรวจสอบมาก่อนบ้างแล้ว มีอยู่บ้านหนึ่งในบ้านมีผู้หญิงคนเดียวอาศัยอยู่ เธอมี
สมุนไพรมากมายในบ้าน คนในหมู่บ้านบอกว่าเธอมักจะขึ้นไปขนภูเขา แต่ทำการค้นหาบ้านของเธอแล้ว ไม่พบร่องรอยของเหยี่ยนเฉินเลย ผู้หญิงธรรมดาๆคนเดียว คงไม่มีเหตุผลอะไรที่ซ่อนชายหนุ่มไว้
ในบ้านใช่ไหม?”
จงจิ่งห้าวเงยหน้าขึ้นมอง
เหวินเสี่ยวจี้เผชิญกับดวงตาสีเข้มของเขาที่ดูเร่งรีบ “ผมยอมเสียเวลาหาแม้จะไม่เจอ ก็ยังดีกว่าพลาดอะไรไป”
“อยู่ไกลจากที่นี่ไหม?” เขาถาม
“ไม่ไกลเท่าไหร่ บนเนินเขาเล็กไปทางนั้น” เหวินเสี่ยวจี้ชี้ไปที่บ้านของมู่เยวียนเอ่อร์
“ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” จงจิ่งห้าวลุกขึ้น เหวินเสี่ยวจี้เหมือนจะพูดอะไรออกมา เขาวิ่งไปมาในภูเขาอยู่อย่างนี้ ตอนนี้ก็จะออกไปอีกโดยไม่ได้พักผ่อนเลย แต่สิ่งที่เขาต้องการก็คือหาลูกชายให้พบ ไม่
อย่างนั้นเขาคงจะนั่งไม่ติด
“ผมจะนำทางเอง” เหวินเสี่ยวจี้พูด
เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว พวกเขาพาคนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางไป
พวกเขาขับรถไปยังตีนเขา เนื่องจากถนนบนนั้นแคบและชันเกินกว่าจะขับรถขึ้นได้ พวกเขาทำได้แค่จอดรถไว้ด้านล่างแล้วเดินเท้าไปเท่านั้น
“คนในหมู่บ้านเราพูดกันว่า แม้เด็กผู้หญิงคนนี้จะอาศัยอยู่คนเดียว แต่เธอก็กล้าหาญมาก” ชายคนหนึ่งที่ตามมากล่าวขึ้น
เหวินเสี่ยวจี้เหลือบมองเขา “กล้าหาญยังไง?”
“เธอกล้าจับงูพิษด้วยมือเปล่า คุณว่าเธอใจกล้าไหม? มีผู้หญิงสักกี่คนที่กลัาจับงู ส่วนมากก็ร้องเอะอะโวยวายทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?”