กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1030 หาพบแล้ว
เหวินเสี่ยวจี้เลิกคิ้ว “จริงเหรอ?”
ชายคนนั้นตอบว่า “จริงครับ คนในหมู่บ้านเห็นมากับตา”
คราวนี้มีอีกคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “เรามาดูกันว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงแบบไหนกัน?”
พวกเขาพูดพลางเดินขึ้นไปบนภูเขา
หันใดนั้นโทรศัพหมือถือของจงจิ่งห้าวที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาพบหมายเลขที่แสดงเป็นชื่อของหลินชินเหยียน เขาหยุดฝีเท้าลง รอให้เหวินเสี่ยวจี้และคนอื่นๆเดินผ่านไปก่อน
จากนั้นรับสายขึ้น
“ฮัลโหล……
“ทำไมนานจังคะกว่าจะรับสาย?” หลินซินเหยียนถามด้วยเสียงแหบแห้งแต่หนักแน่น
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาเกร็งขึ้นทันที
“น้าชาย……ไปแล้วค่ะ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้แปลกใจมาก เพราะแพทย์ประจำตัวได้บอกเอาไว้ว่า ร่างกายของเขาหากสามารถอยู่ถึงวันแต่งงานของจวงเจียเหวินได้ก็ดีมากแล้ว
“ผมจะกลับเดี๋ยวนี้”
เขาวางสายแล้วโทรกลับหาเหวินเสี่ยวจี้
“เกิดอะไรขึ้น?” เหวินเสี่ยวจี้วิ่งกลับมา
“ผมจะกลับแล้ว คุณหาต่อไปนะ” จงจิ่งห้าวพูด
“เพิ่งจะมาเองไม่ใช่หรือไง? ทำไมกลับเร็วแบบนี้ล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? หรือว่า…..”
จงจิ่งห้าวขัดจังหวะเขาและกล่าวว่าเฉิงยู่เงินได้ล่วงลับไปแล้ว
เหวินเสี่ยวจี้พยักหน้า “ถ้าอย่างั้นคุณกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่ช่วยหาที่นี่เอง”
เหวินเสี่ยวจี้กลัวเขาจะไม่วางใจ จึงได้พูดอีกว่า “เราจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อค้นหาที่เหยียนเฉินให้พบในเร็ววันเท่าที่จะทำได้……”
เขาไม่มีคำพูดคำใดออกมา เพียงแค่วางมือบนไหล่ของเหงินเสี่ยวจิ้ ตอนนี้เขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เลย แต่เหว้นเสี่ยวจิ้ก็รู้ว่าเขาแบกรับภารกิจอันหนักอั้งเอาไร้
“ผมขับรถเอง” เหวินเสี่ยวจี้เดินกลับมาพร้อมเขา ส่วนคนที่มากับพวกเขายังคงออกตามหาจงเหยียนเฉินต่อไป
ตั้งแต่จงจิ่งห้าวเดินทางมาที่นี่เขาไม่ได้พักผ่อนเลยทั้งวัน ตอนนี้เขาก็ต้องกลับไปอีกแล้ว
จากที่นี่ต้องขับรถเข้าไปในเมือง ถึงจะมีสนามบิน
เหวินเสี่ยวจี้ขับรถตรงไปยังสนามบินในเมือง
เมื่อมาถึงพบว่าไม่มีเที่ยวบินที่เหมาะสม จากนั้นจึงเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงแทน
เมื่อเห็นจงจิ่งห้าวขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปแล้ว เขาก็เดินทางกลับไป
การเดินทางไปกลับนี้ใช้เวลาอยู่หนึ่งคืนเต็ม
เมื่อกลับเข้าไปในหมู่บ้านก็เกือบเช้าแล้ว
แต่ทว่า เมื่อไปถึงเขากลับได้พบเข้ากับข่าวดี
“หาเหยียนเฉินพบแล้ว”
เมื่อเหวินเสี่ยวจี้จอดรถ ก็มีคนมาส่งข่าวดีให้เขา
“เมื่อไหร่?” เขาถาม
“เมื่อคืนนี้”
หลังจากที่เหวินเสี่ยวจี้และจงจิ่งห้าวออกไป พวกเขาก็ทำการค้นหาต่อ กระทั่งในตอนเย็น ม่เยวียนเอ๋อร์ และจงเหยียนเฉินออกมาทานอาหารที่ลานอีกครั้งจึงได้พบเขาเข้า
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ทำไมเมื่อคืนคุณไม่โทรหาผม?” เหวินเสี่ยวจี้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ผมโทรหาคุณแล้ว แต่ผมไม่สามารถติดต่อคุณได้”
“ทำไมจะโทรไมติดล่ะ?” เหวินเสี่ยวจี้รู้สึกว่าเขาคนนั้นพูดจาไร้สาระ จึงได้หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ พบว่าหน้าจอเปีดไม่ติด คาดว่าคงจะแบตหมดจนปิดเครื่องไปแน่ๆ
“ทำไมต้องมาหมดในช่วงเวลาสำคัญด้วย?” เขาอารมณ์เสียเล็กน้อย
“เรารับเหยียนเฉินกลับมาแล้ว มีผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเขาไร” ชายคนนั้นรายงาน
เหวินเสี่ยวจี้กล่าวว่า “อิ่ม สิ่งสำคัญคือหาเขาพบ”
ไม่ต้องไปสืบหาอีกแล้ว เพียงแค่พบเขาก็ดียิ่ง
ขณะที่เขาเดินไป ก็ได้เอ่ยถามขึ้นว่า “เขาไม่เป็นไรใช่ไหม?”
คนที่ติดตามเหวินเสี่ยวจี้มาหยุดชั่วคราว”…..ตาเขามองไม่เห็น”
“อะไรนะ?” เหวินเสี่ยวจี้กระสับกระส่าย ใบหน้าของเขาซีดเผือด
“แต่ไม่ต้องกังวลไป ผู้หญิงที่ช่วยเขาไว้บอกว่ารักษาได้”
ความรู้สึกที่เดี่ยวดีเดี่ยวร้ายนี้ ทำให้เหวินเสี่ยวจี้เหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ เขาพูดว่า “เข้าไปกันเถอะ”
พวกเขาพักที่ในหมู่บ้าน มีอยู่ครอบครัวหนึ่งซึ่งสมาชิกในครอบครัวไม่น้อยเลย แต่พวกเขาเดินทางออกจากหมู่บ้านไปหมดแล้ว ทำให้มีห้องว่างหลายห้อง
พวกเขาจึงใช้เงินขอเช่าอาศัย
หลังจากพบจงเหยียนเฉินก็ได้พาเขามาที่นี่
เหวินเสี่ยวจี้เดินเข้ามาพบจงเหยียนเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาจึงเดินไปอย่างรวดเร็ว “เหยียนเฉิน…..”
“คุณน้า?” จงเหยียนเฉินเรียกออกมาเมื่อแนใจ
เหวินเสี่ยวจี้จับไหล่เขาด้วยมือสั่น “ไม่เป็นไรแล้วนะ ปลอดภัยดีก็ดีแล้ว แต่ว่า ผมจะบอกกับพ่อแม่คุณอย่างไรดีเรื่องดวงตา…..
“ผมไม่เป็นไร” จงเหยียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “ดวงตาของผม เยวียนเฮอร์ จะช่วยรักษาให้หายดีได้”
เยวียนเอ๋อร์?
เขาหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลังจงเหยียนเฉิน
“นี่คือมู่เยวียนเอ๋อร์เธอช่วยชีวิตผมไว้” จงเหยียนเฉินพูดแนะนำ
“ขอบคุณมาก คุณช่วยชีวิตเหยียนฉินเอาไว้ หากมีอะไรที่อยากได้ก็เสนอมาได้เลยนะครับ ครอบครัวเหงินและครอบครัวจงของเราเป็นหนี้บุญคุณคุณ เพียงสิ่งที่คุณต้องการเราสามารถให้ได้
รับรองว่าเราจะให้ตามความพึ่งพอใจอย่างแน่นอน” เหวินเสี่ยวจี้อยากจะขอบหญิงสาวที่ช่วยชีวิตจงเหยียนเฉินเอาไว้จากใจจริง
“คุณน้า” จงเหยียนเฉินเรียกเขา
“ผมอยู่นี่” เหวินเสี่ยวจี้ยื่นมือออกไปจับมือเขา “ถ้าไม่เป็นไรแล้วทำไมไม่ติดต่อเราล่ะ รู้ไหมว่าเราเป็นห่วงแค่ไหน? เราไม่มีใครกล้าบอกแม่เพราะกลัวว่าเธอจะรับไม่ได้เมื่อได้ยินเรื่องนี้”
“ผมอยู่ในอาการโคม่ามาหลายวัน เพิ่งจะฟื้นขึ้นได้ไม่กี่วัน เยวียนอ๋อร์บอกว่าข้างนอก มีคนกำลังตามหาผมอยู่ ฉันคิดว่ามันเป็นพวกอันธพาลพรรคนั้น ประกอบกับสายตายังมองไม่เห็นเลยไม่กล้า
ติดต่อไป เพราะกลัวจะเอาปัญหากับอันตรายไปให้พวกคุณ”
ที่จริงเขายังกลัวว่าสายตายังมองไม่เห็นแล้วจะทำให้คนในครอบครัวต้องกังวล จึงไม่กลำติดต่อตั้งแต่แรก
“เยวียนเอ๋อร์ บอกว่าตาของผมจะหายได้ภายในสองสามวัน ผมลองคิดดูแล้วตั้งใจว่าเมื่อหายจะติดต่อกลับไป กลัวทุกคนจะกังวล”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว โชคดีเหลือเกินที่คุณไม่เป็นไร ผมจะโทรหาพ่อของคุณก่อนนะ เขาเพิ่งออกไปเมื่อคืนนี้” เหวินเสี่ยวจี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาในขณะที่เขาพูด
“พ่อของผมมาที่นี่ด้วยเหรอ แล้วแม่ผมล่ะ?” จงเหยียนเฉินถาม
“พ่อคุณมาคนเดียว แม่คุณไม่รู้เรื่องนี้หรอก เราปิดบังเธอเอาไว้เพราะรู้ว่าสุขภาพเธอไม่ค่อยดี เราเกรงว่าเธอจะทนไม่ไหว” เขากโทรศัพท์แล้วยกขึ้นมาไว้ตรงหู
“อย่าพูดถึงเรื่องตาผมนะครับ ผมกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วงอีก” จงเหยียนเฉินพูด
เหวินเสี่ยวจี้มองมาที่เขาและพูดว่า “โอเค”
จากนั้นมือถือก็เชื่อมต่อสายออกไป
“พบเหยียนเฉินแล้ว”
“เมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนนี้หลังจากที่คุณจากไป เขาสบายดีไม่ต้องกังวล พวกเราจะกลับเดี๋ยวนี้”
“อืม”
“กลับไปที่เมืองB ก่อนแล้วค่อยย้ายไปที่เมืองC” เหวินเสี่ยวจี้พูด
“อืม”
เหวินเสี่ยวจี้วางสายลงมองไปที่จงเหยียนเฉินลังเลและกล่าวว่า “ปู่เล็กของคุณเสียชีวิตแล้ว”
หลังจากที่เขาพูดจบก็ปลอบโยนว่า “เขาอายุมากแล้ว อย่าได้เศร้าใจไปเลย”
แน่นอนว่าเรื่องนี้จงเหยียนเฉินเข้าใจดี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึดอัดใจ “เราจะกลับวันนี้เลยไหม?”
“ตอนนี้เรายังเดินทางไปงานศพหัน จะได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย” เหวินเสี่ยวจี้พูด
จงเหยียนเฉินก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาทั้งสองจึงได้เดินทางกลับไปพร้อมกันในวันนั้น ส่วนเยวียนเอ๋อร์ต้องการรักษาดวงตาของจงเหยียนเฉินต่อ ดังนั้นจึงกลับไปพร้อมพวกเขา
ตอนนี้เหวินเสี่ยวจี้บอกความจริงเกี่ยวกับจงเหยียนเฉินให้เฉินช็อหานได้รับรู้แล้ว เมื่อตอนนี้เห็นจงเหยียนเฉินเดินทางกลับมาจึงรู้สึกดีใจมาก
“ฉันฟังจากลุงของคุณแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะนะ ลุงของคุณจะเตรียมเรื่องเดินทางไปเมืองCให้เอง เราจะไปกันในคืนนี้”