กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1034 สาวชนบท
1034 สาวชนบท
แม้ว่าจะเป็นน้ำเสียงเชิงตำหนิแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตำหนิเขาจริงๆ
กลับรู้สึกเห็นใจสงสาร
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” จงเหยียนเฉินฟังจากเสียงแล้วตัดสินตำแหน่งของหลินซินเหยียน ก่อนจะเอื้อมมือไปเพื่อจะกอดปลอบผู้เป็นแม่ซึ่งห่วงเขาเหลือเกิน
หลินซินเหยียนยื่นมือออกมา จงเหยียนเฉินสมผัสไปเบาๆ ที่หลังมือ “ผมจะไม่ให้แม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้วครับ”
ก่อนหน้านี้หลินซินเหยียนกอดเขาก่อน
แต่ตอนนี้ทั้งสองกอดกันกลม หลินซินเหยียนอยู่ในอมแขนของเขา
จงเหยียนเฉินทั้งสูงและแข็งแรง
ตอนที่โอบกอดหลินซินเหยียนราวกับคู่รักที่มีความสูงแตกต่างกันมาก
“ไปโรงพยาบาลแล้วหรือยัง ตาจะดีขึ้นเมื่อไหร่?”
นี่คือสิ่งที่เธอห่วงมากในตอนนี้
“ผมทานยารักษาอยู่ครับ เดี่ยวก็ดีขึ้นแม่ไม่ต้องห่วง” จงเหยนเฉินตอบอย่างว่องไว เขาบอกเธอด้วยท่าทางว่าเขาสบายดีไม่มีปัญหาอะไร
“ผมจะไปหาคุณยาย”
“อิ่ม” หลินซินเหยียนสนับสนุนเขา
“เหยียนเฉิน” จวงจื่อจินโบกมือเรียก จากนั้นหลินซินเหยียนก็ช่วยจงเหยียนเฉินในการเดินนำทาง
“คุณย่าครับ” จงเหยียนเฉินกระซิบข้างหูว่า “อย่าเศร้าไปเลยนะครับ”
จวงจื่อจิ่นจับมือเขา “ได้ยินมาว่าเรามองไม่เห็น ย่าจะบริจาคกระจกตาให้”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเงียบลงทันใด
จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกว่าที่จมูกมีความรู้สึกบางอย่างจี๊ดขึ้นมา
แม้แต่จงเหยียนเฉินชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งดุจสวมเกราะเหล็ก ขณะนี้ดวงตาก็เริ่มเป็นสีแดง หากรักแท้เป็นสิ่งที่หายากในโลกนี้ เช่นนั้นความรักจากคนในครอบครัวก็คงจะมีค่ายิ่ง
กว่าหลายเท่า มันคือการเสียสละ การอุทิศตน เป็นสิ่งงดงามซึ่งทำให้ใครต่อใครล้วนอบอุ่นใจ
“ผมไม่เป็นไรครับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกระจกตา” จงเหยียนเฉินนั่งลงข้างเธอและกอดไปที่ไหล่เมาๆ “ตั้งแต่เด็ก คุณย่ามักจะกอดผมอยู่เสมอจนผมโต ตอนนี้ให้ผมคอยอยู่เป็น
เพื่อนข้างกายคุณย่าดีไหมครับ?”
จวงจื่อจิ่นตอบว่า “อืม”
ก่อนหน้านี้คุณปู่เล็กคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอข้างกาย ทว่าบัดนี้คุณปู่เล็กได้จากไปแล้ว เธอคงจะเหงามากทีเดียว
“คุณป้า” เฉินชื่อหานเดินเข้าไป เมื่อเสิ่นซินเหยา เห็นเธอจึงเอ่ยเรียก
เธอตอบรับแล้วเดินเข้ามากล่าวคำปลอบโยนกับจวงจื่อจิน
จวงเจียเหวินเอนตัวไปใกล้หูของหลินซินเหยียนกระซิบว่า “แม่ครับ คุณป้ากับลุงทะเลาะกัน”
หลินซินเหยียนหันไปมองเขา
จวงเจียเหวินพยักหน้า “ตอนที่เดินทางมา พวกเราเห็นยังโกรธคุณลุงอยู่เลย”
หลินซินเหยียนตบไปที่เขาเบาๆ และจ้องมองตาเขม็งกำชับเขาว่าอย่านินทาเรื่องผู้ใหญ่
“ตอนนี้ผมมีครอบครัวมีการมีงานทำ ผมเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว” จวงเจียเหวินโต้กลับ
“ปากดีจริงนะเรา” หลินซินเหยียนไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดี
การแสดงออกของจงเหยี่ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่มีใครสังเกตได้หากไม่สังเกต มีเพียง เสิ่นซินเหยา เท่านั้นที่พบว่าสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเฉินซือหานเดินเข้ามา
เฉินชื่อหานเรียกหลินซินเหยียน บอกว่ามีอะไรจะบอกเธอ
หลินซินเหยี่ยนจึงให้เด็กๆ อยู่เป็นเพื่อนจวงจื่อจิ่นไปก่อน เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว
หลังจากที่ทั้งสองเดินมาตรงที่ที่ไม่มีใครอยู่ เฉินชื่อหานก็ทำท่ทางเศร้ใจเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเธอทำไปเพราะเห็นแก่จงเหยี่ยนเฉินแท้ๆ เหวินเสี่ยวจี้ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจเธอ อีก
ทั้งยังโต้เถียงกับเธอโดยไม่เห็นแก่หน้าเธอต่อหน้าเด็กๆ
ตอนนี้เธอก็ยังโกรธเหวินเสี่ยวจี้อยู่
“พี่สะใภ้คะ” เฉินช็อหานเริ่มเอ่ยปากพูดก่อน
“เสี่ยวจิงบอกคุณทางโทรศัพท์แล้วใช่ไหม?”
“เรื่องอะไรนะ?” หลินซินเหยียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“ตอนที่เราพบเหยียนเฉิน มีผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเขาเอาไว้”
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจ เพราะไม่มีใครบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหวินเสี่ยวจี้โทรไปหาจงจิ่งห้าวไม่ใช่เธอ
เรื่องของจงเหยียนเฉินนั้น จงจิ่งห้าวเพียงบอกเธอว่าเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างปฏิบัติภารกิจ แล้วที่เมื่อครู่บอกว่าไปพบคืออะไร? อีกทั้งยังถูกช่วยเอาไว้?
“ช่วยเล่าอย่างละเอียดกว่านี้หน่อยได้ไหม?” หลินซินเหยียนพูด
“เหยี่ยนเฉินไม่ได้เกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัติภารกิจ เขาหายไปเกือบเดือน และได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวที่มีความรู้เรื่องการแพทย์แผนจีนคนหนึ่ง เดิมทีก็เดินทางกลับมา
พร้อมกับเหยียนเฉิน แต่ฉันเห็นว่าเธอมีแผนการไม่ดีต่อเหยียนเฉิน จึงได้ให้เธอจากไป ก็เรื่องนี้แหละทำให้เหวินเสี่ยวจี้กับฉันทะเลาะกัน”
หลินซินเหยียนฟังอย่างตั้งใจ แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
จงเหยียนเฉินหายไปเกือบเดือน?
หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ บางที่เขาอาจจะไม่ได้กลับมาแล้วก็ได้
ร่างเธอสั่นเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบคว้าราวบันไดเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลง
“พี่สะใภ้คะ พี่ว่าฉันทำผิดหรือเปล่า? ตอนนี้ดวงตาของเหยียนเฉินมองไม่เห็น เขาจะไปชอบผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าตาดี แต่เห็นได้ชัดว่าเธอ
ต้องใช้อุบายบางอย่างแน่ อีกทั้งฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า เป็นเพียงสาวบ้านนอกธรรมดา ผู้หญิงแบบนี้จะคู่ควรกับเหยียนเฉินได้อย่างไร?”
หลินซินเหยี่ยนตกใจกับข่าวนี้มาก แต่ความคิดของเธอยังคงชัดเจนกระจ่างแจ้ง “หล่อนช่วยเหยียนเฉินไว้ หล่อนก็เป็นผู้มีพระคุณของเรา สำหรับเรื่องอื่นๆ เหยียนเฉินไม่ใช่เด็ก
อีกต่อไป เขามีความสามารถในการตัดสินใจด้วยตนเอง”
“งั้นฉันทำผิดเหรอ?” เฉินชื่อหานทำสีหน้าไม่น่ามองนัก
หลินซินเหยียนพูดว่า “ไม่หรอก……แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ควรปล่อยหล่อนไปแบบนั้น เราควรที่จะขอบคุณหล่อนเสียก่อน”
“ฉันจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้เธอแล้ว แต่เธอไม่เอาเอง อายุก็ยังน้อยมากและดื้อดึง เหมือนเด็กที่ไม่ได้รับการอมรมสั่งสอนจากผู้ใหญ่และหยาบคายมาก” เฉินซือหานยังคงไม่รู้สึก
ว่าเธอผิดตามเคย
หลินซินเหยียนไม่มีเวลาไปจัดการกับเรื่องเหล่านั้นในตอนนี้ เธอทำได้เพียงรอจนกว่างานศพจะจบลงและดวงตาของจงเหยียนเฉินหายขาด
“เธอกับเสี่ยวจิงก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อายุปาเข้าไปปูนนี้ยังจะทะเลาะกันอีก จะให้เด็กๆ หัวเราะเยาะเอาหรือไง?” หลินซินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “รีบคืนดีกันเถอะนะ”
เมื่อพูดเสร็จเธอก็เดินกลับไปที่ห้อง
เฉินชื่อหานถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว
เธอคิดว่าหลินซินเหยียนจะเข้าข้างเธอ แต่ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นโกรธเธอเช่นนี้
เธอก็เพียงหวังดีกับจงเหยียนเฉิน แต่ทำไมตอนนี้เธอกลับกลายเป็นคนผิดไปได้?
หลินซินเหยียนเดินเข้าไปในห้องแต่ถูกเสิ่นซินเหยารั้งเอาไว้บอกกับเธอว่าหล่อนเห็นอะไรผิดปกติไป “ตอนที่คุณป้เดินเข้ามา ฉันเห็นว่าพี่ใหญ่ดูสีหน้าไม่ค่อยดี คุณป้าบอกบาง
อย่างเกี่ยวกับพี่ใหญ่ใช่ไหมคะ?”