กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1035 คุ้นเคยดี
หลินซินเหยียนได้ยินคำพูดของเสิ่นซินเหยาและหันไปมองพบว่าลูกชายคนโตของเธอในตอนนี้ได้กลับสู่ท่าทางปกติและกำลังคุยกับจวงจื่อจิ๋นอยู่
“พี่ใหญ่มีเรื่องขัดแย้งกับคุณป้าหรือเปล่าคะ?” เสิ่นซินเหยารู้สึกว่าต้องมีบางอย่างซ่อนไว้แน่ๆ
หลินซินเหยียนไม่ได้ปิดบังเสิ่นซินเหยา เธอพูดเรื่องนี้ออกมาอีกครั้ง
“คุณป้าทำแบบนี้ได้ยังไง?” เสิ่นซินเหยารู้สึกว่าเฉินชื่อหานทำไม่ถูก
ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว ยังจะมัวสนใจเรื่องความเหมาะสมทางครอบครัวอยู่อีก
ประชาชนธรรมดาของประเทศอังกฤษยังคงแต่งงานกับเจ้าชายได้เลย สถานะของครอบครัวสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลินซินเหยียนตบไหล่เธอเบา ๆ “นึกเสียว่าไม่รู้เรื่องแล้วกันนะ ประเดี๋ยวพี่ใหญ่เราจะไม่สบายใจเอาอีก”
เสิ่นซินเหยา พยักหน้าอย่างว่าง่าย “ฉันเข้าใจค่ะ”
ในตอนเย็นที่หลินซินเหยียนต้มยาให้ลูกชาย ในใจเธอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่เชื่อมู่เยวียนเอ๋อร์ แต่เพราะจงเหยียนเฉินได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา หล่อนให้เขากิน
เพียงยาจีนจะไปรักษาหายได้เหรอ?
เธอนำยาที่ต้มเสร็จแล้วให้ลูกชาย “รอให้งานศพเสร็จสิ้นลง แม่จะพาลูกไปตรวจที่โรงพยาบาล”
จงเหยียนเฉินรู้ว่าหลินซินเหยียนกังวลเรื่องอะไรอยู่จึงบอกกับเธอว่า “ดวงตาของผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรครับ แต่ถูกพิษเข้าเท่านั้น ไปหาหมอตะวันตกก็เสียเวลาเปล่า”
หลินซินเหยียนกระสับกระส่ายถามว่า “พิษเหรอ?”
“ไม่ต้องกังวลนะครับ ไม่เป็นไรมาก” จงเหยียนเฉินกลัวว่าเธอจะตระหนก แต่ในที่สุดเธอก็กังงลจนได้ “ผมจะเอาเรื่องดวงตามาล้อเล่นได้เหรอครับ? แม่วางใจเถอะนะ”
หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมา “ครั้งนี้กลับมาพักสักระยะได้ไหม?”
จงเหยี่ยนเฉินพยักหน้า “ครับ ผมไม่ได้พักมาหลายปีแล้ว ทางการจึงได้ให้วันหยุดผมสามเดือน”
หลินซินเหยียนจับไปที่ถ้วยยาและรู้สึกว่ามันไม่ร้อนแล้ว จึงวางมันไว้ในมือของเขา “ดื่มยาก่อนนะ”
จงเหยียนเฉินพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ครับ ป้อนหน่อย”
หลินซินเหยียนหัวเราะออกมา “อายุเท่าไหร่แล้วเรา?”
“ไม่ว่าผมจะอายุเท่าไหร่ก็ยังเป็นลูกชายของแม่นะ” ตั้งแต่ที่จงเหยียนเฉินโตขึ้น เขาก็ไม่เคยทำตัวเหมือนเด็กออดอ้อนเธอเท่าไหร่ หลินซินเหยียนจึงหยิบช้อนและถ้วยยาจากมือ
ของเขาแล้วป้อนเข้าไป “เป็นยังไง ขมไหม?”
จงเหยียนเฉินพยักหน้า “ยานี้ไม่ใช่แค่ขมแบบธรรมดา”
สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องโกหก มันขมกว่ายาจีนทั่วไปมาก ดังนั้นมู่เยวียนเอ๋อร์จึงให้เขากินลูกอมทุกครั้งหลังกินยา
“แต่ถ้าสามารถรักษาตาให้หายได้ ขมอย่างไรก็ต้องทน”
จงเหยียนเฉินแม้จะมองไม่เห็น แต่เขารู้ดีว่าเสียงของหลินซินเหยียนถึงจะร้ายเพียงใด ลึกๆในใจก็เป็นห่วงเขาอยู่ดี
เมื่อกินยาเสร็จแล้ว หลินซินเหยียนก็รินน้ำมาหนึ่งแก้วยื่นให้เขา ก่อนจะหยิบมเอามาปอกเปลือกส่งให้ “ล้างปากหน่อย”
จงเหยียนเฉินหยิบมันขึ้นมาแล้วหยิบกลีบหนึ่งใส่เข้าปาก ยิ้มแล้วพูดว่า “หวานจังครับ”
หลินซินเหยียนซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธออยากจะถามถึงมู่เวียนเอ๋อร์ แต่ในที่สุดเธอก็ไม่ได้พูดออกมา กลับหันไปรองน้ำให้เขาล้างเท้า
“ให้เจียเหวินทำเถอะครับ” จงเหยียนเฉินรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาอายุขนาดนี้แล้วยังปล่อยให้แม่คอยดูแลอีก
“ตอนเล็กๆแม่ก็เป็นคนอาบน้ำให้เอง ตอนนี้กลับมาอายอะไรกัน? ถ้าอายก็รีบหาแฟนเสียสิ ดูเจียเหวินยังแต่งงานแล้วเลย เราเป็นพี่ทำไมไม่ทำตัวอย่างให้น้องดูล่ะ”
จงเหยียนเฉิน”
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็โยงไปเรื่องของแฟนอีก
เมื่อเห็นลูกชายนิ่งเงียบไป หลินซินเหยียนก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เด็กคนนี้นี่ ช่างซ่อนความรู้สึกได้เก่งจริงๆ
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น พิธีรดน้ำศพ
ฉากนั้นทั้งหนักแน่นอึดอัดและเคร่งขรึม
ชายหนุ่มทุกคนสวมชุดสูทสีดำ ส่วนหญิงสาวทุกคอสวมชุดกระโปรงสีดำ
แขกที่มาไว้ทุกข์ตอนเที่ยง ค่อยๆ ทยอยมาทีละคนพร้อมกับพวงหรีดวางเต็มออกไปที่ถนน
จงจิ่งห้าวและหลินซินเหยียนในฐานะคนสนิทของ เฉิงยู่เวิน ทั้งสองยืนอยู่ทางด้านขวาของห้องโถงไว้ทุกข์และคอยต้อนรับแขกที่เดินทางมา
ณ ประตูใหญ่ ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ถูกใครบางคนเข็นเข้ามาอย่างช้าๆ
หลินซินเหยียนจำเขาได้แต่ไกล แม้ว่าจะไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงคุ้นเคยกับเขามาก