กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1036 ไม่ใช่คนนอกสำหรับผม
ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไป ไป้นหนิงมีริ้วรอยมากมายปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกทั้งผมขาวโพลน แต่มองไปแล้วยังคงสดชื่นอยู่มาก แม้จะนั่งอยู่แต่บนรถเข็นเขาก็ไม่ได้มีเนื้อมีหนัง
เพิ่มขึ้นเลย เขาผอมลงกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ในวันนี้เขาสวมชุดสูทสีดำสนิท ส่วนโจวฉุนฉุนสวมสูทสีดำกับชุดลูกไมที่เรียบง่ายไม่มีการตกแต่ง
เธอเข็นไปยิ่นหนิงตรงเข้ามาและเรียกหลินซินเหยียนว่า “พี่”
หลินซินเหยียนพยักหน้าเบาๆ
“อย่าเศร้าโศกไปเลย คนที่จากไปก็สบายแล้ว เราคนที่ยังอยู่ต้องดูแลตัวเองด้วย” ไปยิ่นหนิงมองไปที่หลินซินเหยียนก่อนจะพูดออกมา
หลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าวโค้งคำนับพร้อมกัน
“ทั้งที่อยู่ไกลขนาดนี้ ขอบคุณที่เดินทางมานะคะ” หลินซินเหยียนพูดด้วยเสียงเบาๆ น้ำเสียงของเธอแหบเล็กน้อยเห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะร้องไห้ออกมา
“ผมต้องมาสิ เขาไม่ใช่คนนอกสำหรับผม” ไปยิ่นหนิงระลึกเสมอว่าเขาเป็นน้องชายของเฉิงยู่ซิ่ว และเฉิงยู่วเป็นผู้หญิงคนโปรดของพ่อบุญธรรมเขา
เป็นเพราะเธอ เขาจึงไม่แต่งงานอีกเลยตลอดชีวิต
ตรงกันข้าม เขาไม่สามารถเทียบเท่าพ่อบุญธรรมของตนได้ แม้ว่าเขาจะมีคนรักแล้วในใจ แต่เขาก็แต่งงานกับคนอื่นในที่สุด
บรรดาแขกคนอื่นยืนรออยู่ข้างหลั่ง จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในห้องโถงไว้ทุกข์เพื่อจุดธูป
วันนี้เรียกได้ว่าทุกคนแทบจะมารวมตัวกันที่นี่ แต่เนื่องจากเป็นงานศพจึงไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องอื่นมากนัก ทุกคนตกอยู่ในความรู้สึกหนักอึ้ง
เมื่อเห็นจงเหยียนเฉินและจงเหยี่ยนชี ดวงตาของไปนหนิงก็เศร้าลงทันใด เขาเคยอิจฉาจงจิ่งห้าวในเมื่อก่อน รวมถึงในตอนนี้ด้วย
เมื่อลูกชายลูกสาวโตขึ้น ในอนาคตก็จะมีหลานๆ มีความสุขกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ส่วนเขาคงมีเพียงโจวฉุนฉุนคนเดียว
“หิวน้ำไหมคะ” โจวฉุนฉุนถาม
เพราะพวกเขารู้ข่าวตอนดึกแล้ว จึงรีบเร่งเดินทางมาให้ทันงานศพ
ไป้ยื่นหนิงส่ายหน้า “ถ้าคุณหิวก็ไปกินเถอะ ผมอยู่คนเดียวได้ไม่มีปัญหา”
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะคะ” โจวฉุนฉุนปล่อยเก้าอี้รถเข็นลง
ไป่ยื่นหนิงหามุมที่งียบสงบและมองไปที่โถงว้ทุกข์ ตรงกลางมีภาพของเฉิงยู่เวิน รายล้อมไปด้วยเบญจมาศสีขาว โดยรอบมีแต่สีขาวและสีดำทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าเมื่อมองไป
เขาคิดในใจว่า ทุกคนที่ตายไปแล้วจะได้รวมตัวกันในสวรรค์หรือไม่นะ?
จู่ๆก็เกิดอารมณ์อ่อนไหวขึ้น เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตนเป็นใคร เมื่อตายไปแล้วจะไปหาใครที่ไหนดี?
“พี่ครับ ไป่ยิ่นหนิง” รุ่นลูกหลานพากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าที่ไว้ทุกข์ จงเหยียนซีที่นั่งอยู่ข้างจงเหยียนเฉิน เธอรู้ว่าตอนนี้พี่ชายของเธอมองไม่เห็น จึงได้บอกชื่อแต่ละคนที่เข้ามา
ให้แก่พี่ชายฟัง
เพื่อไม่ให้เขาดูเหมือนไม่รู้อะไรเลย
การแสดงออกของจงเหยียนเฉินดูเหมือนตกตะลึง “ไป้ยิ่นหนิง?”
เขารู้สึกชื่นชมและยกย่องไปยื่นหนิงอยู่ในใจ
บางครั้งก็รู้สึกสงสารเขา
เขาไม่สามารถอยู่กับคนที่รักได้ในชีวิตนี้
“เขาไม่มีลูกเหรอคะ” เสิ่นซินเหยายื่นศีรษะเข้ามาถาม
จงเหยียนซีพยักหน้า “ใช่”
ทั้งเธอและจงเหยียนเฉินรู้ว่าเขาแทบไม่เคยแตะต้องโจวฉุนฉุนเลยด้วยซ้ำ
“อันที่จริงเขาเป็นคนดีมากทีเดียว” จงเหยียนซีพูด
จงเหยียนเฉินจับมือน้องสาวของตน เขากลับมแล้วถึงได้ยินเรื่องของน้องสาว ก่อนหน้านี้เขายุ่งอยู่กับงาน ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่หรือครอบครัวเท่าไหร่ น้องสาวเกิดเรื่องใหญ่
โตขนาดนี้เขายังไม่รู้เรื่องเลย จึงรู้สึกผิดต่อเธอมาก
จงเหยียนซีน้ำตาไหลรินเพราะนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เหมือนกับมีคำพูดนับพันคำ ว่ากันว่าคู่ฝาแฝดสามารถส่งกระแสจิตถึงกันได้ บางทีมันอาจจะไม่จริง
แต่การที่ทั้งสองโตมาด้วยกัน ทำให้ทั้งสองคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกัน
“เขาเคยชอบแม่ใช่ไหม?” จวงเจียเหวินอายุน้อยกว่าจงเหยียนเฉินและจงเหยียนซี เขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่นัก
“ไปรู้มาจากไหน?” จงเหยียนซีถาม
จวงเจียเหวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่าฉินยา เขาเคยได้ยินเธอคุยกับซูจ้าน
“ฉันก็เคยได้ยินคุณพ่อคุณแม่พูดถึงค่ะ” เสิ่นซินเหยา พูด