กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่1047 เธอเรียกผมเหรอ
คำพูดประโยคนี้ไปยื่นหนิงต้องการที่จะสื่อกับจงเหยียนซีว่า เมื่อพบเจียงโม่หานแล้ว อย่าได้ใจอ่อน
ผู้ชายเช่นนี้ ไม่คู่ควรที่หล่อนจะทุ่มเทให้ทั้งชีวิต
จวงจื่อจิ๋นอายุมากแล้ว เมื่อนั่งอยู่บนรถความอบอุ่นก็ทำให้ตนผล็อยหลับไป
บรรยากาศภายในรถเงียบลงสองสามนาที จงเหยียนซีจึงตอบกลับว่า”ฉันรู้”
ความหมายของไปยื่นหนิง หล่อนเข้าใจดี และเต็มใจที่จะยอมรับความหวังดีนี้
“เมื่อถึงที่นั้นแล้ว วางแผนจะอยู่ที่นั้นนานเท่าไหร่? “ไปยิ่นหนิงถาม
สายตาของหล่อนมองไปยังจวงจื่อจิ่น”อันนี้ยังไม่แน่ใจ ต้องดูสถานการณ์อีกที่ค่ะ”
หลังจากนั้นบรรยากาศภายในรถก็เงียบลง
ทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างรถผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนไม่ทันได้ดื่มด่ำ จงเยนซีนั่งพิงหน้าต่าง นัยน์ตาลุ่มลึก ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปนานพอสมควร หล่อนหันกลับไปมองไปนหนิงพลางถามขึ้นว่า”ฉันถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม? ”
“คุณพูดมาสิ”
หล่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง”คุณรู้สึกเสียใจภายหลังไหมที่ได้พบกับแม่ของฉัน?”
ไปยื่นหนิงไม่เข้าใจ”ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?”
“อึ–รักแต่ไม่ได้ครอบครอง สู้ไม่เคยเจอกันเลยน่าจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ? “หากเป็นเช่นนั้นจะได้ไม่ทำให้ความเจ็บปวดทางจิตใจทำร้ายร่างกาย
แต่ไปยื่นหนิงกลับไม่คิดเช่นนั้น”หากในชีวิตไม่เคยรักใคร ก็คงเป็นเรื่องที่น่เสียดายในชีวิต ได้เจอคนที่รัก ได้ส้มผัสกับความรู้สึกใจเต้น ก็ไม่ได้สูญเสียความสมบูรณ์ไปเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนการที่ไม่ได้อยู่กับคนที่ตนรักเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่ว่าฉันคิดว่าก็มีความสุขกว่าไม่ได้พบ ”
จงเหยียนซีไม่ได้ต่อต้านไปยื่นหนิง ในใจไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนเลว แต่กลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี อย่างน้อยเขาก็จริงจังกับความรักเป็นอย่างมาก ซึ่งน้อยนักที่จะมีคนเช่นนี้
ไม่นานรถก็ขับมาจนถึงสนามบิน ป่ยิ่นหนิงให้คนขับรถช่วยถือกระเป๋า
จงเหยียนซีพยุงจวงจื่อจิ่นลงจากรถ
“ส่งแค่ตรงนี้เถอะ”หล่อนพูดขึ้น
กระทั่งคนขับรถนำกระเป๋าเดินทางออกมา และเข้ามาช่วยเข็นรถเน ไปยิ่นหนิงจึงพูดขึ้นว่า”ผมจะไปส่งคุณขึ้นเครื่องครับ”
ท่าทางของเขาจริงจัง จงเหยียนซีไม่ปฏิเสธ
พวกเขาเข้ามายังห้องโถงเพื่อรอขึ้นเครื่อง สักพักเมื่อถึงเวลาเช็คน ไยิ่นหนิงมองดูหล่อนขึ้นเครื่องบิน
เมื่อก้าวขึ้นประตูเครื่องบิน หล่อนหันกลับมามองครู่หนึ่ง ซึ่งมีกระจกกั้นอยู่มองออกไปไกลๆก็ยังคงเห็นไปนหนิงยังคงมองตามหลังไป พลางโบกมือให้กับเขา
หล่อนกับจวงจื่อจิ่นนั่งลง ไม่นานเครื่องก็ขึ้นสูท้องฟ้า
จวงจื่อจิ่นพูดขึ้นพึมพำกับตนเองประโยคหนึ่งว่า”ครั้งนี้เมื่อจากไปแล้ว เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกแล้ว ”
จงเหยียนซีฟังไม่ค่อยถนัดจึงถามขึ้นว่า”คุณยาย คุณพูดว่าอะไรเหรอคะ?”
จวงจื่อจิ่นส่ายศีรษะพลางพูดขึ้นว่า”ไม่มีอะไร”
ยิ่งเข้าใกล้สถานที่คุ้นเคยมากเท่าไหร่ ารมณ์ของเธอก็ยากที่จะสงบลงได้ และก็ไม่สามารถที่จะงีบนอนได้
หล่อนไม่สามารถนอนหลับสนิทได้ ในห้วมีแต่ความทรงจำที่หล่อนอยากจะลืมวนเวียนอยู่ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะลืมภาพนั้นได้
“เหยียนซี กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? “จวงจื่อจิ่นหรี่ตาครึ่งหนึ่ง ให้คนรู้สึกซึมเซา
“ไม่ได้คิดอะไรค่ะ”หล่อนขยับผ้าห่มบนร่างกายของจวงจื่อจิ๋น”คุณยาย คุณยายนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะค่ะ”
จวงจื่อจิ่นนอนไปสักพักหนึ่งในรถแล้ว คนแก่การรับรู้ไม่ค่อยเต็มที่ ตอนนี้อยากนอนแต่ก็นอนไม่หลับ”นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจอโม่หาน”
สีหน้าของจงเหยียนซีชะงักเล็กน้อย”เขา–ยุ่งมาก”
จวงจื่อจิ่นอายุมากแล้ว ไม่อยากที่จะเป็นกังวลเรื่องของตนเอง ดังนั้นจึงไม่พูดความจริงกับหล่อน
“ใช่ พวกคุณงานยุ่งกันมาก”จวงจื่อจิ่นฟิงไปที่ไหล่ของหล่อน”ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะมีโอกาสได้เห็นลูกของคุณไหม? ”
จงเหยียนซีไม่สามารถที่จะตอบได้ ความเงียบจึงคลืบคลานเข้ามา
“คุณแต่งงานก่อนเจียเหนตั้งนานแล้ว แต่เขาน่าจะมีลูกก่อนคุณ”จวงจื่อจิ๋นพูดขึ้น
จงเหยียนซีพูดขึ้นว่า”ใช่ เขากับเหยาเหยามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ”
เมื่อเครื่องบินลงจอด
พวกเขาทั้งวัยชราและวัยสาวได้กลับเข้ามาสู่เมืองแห่งนี้อีกครั้ง เมืองๆนี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ว่าจวงจื่อจิ๋นไม่ได้กลับมานานแล้ว แต่ก็กลับรู้สึกถึงความอบอุ่น มีความรู้สึกเกรงอก
เกรงใจ
จงเหยียนซีไปรับกระเป๋าเดินทาง ส่วนเธอนั้นนั่งรอที่เก้าอี้แถวก่อน
เมื่อเห็นเงาคนที่กำลังเดินออกไปข้างนอกที่อยู่ไม่ไกลนัก เหมือนกับว่าจะเป็นเจียงโม่หาน”โม่หาน? ”
หนานเฉิงที่กำลังพูดคุยอยู่กับเจียงโม่หานกลับไม่ได้ยิน
“เมื่อส่งโยเซียนไปแล้ว ทั้งสองคนนั้นก็น่าจะซื่อสัตย์แล้ว”หนานเฉิงพูดขึ้น
ความทรงจำของเจียงโม่หานลืมไปเพียงบางส่วน แต่สมองนั้นไม่ใช่ว่าจะใช้งานไม่ได้
คนสองคนของตระกูลเจียงต้องการที่จะใช่โอกาสตอนที่เจียงโม่หานสูญเสียความทรงจำ แย่งอำนาจและสิทธิ์ในทรัพย์สินจากบริษัทที่เจียงโย่เชียนดูแล
แต่การที่เจียงม่หานสูญเสียความทรงจำกลับไม่ได้ทำให้คนในตระกูลเจียงสะบัดสะบิ้ง เขาให้เจียงโเชียนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ รอจนกระทั่งเขาเรียนจบกลับมา บริษัทก็ยังคงมีตำแหน่ง
รองรับสำหรับเขา
อีกทั้งการที่เจียงโเซียนไม่อยู่ก็ทำให้คนแก่ทั้งสองท่านของตระกูลเจียงรู้สึกสบายใจไม่น้อย
“โม่หาน”จวงจื่อจิ่นก้าวเท้าออกมาไม่ค่อยมั่นคงนัก เดินโซซัดโซเซเข้ามา น้ำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
เจียงโม่หานรู้สึกว่ามีคนกำลังเรียกตนเองอยู่ หันศีรษะกลับไปกลับเห็นจวงจื่อจิ๋น แต่ว่าเขากลับลืมไปแล้วว่าคนๆนี้เป็นใคร ดังนั้นจึงไม่ได้มีการตอบสนองกลับ หันหลังแล้วเดินต่อไป
“โม่หาน คุณมารับพวกเราใช่ไหม? “จวงจื่อจิ่นเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อย
ครั้งนี้เขามั่นใจว่าตนไม่ได้ฟังผิด อีกทั้งหนานเฉิงก็ได้ยินเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นเธอ สีหน้าของหนานเฉิงจู่ๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ประธานเจียง ตอนบ่ายพวกเรามีประชุม รีบไปกันเถอะ”
เจียงโม่หานไม่ได้ขยับร่างกาย”เธอกำลังเรียกผมอยู่ใช่ไหม? ”
“ไม่เห็นได้ยินเลยครับ”หนานเฉิงสายศีรษะ
“หรือว่าผมฟังผิดงั้นเหรอ? “เจียงโม่หานขมวดคิ้ว
“อาจจะใช่ พวกเรารีบไปกันเถอะ……”
ในขณะนี้จงเหยียนซีก็นำกระเป๋าเดินทางกลับมา กลับพบว่าที่เก้าอี้ไม่มีคนนั่งอยู่แล้ว จึงตามหาหล่อนทุกทิศทุกทาง ดีที่จวงจื่อจิ่นไม่ได้เดินไปไหนไกล”คุณยาย”
หล่อนรีบลากกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็วแล้วเดินตามไป
ทันใดนั้นหนานเฉิงก็ลุกลี้ลุกลน ทำไมหล่อนถึงได้มาด้วยล่ะ?
เขาหันไปมองสีหน้าท่าทางของเจียงโม่หานอย่างอัตโนมัติ