กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่111 เอาตัวเข้าไปเสี่ยง
จงจิ่งห้าวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เรื่องผ่านไปประมาณ40ชั่วโมงแล้ว ถือว่าเขาเคลื่อนไหวเร็ว
นี่ก็รู้แล้วว่าหลินซินเหยียนทำไม่สำเร็จ แถมยังเบนไปฝั่งคนที่เธอแคร์มากที่สุดอีก
เขาค่อยๆเก็บมือที่จับโทรศัพท์อยู่ลงไป
ไม่ได้ยินจงจิ่งห้าวพูด หลินซีเฉินก็ร้อนรน เพราะยังไงตอนนี้เหอรุ่ยเจ๋ออยู่ในบ้าน เธอไม่กล้าพูดกับจวงจื่อจิ่นอย่างสะเพร่า ถ้าเกิดเธอเก็บอารมณ์ไม่อยู่ แหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้เหอรุ่ยเจ๋อรู้เข้าแล้วจะแย่เอา
“ฉันต้องแจ้งความไหม?”หลินซีเฉินถาม
จงจิ่งห้าวมองหลินซินเหยียนพลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง“แจ้งความ จะแจ้งข้อหาอะไร?”
หลินซีเฉินพูดไม่ออก
ตอนนี้ไม่มีหลักฐาน วิดีโอนั่นก็เผยแพร่ไม่ได้ มีแค่ส่วนเล็กๆแสดงความชัดเจนอะไรไม่ได้
“งั้นจะทำยังไง?”หลินซีเฉินถามอย่างร้อนใจ
จงจิ่งห้าวพิงโต๊ะทำงาน ใช้นิ้วถูขอบโต๊ะ พลางครุ่นคิดคำถามอยู่ครู่หนึ่ง“อยากแก้แค้นให้แม่เธอไหม?”
“อยาก”หลินซีเฉินพูดอย่างไม่ต้องคิด
“เธอกล้าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงไหม?”
หลินซีเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเข้าใจความหมายของจงจิ่งห้าวอย่างรวดเร็ว“คุณอยากให้ฉันตามน้ำเหอรุ่ยเจ๋อ รอจนเขาขู่พวกเราจริงๆ พวกเราก็จะสามารถหาหลักฐานที่เอาผิดเขาได้ อีกทั้งยังไม่ข้องเกี่ยวกับแม่ด้วย ”
แม้จะพูดว่าเหอรุ่ยเจ๋อไร้ยางอาย แต่ให้เรื่องแบบนี้เผยแพร่ออกไป ชื่อเสียงของหลินซินเหยียนก็จะเสียหายไปด้วย
สายตาที่จงจิ่งห้าวมองหลินซินเหยียนยิ่งลึกซึ้งเข้าไปอีก เจ้าเด็กคนนี้สมองเฉียบแหลมจริงๆ
เข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่ออย่างรวดเร็ว
“ผมกล้า”หลินซีเฉิน พูดอย่ากล้าหาญ“แต่ว่า…”
หลินซีเฉินสายตาล่อกแล่ก และเม้มปาก
ถ้าแม่รู้เข้าว่าจงจิ่งห้าวใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ คงโกรธแน่ๆ?
“แต่อะไร?”จงจิ่งห้าวถาม
“ไม่มีอะไร”หลินซีเฉินพูด
“เธอต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น และทำตัวสงบ อย่าทำให้เขาสงสัย โทรศัพท์เธอเปิดจีพีเอสไว้ ส่วนที่เหลือผมจัดการเอง”
“OK”
หลินซีเฉินรู้ว่าต้องทำยังไง
พอวางสายจงจิ่งห้าวก็กดโทรหาผู้สืบข่าวภายใน บอกให้กวนจิ้งเข้ามา
ไม่นานนักเขาก็เคาะประตูห้องทำงาน
จงจิ่งห้าวบอกให้เข้ามา เขาจึงผลักประตูเดินเข้ามาตรงหน้าจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวกระซิบพูดกับเขาไปสองสามประโยค พอฟังที่จงจิ่งห้าวพูดจบสายตาของกวนจิ้งก็หันไปมองหลินซินเหยียน ถ้าเธอรู้เรื่องนี้เข้าจะโกรธไหมนะ?
เพราะพาลูกของเธอไปเสี่ยง
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
“อย่าให้เกิดความผิดพลาดอะไรเด็ดขาด นายไปด้วยตัวเอง”
“ครับ”
หลินซินเหยียนหยิบนิตยสารการเงินขึ้นมาเปิดอ่าน เธอไม่ได้สนใจจะอ่าน แค่เบื่อๆอ่านฆ่าเวลาเฉยๆ
เหมือนจงจิ่งห้าวกับกวนจิ้งจะจัดการอะไรบางอย่าง เธอไม่อยากรบกวน
กวนจิ้งออกไป จงจิ่งห้าวก็ถามขึ้น“อยากไปดูไหมว่าพวกเขาคุยกันเสร็จรึยัง?”
เขาหมายถึงซูจ้านกับหยูโต้วโต้ว
“เอาสิ”หลินซินเหยียนยืนขึ้นพลางถอดสูทออก
ชุดของเธอบาง แถมในห้องทำงานก็เปิดแอร์อีก จึงเป่าจนแห้งหมดแล้ว
จงจิ่งห้าวจะโอบมือไปที่ไหล่ของเธอ แต่หลินซินเหยียนกลับหลบ“ถ้าคุณยังทำแบบนี้อีก ฉันจะโกรธแล้วนะ?”
หลินซินเหยียนชักสีหน้าแล้วจริงๆ
ความสัมพันธ์ในตอนนี้ไม่ชัดเจนและไม่เปิดเผย
ถ้าใครเห็นเข้าไม่รู้ว่าจะเดากันไปยังไง
จงจิ่งห้าวไม่บังคับ เขาไม่รีบ ยังมีเวลาอีกเยอะ
ซูจ้านกับหยูโต้วโต้วอยู่ในห้องรับแขก อยู่ไม่ห่างกับห้องทำงานจงจิ่งห้าวนัก แค่เดินผ่านบริเวณสำนักงานก็ถึงแล้ว
เมื่อเปิดประตูห้องรับแขก หลินซินเหยียนก็ตกตะลึงกับวิวมุมกว้างของห้องรับแขก ที่นี่ตกแตกไม่เหมือนห้องทำงานของจงจิ่งห้าว โต๊ะและเก้าอี้ทำงานสีเข้มทำให้ดุสุขุม ด้านขวาเจาะรู เป็นผนังกระจกทั้งแถบ รับแสงได้ดีมาก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูโอ่อ่ามาก แม้แต่แก้วที่ใช้ดื่มน้ำยังดูมีราคาสุดๆ
หลินซินเหยียนพอจะเข้าใจแล้วว่าห้องรับแขกไว้สำหรับรับรองแขก คุยธุระในนี้แสดงว่าเป็นบริษัท
เมื่อเห็นหลินซินเหยียน หยูโต้วโต้วรีบยืนขึ้นทันที เขาดูเก้ๆกังๆ
หลินซินเหยียนบอกเป็นนัยๆให้เขาว่าไม่ต้องตื่นเต้น
“คุยกันเป็นไงบ้าง?”จงจิ่งห้าวดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
ซูจ้านเท้าคางพลางจ้องหลินซินเหยียนโดยไม่สนใจเขา
มองตั้งแต่หัวจรดเท้า
และเท้าจรดหัว
เขาพูด“ที่แท้คุณชอบแบบนี้?เมื่อก่อนชอบแบบอวบๆไม่ใช่เหรอ?เปลี่ยนรสนิยมแล้ว?”
ซูจ้านรู้จักไป๋จวู่เวย รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับจงจิ่งห้าวเมื่อก่อน และยังรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นลูกผู้ร่ำรวยจากตระกูลเหอ รู้ว่าเธอเปลี่ยนชื่อ แต่เธอไม่ชอบการเปลี่ยนชื่อเรียก จึงเรียกใช้ชื่อเรียกเมื่อก่อนเรียกเธอ
“ต่างกันค่อนข้างเยอะ”เห็นได้ชัดว่าหลินซินเหยียนกับไป๋จวู่เวยเป็นคนละแบบกัน
จงจิ่งห้าวเงียบ มองเขาที่พูดอยู่คนเดียวด้วยสายตาเยือกเย็น
ซูจ้านรู้สึกไม่น่าสนใจ จึงเก็บท่าทางเล่นๆไว้แล้วพูดอย่างจริงจัง“เรื่องนี้ต้องให้คุณช่วย”
ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนปกติธรรมดาก็คงเป็นเรื่องง่าย แต่อีกฝ่ายมีคนอยู่หนุนหลัง เป็นคนที่มีหน้ามีตา
ดังนั้นจึงไม่ง่ายนัก อยากมีหลักฐานที่แน่ชัดก็ต้องใช้อุบายกันหน่อย
จงจิ่งห้าววางแผนรับมือไว้แล้ว
เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ เคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะเป็นจังหวะ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ซูจ้านรู้สิ่งที่เขาคิด ไม่พูดอะไรมาก หันเก้าอี้เล็กน้อยแล้วยืนขึ้น จากนั้นเดินยิ้มๆไปข้างๆหลินซินเหยียน แล้วแนะนำตัวเอง“ผมขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อซูจ้าน เป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายต้าเฉิง คุณจะเรียกผมว่าจ้านจ้าน เสี่ยวจ้าน ซูซู หรือว่าเสี่ยวซูก็ได้ทั้งหมด”
หลินซินเหยียน“……”
หยูโต้วโต้วอ้าปากเป็นรูปตัวo
“คุณ คุณเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายต้าเฉิง?”หยูโต้วโต้วคุยกับเขามาตั้งนาน ไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายต้าเฉิง แถมยังเป็นทนายซูผู้มีชื่อเสียงที่ไม่เคยแพ้คดีมาก่อน
เขาแค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยเจอ
“วันนี้ได้เจอตัวเป็นๆแล้ว”หยูโต้วโต้วพูดด้วยความตื่นเต้น
คิดในใจ ครั้งนี้สามารถแก้แค้นให้พี่ชายได้แล้ว
“คุณเห็นฉันเป็นลิงงั้นเหรอ?หรือว่า?คุณเคยเจอตัวปลอม?”ซูจ้านถากถางเขา
หยูโต้วโต้วรีบส่ายมือไปมาพลางอธิบาย“ผม ผมเลื่อมใสคุณต่างหาก”
ซูจ้านยืนตัวตรงพลางจัดคอปกเสื้อด้านหลัง คอปกไม่มีรอบยับ แล้วพูดอย่างสง่า“ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย”
หยูโต้วโต้วหัวเราะออกมา
หลินซินเหยียนก้าวถอยหลังอย่างเงียบๆ จะออกจากบทสนทนาไร้สาระของพวกเขาสองคน
ซูจ้านหันไปเห็น ก็ก้าวไปทางซ้ายดักทางเธอ“งั้นผมควรเรียกคุณว่าอะไร?ถ้าคุณไม่ได้หย่ากับจิ่งห้าว ผมคงเรียกคุณว่าพี่สะใภ้”
เขาใช้นิ้วถูคางพลางมองจงจิ่งห้าว แล้วพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“ที่จริงยังคงเรียกแบบนี้ ก็น่าจะได้…”
“เรียกฉันว่าหลินซินเหยียนก็พอ”หลินซินเหยียนพูดขัดเขา
ซูจ้านยกยิ้ม“ไม่ค่อยเหมาะมั้ง?”
“ไม่เหมาะยังไง”หลินซินเหยียนพูด
เธอไม่อยากถูกเรียกแบบสถานะแปลกๆ
“งั้นผมเรียกคุณว่าเหยียนเหยียน?”
แป๊ะ ปากกาดำบนโต๊ะตกลงแตกบนพื้นเสียงดังแป๊ะ
ปากกาด้ามนั้นเป็นของซูจ้าน เมื่อครู่ตอนคุยเรื่องคดีกับหยูโต้วโต้ว เขาใช้มันจด
ซูจ้าน“……”
จงจิ่งห้าวเดินมา เขาเดินอย่างสุขุม ขณะผ่านซูจ้านก็พูดอย่างเนิบๆ“ขอโทษที ไม่ทันระวังจนทำให้ปากกาคุณหล่น”
ซูจ้าน“……”
มันเป็นปากกาที่แฟนเก่าเขาให้มา ‘มีคุณค่า’มากๆ
จงจิ่งห้าวจับมือหลินซินเหยียน“เราควรไปกันได้แล้ว”
“ไปไหน?”หลินซินเหยียนทำตัวแปลกๆ
“ถึงแล้วคุณจะรู้เอง”
ซูจ้านยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไปครู่หนึ่ง
หลังจากได้สติ ก็ตะโกนไปไล่หลังจงจิ่งห้าว“คุณเป็นเด็กรึไง?ถึงได้ทำเรื่องเป็นเด็กๆแบบนี้?”
จงจิ่งห้าวไม่สนใจแม้แต่น้อย
เหยียนเหยียน?
เขาไม่เคยเรียกแบบนี้มาก่อน
ซูจ้านกระตุกมุมปาก
“จะไปหาหม่ามี๊เหรอคะ?”หลินลุ่ยซีอยู่ในอ้อมแขนจวงจื่อจิ่น แต่สายตาเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ
อยากรู้อยากเห็นทิวทัศน์ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้านนอก
เหอรุ่ยเจ๋อที่ขับรถอยู่ก็กันมาพูดปลอบเธอ“ใช่จ่ะ หม่ามี๊หนูจะมาค่ำๆหน่อย น้าโทรหาเธอแล้ว”
หลินซีเฉินเหลือมมองเหอรุ่ยเจ๋อ พูดในใจ หลอกเด็กอีกแล้ว
“จริงเหรอคะ?”หลินลุ่ยซีดีใจมากที่จะได้เจอหม่ามี๊