กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่117 ทะเลาะกันเอง
“พ่อ ผมไปด้วย”เหอรุ่ยสิงเดินไป
เหอเหวินหวยพยักหน้า“แกไปกับฉันก็ดีเหมือนกัน”
ในบรรดาลูกทั้ง3คน เขาชอบลูกคนโตมากที่สุด แม้ไม่มีพรสวรรค์ด้านธุรกิจแต่หนักแน่น ไม่เคยสร้างปัญหาให้ครอบครัว กิจการครอบครัวในตอนนี้เขาก็ดูแลอยู่
แล้วดูอีกสองคนนั่น แค่เห็นก็โมโหแล้ว
“ยังจัดการเรื่องนี้ไม่เสร็จพวกแกก็ห้ามออกไปไหน อยู่บ้านสำนึกผิดไปซะ!”เหอเหวินหวยพูดอย่างเย็นชา
“พ่อ…”
เหอรุ่ยหลินอยากอธิบาย แม้เธอมีความเห็นแก่ตัวแต่ก็หวังดีกับครอบครัว แต่ก็จริง ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นคงไม่ทำกับพวกเขาแบบนี้
เธออ้าปากจะพูดก็โดนเหอรุ่ยเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างๆดึงไว้“ไม่ต้องพูดแล้ว”
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้?”เหอรุ่ยหลินไม่ยอม“ความตั้งใจของฉันแค่อยากทำอะไรให้ครอบครัว เพียงแต่ไม่สำเร็จก็แค่นั้น แต่ก็ไม่ควรถึงกับไม่ให้อภัย ทำแบบนี้กับพวกเรามันไม่ยุติธรรม!”
เหอเหวินหวยจับหน้าอก โมโหสุดๆ
ตอนนี้ไม่เพียงไม่ยอมรับความผิด แม้แต่คำพูดของเขาก็ไม่ฟังแล้วใช่ไหม?
“พอเถอะ แกไม่ต้องพูดแล้ว ไม่เห็นเหรอว่าพ่อโกรธแล้ว?”เหอรุ่ยสิงตำหนิ
“พี่อย่าแสร้งทำเป็นคนดีต่อหน้าพ่อหน่อยเลย พี่กลัวฉันกับพี่รองแยกสมบัติตระกูล แย่งตำแหน่งในบริษัทของพี่ พี่ถึงได้ประจบพ่อขนาดนี้…”
“พอได้แล้ว!”เหอเหวินหวยตบโต๊ะ ดูเหมือนโมโหหนักเกินไปจึงไอออกมา เขาไอเร็วเกินไปหน้าจึงแดงไปหมด เหอรุ่ยสิงลูบหลังให้เขา
“เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก อยู่ข้างนอกพี่ใหญ่ประจบคนอื่น อยู่ในบ้านพี่ก็ประจบพ่อ”
กิจการในตระกูลมีเหอรุ่ยสิงเป็นคนจัดการ เธอกลับตระกูลเหอมาตั้งหลายปีแล้ว ทุกครั้งที่เธอพูดว่าจะไปทำงานที่บริษัท เหอรุ่ยสิงก็หาข้ออ้างสารพัดเพื่อไม่ให้เธอไป
จะไม่ใช่เพราะเขากลัวเธอจะไปแย่งสมบัติตระกูลได้ไง?
“พอได้แล้ว พวกแกกลับเข้าห้องกันไปซะ!”เซี่ยเจินหยูทนฟังไม่ไหว ล้วนเป็นลูกของตัวเองทั้งนั้น คนนั้นก็ลูกคนนี้ก็ลูก
“ให้เธอพูด!”เหอเหวินหวยอ้าปากสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่าจะหายใจไม่ออกแล้วเป็นลมไปได้ตลอดเวลา
“พ่อ บริษัทให้พี่คุมคนเดียวแบบนี้มันยุติธรรมเหรอ?”เหอรุ่ยหลินไม่พอใจนานแล้ว ที่พูดตอนนี้เพื่ออยากอาศัยโอกาสนี้พูดออกมาก็เท่านั้น
เหอรุ่ยสิงมองเธอ ไม่พูดอะไร
เหอเหวินหวยเงยหน้ามอง“แกพูดเรื่องความยุติธรรมกับฉัน?”
เขาไม่ได้เพ้อเจ้อ ที่ใช้งานลูกชายคนโตก็เพราะเขารู้จักเขาดีก็เท่านั้น
ตอนที่เขาไม่เห็นด้วย เหอรุ่ยเจ๋อก็ไปเรียนจิตวิทยาอะไรนั่น แล้วไปเป็นจิตแพทย์ ตอนนี้กลับมาแล้ว ไม่เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นยุคของการแข่งขัน ยิ่งยากเข้าไปอีก
ให้เขาเรียนรู้ตอนนี้ยังทันงั้นเหรอ?อีกอย่างการทำธุรกิจมันเรียนกันได้เหรอ?
มันต้องมีความสามารถ ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และสายตาที่แหลมคม
เหอรุ่ยเจ๋อไม่มีสักอย่าง
แล้วหันมาดูเหอรุ่ยหลิน เธอเป็นผู้หญิง ตอนนั้นที่ได้อยู่กับจงจิ่งห้าวไม่ใช่เพราะเธอมีความสามารถ แต่เป็นแค่เพราะตอนเด็กๆเขาสงสารหรือเวทนาเธอ จึงให้เธออยู่ข้างกายเป็นเลขา
ปกติแค่เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟชา จัดแผนการเดินทางในแต่ละวัน
และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือเธอเป็นผู้หญิง อนาคตก็ต้องแต่งงาน
ให้หุ้นเธอ เพื่อให้เธอเอาไปให้คนอื่นงั้นเหรอ?
แบบนั้นไม่ได้หรอก
แล้วมาพูดถึงเหอรุ่ยสิง เขาเรียนธุรกิจ พอเรียนจบก็เรียนรู้กับเขา ต่อมาก็เข้ารับช่วงต่อบริษัท
แม้เขาจะไม่โดดเด่น แต่เขาคลุกคลีในห้างสรรพสินค้ามาหลายปีแล้ว ไม่มีความสามารถทำให้ตระกูลยิ่งใหญ่ แต่มีประสบการณ์ที่สั่งสมมา สามารถประคองบริษัทได้
ดังนั้นลูกชายคนโตมีอำนาจที่แสดงให้เห็น เขาจึงทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
“เหวินหวย คุณใจเย็นๆ ยังเป็นเด็กทั้งนั้น ไม่รู้ประสา”เซี่ยเจินหยูเดินมาลูบหลังให้เขาพลางพูดปลอบ
“เหอะ”เหอเหวินหวยยิ้มเยาะ“อายุปาไป30กว่ากันแล้ว ยังเด็กอยู่อีก?”
เหอเหวินหวยมองภรรยา“ไม่ได้รับอนุญาตของฉัน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น”
“ค่ะ”เซี่ยเจินหยูตอบรับอย่างระแวดระวัง กลัวจะทำให้เขาโกรธอีก
เหอรุ่ยสิงพยุงเขายืน“พ่อครับ พวกเราไปกันก่อนเถอะ ผมกลัวเรื่องมันยิ่งบานปลายไปกันใหญ่”
ตอนนี้รูปการณ์เอนไปฝั่งเดียว แต่ยังไม่นานนัก คนยังรู้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ถ้าข่าวแบบนี้แพร่กระจายออกไปต่ออีก1-2วัน คงจัดการไม่ได้แล้วจริงๆ
เหอเหวินหวยก็รู้ถึงความรุนแรงของเรื่อง ยืนขึ้นตามแรงพยุงของลูกชาย“บอกให้คนขับรถเตรียมรถ”
“ผมขับเอง”เหอรุ่ยสิงพูด
“ก็ดีเหมือนกัน”
เหอรุ่ยสิงพยุงพ่อออกจากบ้าน
เหอรุ่ยหลินมองเซี่ยเจินหยู“แม่ แม่ดูสิพ่อลำเอียงขนาดไหน เชื่อใจแค่พี่ใหญ่ มีอะไรก็ให้เขาจัดการหมด”
ความคิดของสามี เธอจะไม่รู้ได้ยังไง?
ถ้าลูกคนรองมีความสามารถเขาก็คงให้ทำงานสำคัญ ส่วนเหอรุ่ยหลินเป็นผู้หญิง อีกทั้งตอนเด็กยังหายตัวไปอีก ไม่ค่อยสนิทกัน
เมื่อเทียบกับการทำงานหนักและความเอาใจใส่ของเหอรุ่ยสิง แน่นอนว่าต้องโอนเอียงไปทางเขา
“พวกแกก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ไม่สำนึกผิดแถมยังมาทะเลาะกันเอง พ่อแกจะพอใจได้ยังไงกัน?”เซี่ยเจินหยูมองลูกสาว“แกเป็นผู้หญิงต่อไปต้องแต่งงาน จะเข้าหรือไม่เข้าบริษัทก็ไม่เป็นไร”
“หนูเป็นผู้หญิง แล้วไม่ได้เป็นคนตระกูลเหอเหรอ?”เหอรุ่ยหลินคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้
นี่มันสมัยไหนแล้ว?
ยังแบ่งแยกชายหญิงอยู่อีก
“ตอนนั้นพวกแม่รังเกียจที่หนูเป็นผู้หญิง ทำไม่ตอนเกิดออกมาแล้วไม่บีบคอหนูให้ตายไปเลยล่ะ ไม่ชอบที่หนูเป็นผู้หญิงทำไมยังยอมรับหนู ไม่ยอมรับหนูตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง?!”เหอรุ่ยหลินร้องไห้ พูดจบก็วิ่งไปด้านบน
เซี่ยเจินหยูตัวเอนไปมาเกือบล้ม
เหอรุ่ยเจ๋อเดินมาพยุงเธอ“แม่ แม่อย่าโกรธไปเลย น้องไม่ได้ตั้งใจ”
เซี่ยเจินหยูโบกมือ“ถ้าฉันโกรธต่ออีกคงโกรธจนตาย พยุงแม่กลับห้อง”
“พ่อแกบอกว่าไม่ให้พวกแกออกไปด้านนอก งั้น2-3วันนี้ก็ไม่ต้องออกไปเถอะ เดี๋ยวเขาโกรธอีก”เธอกำชับลูกชาย
“ครับ”เหอรุ่ยเจ๋อเม้มปากแล้วพูดขึ้น“แม้ครั้งนี้จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พวกเราก็ทำเพื่อครอบครัวตั้งแต่แรกนะครับ เพียงแค่ไม่สำเร็จก็เท่านั้น ผมรู้ที่พ่อให้พี่ใหญ่ทำงานสำคัญนั้นมีเหตุผล ผมไม่เคยอิจฉา และไม่เคยคิดจะยึดอำนาจ”
ไม่ใช่เพราะเขาไม่มีความปรารถนาอะไร แต่ความปรารถนาของเขาไม่ใช่อำนาจ
ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ เขาจะทำทุกอย่าง
เช่นหลินซินเหยียน เขาตั้งใจโกหกเธอในคืนนั้นว่าเป็นคนประเทศAเพราะความเห็นแก่ตัว
ดั่งที่เหอรุ่ยหลิน ที่จริงแล้วเขาเห็นแก่ตัว
เพียงแต่เสแสร้งเก่ง
ตระกูลจง
จงฉีเฟิงฝึกเขียนพู่กันอยู่ในห้องหนังสือ ตั้งแต่ยกบริษัทให้ลูกชาย เขาก็ไม่เข้าไปยุ่งเลย การเขียนพู่กันคืองานอดิเรกของเขา
ทุกบ่ายเขาจะขลุกอยู่ในห้องหนังสือ3ชั่วโมง ยู่ซิ่วจะคอยฝนหมึกให้เขาข้างๆ
ถึงพวกเขาจะอายุมากแล้ว แต่ภาพที่วาดออกมานั้นดูสวยมาก
“คิดอะไรอยู่?”จงฉีเฟิงมองยู่ซิ่วที่กำลังมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
เธอได้สติกลับมา แล้วฝนหมึกต่อ“ไม่มีอะไร แค่คิดถึงลูก”
จงฉีเฟิงจับไหล่เธอ“เสียใจภายหลังแล้ว?”
ยู่ซิ่วกำลังจะพูดก็มีคนเคาะประตู แล้วเสียงลุงเฟิ๋งดังเขามา“มีคนตระกูลเหอมาหา”
“เรื่องตระกูลเหอจัดการไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”ยู่ซิ่วหยุดฝนหมึกไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา“เขามาทำไม?”
ยู่ซิ่วคิดว่าเป็นเพราะเรื่องถอนหมั้นครั้งก่อน
วันนี้พวกเขาไม่ได้ดูข่าว จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จงฉีเฟิงเขียนเส้นสุดท้ายเสร็จ ก็วางพู่กันบนที่วางพู่กันพลางพูด“ไป เราออกไปดูกัน”