กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่165 การลงทัณฑ์แยกร่าง
“ให้ฉันพาเธอไปสอบปากคำมั้ย?” อยากได้เบาะแสของหลินซินเหยียน เกรงว่าคงต้องเค้นถามเบาะแสออกมาจากปากของเธอ
จงจิ่งห้าวหลับตาลง รู้สึกเหนื่อยล้านิดหน่อย “ไม่ต้อง”
ผู้หญิงคนนี้เขาเก็บเอาไว้จะยังมีประโยชน์กว่า
เสิ่นเผยซวนรู้ว่าเขามีความคิดของเขาเอง เลยไม่ได้ถามเรื่องนี้มากไปกว่านี้ “นี่มันชัดเจนมากว่าเป็นแผนการร้ายครั้งใหญ่ ตอนแรกก็เสิ่นซิ่วฉิง เหอรุ่ยหลิน ต่อมาก็คุณหลินตัวปลอมที่เข้ามาอยู่ข้างกายนาย พวกเขาทำมากมายขนาดนี้ ก็เพื่อให้คุณหลินตัวปลอมได้มาอยู่กับนาย ถ้างั้นกับเหอรุ่ยหลินเธอจะได้ประโยชน์อะไร?”
จงจิ่งห้าวรีบลืมตาขึ้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้…ปะติดปะต่อรวมกันภายในหัวของเขา การตายของเสิ่นซิ่วฉิงไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหอรุ่ยหลิน แต่เป็นเพราะหลินหยู่หาน เธอถึงยินยอมที่จะตายด้วยตัวเอง เดิมทีก็ไม่มีอิสระอยู่แล้ว สู้ช่วยให้ลูกสาวสมหวังซะยังจะดีกว่า
ถ้าอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรกับเหอรุ่ยหลิน?
เธอไม่ใช่คนที่จะทำอะไรให้คนอื่นแบบฟรีๆ
เธอจะช่วยหลินหยู่หานไปทำไม ไม่กลัวตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายรึไง?
ความสัมพันธ์ของเธอกับคนตระกูลเหอก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ คนเดียวที่ความสัมพันธ์ไม่แย่ก็คือเหอรุ่ยเจ๋อ อีกอย่างเหอรุ่ยเจ๋อก็ได้เข้าไป…
“แย่ล่ะ” จงจิ่งห้าวรีบลุกขึ้นทันที
เสิ่นเผยซวนตามความคิดของเขาไม่ทัน เลยถามขึ้นมา “เป็นอะไร?”
“เหอรุ่ยเจ๋อเกรงว่าจะไม่อยู่ในนั้นอีกต่อไปแล้ว” เขาก้าวเท้าเดินออกประตูไป
เสิ่นเผยซวนรีบตามให้ทันฝีเท้าของเขา “จะเป็นไปได้ยังไง เขาไม่อยู่ข้างใน หรือว่าจะหนีออกไปได้…” พูดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ “หรือว่าตระกูลเหอจะย้อนแย้งในตัวเอง”
จงจิ่งห้าวมองเขาแวบหนึ่ง นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเหอ แต่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับเหอรุ่ยหลินแน่
ประตูบ้านเปิดออก กวนจิ้งกำลังอุ้มหลินซีเฉินยืนอยู่หน้าประตู กำลังเตรียมจะเคาะประตู
จงจิ่งห้าวหยุดฝีเท้า มองดูกวนจิ้งกำลังอุ้มหลินซีเฉิน ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวขึ้นลง
“หม่ามี๊ผมล่ะ?” หลินซีเฉินมองไปทางเขา
เดิมทีจงจิ่งห้าวอยากจะให้ตัวปลอมคนนั้นปลอมเป็นหลินซินเหยียนสักพัก เพื่อให้เด็กคนนี้สบายใจ แต่ว่าพอคิดว่าเขาจะเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าหม่ามี๊ เขาก็รับไม่ได้
นิ้วมือของเขาสั่นเล็กน้อย ค่อยๆยกขึ้นมา ลูบแก้มป่องๆของเขา “นายเป็นลูกผู้ชาย ก็ควรจะทำตัวให้สมเป็นลูกผู้ชาย”
สีหน้าของหลินซีเฉินแน่นตึง
ชัดเจนว่า จงจิ่งห้าวพูดแบบนี้ คาดว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแน่
“หม่ามี้ของนายหายตัวไป” เขาเอาหลินซีเฉินเข้ามาอุ้ม “เรามาตามหาเธอให้เจอกันดีมั้ย?”
หลินซีเฉินยืดคอตรง ไม่ได้ผลักไสที่จงจิ่งห้าวอุ้มเขา แต่ว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา ดวงตาแดงก่ำ พยายามลืมตาโตๆ ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา น้ำเสียงแหบพร่าสุดๆ “ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมจะไม่ร้องไห้ ผมจะต้องหาหม่ามี๊ให้เจอ”
จงจิ่งห้าวกดหัวของเด็กน้อยคนนี้เข้ามาในอ้อมอก บนใบหน้า ความอ่อนโยนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลินซีเฉินทำตัวว่าง่าย แนบหน้าอกของเขาอย่างนิ่งๆ ฟังเสียงจังหวะหัวใจเต้นของเขา ได้กลิ่นลมหายใจที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
มือเล็กๆจับคอเสื้อของเขาไว้แน่น พูดอย่างแน่วแน่ “เราจะต้องเอาหม่ามี๊กลับมาให้ได้”
จงจิ่งห้าวตอบอืมเบาๆ
เขามองกวนจิ้งพูดเสียงเข้ม “ผู้หญิงข้างในนั้น เฝ้าเอาไว้”
พูดจบเขาก็ก้าวเท้าออกไปข้างนอก
กวนจิ้งถึงกับงงไปเลย ผู้หญิงที่ไหน นี่มันเรื่องอะไรกัน
เสิ่นเผยซวนตอนเดินผ่านเขาไป อธิบายสั้นๆว่า “หลินซินเหยียนหายตัวไป ข้างในห้องนั่นเป็นตัวปลอม เก็บไว้เพราะมีประโยชน์ อย่าให้เธอรู้ชั่วคราวว่าเรารู้แล้วว่าเธอคือตัวปลอม”
กวนจิ้ง “…”
อะไรนะ?
หลินซินเหยียนหายตัวไป แถมมีตัวปลอมมาอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน?!!!
เสิ่นเผยซวนไม่มีเวลามาอธิบายอย่างละเอียด ตบบ่าของเขาป๊าบหนึ่งก็เดินตามจงจิ่งห้าวไป ออกจากโรงแรมไป
เสิ่นเผยซวนขับรถและโทรศัพท์หาลูกน้อง ให้เขาไปดูเหอรุ่ยเจ๋อสักหน่อยว่ายังอยู่หรือไม่
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทางนั้นก็ส่งข้อความมา เหอรุ่ยเจ๋อถูกสลับตัว ที่อยู่ในคุกนั้นไม่ใช่เขา ก็แค่หน้าตาคล้ายกันนิดหน่อยเท่านั้น
เสิ่นเผยซวนมองจงจิ่งห้าวที่นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจก “คนหายไปแล้ว”
“ตอนนี้จะเอายังไง?” เสิ่นเผยซวนตึงเครียด
“ฉันอยากเจอเหอรุ่ยหลิน”เสียงของเขาทุ้มต่ำและเคร่งขรึม ราวกับน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากทรวงอก
เสิ่นเผยซวนบอกเขาว่าเข้าใจ แล้วรีบขับรถไวขึ้น ไม่นานรถก็จอดลงที่สถานที่คุมขัง
จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซีเฉินลงมา เขาลูบผมลูกชายไปมา “นายไปเล่นกับคุณอาเสิ่นสักพักนะ ฉันไปทำธุระนิดหน่อย”
หลินซีเฉินไม่รู้ว่าเขาจะไปทำอะไร แต่รู้ว่าสถานที่ที่เขาไป ไม่ใช่ที่ที่เขาควรดู เลยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เสิ่นเผยซวนจับมือของหลินซีเฉิน “ไปกันเถอะ พานายไปดูห้องทำงานของฉันกัน”
หลินซีเฉินพยักหน้า เดินตามเขาไป
“ประธานจง”เสี่ยวหลิวเดินออกมา
เสี่ยวหลิวเป็นลูกน้องคนหนึ่งของเสิ่นเผยซวน เขาจัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย
จงจิ่งห้าวพยักหน้า เสี่ยวหลิวเดินนำทางอยู่ด้านหน้า
ยังคงเป็นตึกเดิมที่เขามาคืนนั้น ห้องสุดทางเดินที่เขาเคยผ่านเข้าไป
“ที่นี่เงียบสงบ ไม่มีคนเข้ามารบกวนแน่นอน ผมจะรอท่านอยู่ข้างนอกนะครับ”เสี่ยวหลิวกล่าว
จงจิ่งห้าวอืมหนึ่งคำ เดินไปห้องที่อยู่สุดท้ายของทางเดิน สิ้นสุดทางเดินเป็นกำแพงที่แข็งแกร่ง ด้านบนมีหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็กๆบานหนึ่ง ติดตั้งตาข่ายไฟฟ้าป้องกันการหลบหนี ประตูห้องติดกับผนัง
เขาผลักประตูเปิดออก ห้องทรงสี่เหลี่ยม หน้าต่างสักบานก็ไม่มี บนเพดานมีหลอดไฟแบบประหยัดสีขาวดวงหนึ่ง ด้านล่างมีเก้าอี้สอบสวนหนึ่งตัว เหอรุ่ยหลินถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้
ยังเป็นชุดเดิมกับที่จับเธอมาคืนนั้น ชุดนอนยับๆสวมอยู่บนร่างกาย เผยให้เห็นเนื้อหนังส่วนใหญ่
มุมปากและบนชุดยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ แผลบนหัวและมุมปากของเธอยังไม่ได้รับการทำความสะอาด ผ่านไปหนึ่งวัน บาดแผลแข็งตัวจนตกสะเก็ดเป็นชั้นบางๆ
เธอเงยหน้า มองจงจิ่งห้าวที่เดินเข้ามาแล้วยิ้ม “มาเยี่ยมฉันอีกแล้วหรอ?”
จงจิ่งห้าวปิดประตู ก้าวเท้าอย่างสุขุมและสงบ
เหอรุ่ยหลินยังคงเงยหน้า มองสบตาของเขาแล้วยิ้มอ่อนๆ “มองฉันแบบนั้นทำไม คิดถึงฉันใช่มั้ย?”
แต่ว่าพอคิดดูไม่น่าใช่ ตอนนี้เขาน่าจะเจอตัว‘หลินซินเหยียน’แล้วนี่นา ทำไมยังมาปรากฏตัวที่นี่อีก
“ตอนนี้นายควรจะกอดจูบลูบคลำกับหลินซินเหยียนไม่ใช่รึไง? ทำไมคิดอยากจะมาเยี่ยมฉันล่ะ?”
จงจิ่งห้าวสีหน้านิ่งเฉย ไม่แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย ซ่อนสีหน้าจนทำให้คาดเดาความคิดของเขาไม่ออกแม้แต่น้อย
เหอรุ่ยหลินรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ว่าตามแผนของพวกเขา ตอนนี้‘หลินซินเหยียน’ก็ไปอยู่ข้างกายเขาอย่างราบรื่นเรียบร้อยแล้ว
เหอรุ่ยเจ๋อก็พาหลินซินเหยียนที่เสียความทรงจำออกจากเมืองBไปแล้ว
และเธอ เสิ่นเผยซวนก็หาหลักฐานว่าเธอทำความผิดไม่พบ เธอก็เตรียมทนายไว้เรียบร้อยแล้ว
นี่เป็นบทสรุปที่ทุกคนมีความสุข
ถึงเธอจะเสียจงจิ่งห้าวไป แต่เธอช่วยให้พี่ชายสมหวังสำเร็จ
เดิมทีเธอก็ไม่ได้รับความรักจากจงจิ่งห้าวแต่แรกแล้ว
แผนการดำเนินมาถึงตรงนี้ สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่?
หลังจากหา‘หลินซินเหยียน’เจอแล้ว เขาก็ควรจะตัวติดอยู่กับหลินซินเหยียนไม่ใช่รึไง?
แล้วก็โยนตนเองให้เสิ่นเผยซวนจัดการ แต่เสิ่นเผยซวนไม่มีหลักฐานว่าเธอทำความผิด เธอก็รอดตัวไปอย่างราบรื่น
ทั้งหมดนี้ พอวินาทีที่จงจิ่งห้าวมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่ปกติ
“หลินซินเหยียนยั่วยวนไม่พอ ปรนนิบัตินายไม่ดี…”
ผวัะ!
เสียงของเธอหยุดลงทันที
จงจิ่งห้าวยังไม่ทันฟังคำพูดสกปรกๆของเธอจนจบ มือก็กำเข้าหากัน กะแรงให้พอดีกับหน้าของเธอแล้วตบเข้าไป เหอรุ่ยหลินไม่มีการป้องกันใดๆ ล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดัง แม้แต่เก้าอี้ก็ล้มลงไปด้วย เสียงดังปึง ฝุ่นละอองนับไม่ถ้วนฟุ้งกระจาย
เขาคุกเข่าข้างเดียวตรงหน้าเธอ “อย่ามาทำฉลาดต่อหน้าผม คุณคงไม่รู้ว่าผมมีหลักฐานเล่นงานคุณอยู่ในมือเท่าไหร่ รู้เรื่องที่คุณคิดเอาเองว่าผมไม่รู้มากแค่ไหน ถ้าไม่อยากตาย มาแลกเปลี่ยนกันดีๆ หลินซินเหยียนอยู่ที่ไหน?”
การฟังของเหอรุ่ยหลินได้รับบาดเจ็บ เสียงดังหึ่งๆวนอยู่ในหัว ใบหน้าข้างขวาเจ็บจนชาจนไม่รู้สึกอะไร เธอมองผ่านเส้นผมที่บังตาอยู่ เปิดปากที่เลือดไหลออกมาอีกรอบหนึ่ง “ฉันไม่รู้ว่านายพูดอะไร”
“งั้นหรอ?”ครั้งนี้จงจิ่งห้าวหมดความอดทนแล้ว เขายืนขึ้น ปลดกระดุมเสื้อสูทออก ปลดออกทุกเม็ด ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวอยู่
เหอรุ่ยหลินยังไม่ทันได้ตั้งสติจากหมัดเมื่อกี้ ไม่รู้ความคิดของจงจิ่งห้าว “นาย นายจะทำอะไร?”
จงจิ่งห้าวแสยะยิ้ม ยิ้มอย่างเยือกเย็นน่าสะพรึงกลัว “คุณไม่อยากพูดดีๆ งั้นเรามาเปลี่ยนวิธีกัน”
เหอรุ่ยหลินเบิกตาโต กำลังจะพูด ก็เห็นขาของเขายกสูงขึ้น กระแทกลงมาบนอกของเธอ ขณะกำลังมึนหัวอยู่ เธอถูกเตะกระเด็น ชนเข้ากับฝาผนังที่แข็งแกร่ง กระดูกสันหลังของเธอร้าว เจ็บ ราวกับการลงทัณฑ์แยกร่าง
เธอกองอยู่กับพื้นเป็นตะคริว
มองชายที่แผ่รังสีอำมหิตไปทั้งตัวอย่างหวาดกลัว “นาย นายรู้แล้วหรอ?”