กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่17 อุ้มท้องเด็กไม่มีพ่อ
จงจิ่งห้าวพยักหน้าเล็กน้อย เส้นกรามที่สมบูรณ์แบบกระชับขึ้นเล็กน้อยในขณะนี้ แล้วพูดออกมานิ่งๆ “พูดมา”
“เมื่อแปดปีก่อนหลินกั๋วอันหย่ากับจวงจื่อจิ่น แล้วก็ส่งพวกเธอสองคนแม่ลูกไปใช้ชีวิตที่ประเทศA แปดปีมานี้ไม่เคยได้กลับมาเลย จนมาถึงก่อนหน้านี้ไม่นาน ถึงได้ถูกหลินกั๋วอันรับกลับมา”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว นี่ก็คือเหตุผลที่เธอรู้ภาษาประเทศA ก็เพราะว่าเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นยังงั้นเหรอ?
“แค่นี้เหรอ? ” เห็นได้ชัดว่าแค่นี้ ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้
เสียงของกวนจิ้งดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดต่อ “หลังจากที่จวงจื่อจิ่นถูกส่งไปประเทศAนั้น ก็มีลูกชายคนหนึ่ง ต้องทุกข์ทรมานจากโรคออทิสติก ชีวิตค่อนข้างอัตคัดขัดสน แล้วอีกอย่างลูกชายคนนี้ ก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนที่พวกเขาจะกลับมา”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว สีหน้าดูลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ความเศร้าในดวงตาครั้งที่แล้วของเธอ ก็เพราะว่าน้องชายของเธอยังงั้นเหรอ?
แล้วเด็กในท้องของเธอ “ไม่มีแล้วเหรอ? ไม่มีผู้ชายอยู่ข้างกายเธอเลยเหรอ? ”
“ไม่มีนะครับ——มีแค่จิตแพทย์คนหนึ่งที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับเธอหน่อย” กวนจิ้งมองดูข้อมูลที่ได้รับจากคนที่ส่งไปสืบอย่างละเอียด “แล้วก็ไม่มีแล้วครับ ตอนเรียนก็ไม่เคยมีแฟน แล้วก็ไม่มีผู้ชายคนไหนใกล้ชิดกับเธอเลย”
ก็หมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่เด็กในท้องของเธอจะเป็นลูกของจิตแพทย์คนนั้น
ที่เธอถูกรับกลับมา ก็เพราะว่ามีสัญญาการแต่งงานกับเขา ให้เธอกลับมาแต่งงานยังงั้นเหรอ?
ที่เธอรักเงินขนาดนั้น เพราะว่าชีวิตในประเทศAค่อนข้างลำบาก ดังนั้น เธอถึงแปลงานให้เขาแล้วขอค่าจ้าง แล้วก็ทำงานในร้านอาหารเพราะต้องการเงิน
พอคิดได้แบบนี้แล้ว จงจิ่งห้าวก็เข้าใจถึงพฤติกรรมที่แปลกๆ ของหลินซินเหยียนได้แล้ว
และในขณะเดียวกันก็เข้าใจในสิ่งที่เหอรุ่ยเจ๋อพูด
อารมณ์ของเขาซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย หันกลับไปมองครั้งหนึ่ง ก้าวลงบันได แล้วก็ขึ้นรถออกจากโรงพยาบาลไป
ในโรงพยาบาล
หลินซินเหยียนยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกหิวแล้ว
“แม่ หนูอยากกินข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียน”จู่ๆ หลินซินเหยียนก็อยากกินของหวาน
จวงจื่อจิ่นคือคนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เข้าในจู้จี้จุกจิกเรื่องการกินของผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ว่าจะชอบรสชาติอาหารบางอย่าง
ดังคำโบราณกล่าวว่า ถ้าเกิดว่าตอนท้องผู้หญิงชอบกินเปรี้ยวจะเป็นลูกชาย ถ้าชอบกินเผ็ดจะเป็นลูกสาว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอท้องลูกชายหรือลูกสาว
“เดี๋ยวแม่กลับไปให้กิน” จวงจื่อจิ่นลุกขึ้น แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีคนดูแลเธอตอนอยู่ที่โรงพยาบาล
ราวกับว่าหลินซินเหยียนมองออกว่าแม่ของเธอกำลังกังวล แล้วยิ้ม “หนูไม่เป็นไร หมอบอกว่าให้พักผ่อนเยอะๆ ก็โอเคแล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่ากังวลว่าลูกในท้องจะเป็นภัย เธอจะไม่อยู่โรงพยาบาลเลย
จวงจื่อจิ่นพยักหน้า กำชับให้เธอพักผ่อนให้สบาย แล้วก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไป
เมื่อจวงจื่อจิ่นลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปในคอนโดนั้น จู่ๆ ก็ถูกผู้หญิงสองสามคนขวางทาง
ต่างเป็นคนที่อยู่ในคอนโดนี้ทั้งหมด
ถึงแม้ว่าจะพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ว่าก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร จวงจื่อจิ่นขมวดคิ้ว “พวกเธอทำอะไรน่ะ? ”
“ลูกสาวเธอท้องก่อนแต่งยังงั้นเหรอ? ลูกไม่มีพ่อสินะ? ” คนแรกที่พูดคือหญิงวัยกลางคนที่อวบอ้วน
เพื่อนข้างบ้านจวงจื่อจิ่น
“ปกติดูท่าทางพวกเธอ ก็ไม่คิดว่าลูกสาวเธอจะเป็นขยะแบบนี้ ครั้งที่แล้วเธอบอกว่า ลูกสาวเธอพึ่งจะอายุ18ไม่ใช่เหรอ? ” ผู้หญิงอวบอ้วนคนนั้นเอามือเท้าเอว ท่าทางก้าวร้าว
สีหน้าของจวงจื่อจิ่นเต็มไปด้วยความโกรธ เสียงเธอสั่น “พวก พวกเธอไปฟังใครพูดจาไร้สาระมากัน? ”
“หรือว่าพวกเราพูดผิดไป ลูกสาวเธอไม่ได้ท้องยังงั้นเหรอ? ”
จวงจื่อจิ่นมือสั่น ใช่ ลูกสาวของเธอท้อง
“หน้าไม่อายจริงๆ !”
“ใช่ อายุยังน้อยก็ไปคบผู้ชาย ท่าทางดูเหมือนสาวน้อยบริสุทธิ์ แต่ความจริงแรด!”
“ใช่ ใช่ ท่าทางใสซื่อบริสุทธิ์ มันเป็นแค่การเสแสร้งให้คนอื่นเห็นเท่านั้นแหละ เบื้องหลังก็สกปรกโสมม——”
“พวกเธอหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครให้พวกเธอพูด? ” จวงจื่อจิ่นโมโห ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนนั้นบิดเบี้ยวไปหมด
“กล้าทำ ก็อย่ากลัวคนอื่นเอาไปพูดสิ!”
จวงจื่อจิ่นกำหน้าอกที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็ชี้แจงข้อเท็จจริงแทนลูกสาวของตัวเอง “ลูกสาวฉันไม่ใช่คนแบบที่พวกเธอพูด!”
เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะแหลกสลาย ลูกสาวของเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
ทำไมต้องใส่ร้ายเธอขนาดนั้นด้วย?
“ไม่ใช่งั้นเหรอ? แล้วทำไมในท้องของเด็กอายุ18ปีถึงได้มีลูกที่ไม่มีพ่ออยู่ในนั้นล่ะ? ”
จวงจื่อจิ่นไม่รู้จะพูดอะไร ความจริงที่หลินซินเหยียนตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องจริง
เธอรู้ดี ว่าการที่ท้องก่อนแต่งนั้น ต้องถูกคนชี้หน้าต่อว่า แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเธอจะวิพากษ์วิจารณ์และเย้ยหยันได้รุนแรงขนาดนี้
“ถอยไป!” จวงจื่อจิ่นผลักพวกเธอออก แล้วก็เดินเข้าไปในคอนโดอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าในใจจะรำคาญกับคำพูดของพวกเธอ แต่ว่าพอคิดว่าลูกสาวยังอยู่ที่โรงพยาบาล ก็กดความไม่สบายใจของตัวเองเอาไว้ แล้วก็ทำกับข้าวไปให้ลูกสาว
เธอนึกว่าตัวเองปกปิดได้ดีมากแล้ว แต่ว่าตอนที่เอาข้าวไปให้ลูกสาวที่โรงพยาบาลนั้น เธอก็มองออกในทันที
“แม่ สีหน้าแม่——”
“แม่ไม่เป็นไร” จวงจื่อจิ่นไม่อยากให้ลูกสาวของเธอรับรู้สิ่งที่เธอได้ยินในวันนี้
หลินซินเหยียนจ้องใบหน้าที่จวงจื่อจิ่นพยายามซ่อนเอาไว้ เธอโกหกไม่ได้ ถ้าเกิดว่าโกหกเมื่อไหร่จะไม่กล้ามองตาคนอื่น
เห็นได้ชัดว่า เธอกำลังโกหกอยู่
หลินซินเหยียนไม่ได้เปิดโปง ก็รับข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนที่เธอเอามาให้ไป
ทั้งๆ ที่มันหวานขนาดนั้น แต่ว่าเธอไม่รู้สึกถึงมันเลย รู้สึกถึงความขมเท่านั้น
เธอก้มหน้าลง “แม่ พรุ่งนี้หนูก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว หนูจะกลับบ้านไปอยู่กับแม่สักสองสามวันนะ”
เธอนึกว่าที่จวงจื่อจิ่นหน้าซีด เพราะว่าคิดถึงน้องชาย
นี่คือความทุกข์ของแม่ของเธอ
จวงจื่อจิ่นตกใจ แล้วก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ไม่ได้”
ถ้าเกิดว่าให้เธอได้ยินคำพูดพวกนั้น เธอจะเจ็บปวดหัวใจแค่ไหนกัน?
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว“แม่——”
“ฟังแม่” จวงจื่อจิ่นแกล้งทำเป็นจริงจัง “ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจ หรือว่าอะไร แต่ว่าตอนนี้ลูกแต่งงานเข้าตระกูลจงไปแล้ว ลูกก็ควรจะอยู่ที่นั่น”
ปฏิกิริยาของจวงจื่อจิ่นนั้นผิดปกติเกินไป ถึงแม้ว่าหลินซินเหยียนไม่อยากจะคิดมากก็ไม่ได้แล้ว
เธอไม่ได้พูดอะไร ปากของเธอไม่รับรู้รสชาติแล้ว ก็แค่กลืนอาหารเข้าท้องไปเพื่อลูกในท้องเท่านั้น
ตอนกลางคืนก็พลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ
ต่อมาตอนที่ฟ้าใกล้จะสว่าง เธอก็ค่อยๆ หลับไป แต่ว่าผ่านไปแป๊บเดียวเท่านั้น ก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตอนเช้า เหอรุ่ยเจ๋อมาที่นี่ จวงจื่อจิ่นก็กลับไปทำอาหารให้หลินซินเหยียน
พอจวงจื่อจิ่นออกจากห้องผู้ป่วยไป หลินซินเหยียนก็ลุกขึ้นจากเตียง เหอรุ่ยเจ๋อก็เข้ามาพยุงเธอ
เธอเงยหน้าขึ้นมองเหอรุ่ยเจ๋อ “ฉันรู้สึกว่าแม่มีเรื่องปิดบังฉันอยู่”
“เรื่องอะไรเหรอ?”เหอรุ่ยเจ๋อถาม
“ฉันไม่รู้ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยอยากรู้ให้เคลียร์”เธอใช้เวลาครู่หนึ่ง “ฉันอยากให้นายช่วยอะไรหน่อย”
“ว่ามาเลย”
“ฉันอยากตามแม่ไป”
อยากรู้ว่าสรุปแล้วมันเป็นเพราะอะไรกันแน่แม่ถึงไม่อยากให้เธอกลับไปที่คอนโด
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จวงจื่อจิ่นพูดว่าอยากให้เธออยู่ที่บ้าน จะได้ดูแลเธอได้สะดวก
แต่ว่าปฏิกิริยาของเธอเมื่อวานนี้ มันรุนแรงมาก
เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ
ตอนนี้เธอมีแม่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวแล้ว เธอปล่อยให้แม่ของเธอต้องทนทุกข์กับสิ่งที่เธอไม่รู้ไม่ได้
พอเหอรุ่ยเจ๋อแน่ใจว่าเธอสามารถไปได้ ถึงได้ตกลง
ระหว่างทางนั้นเงียบสงบมาก จวงจื่อจิ่นมาถึงคอนโดก็ลงจากรถแล้วเข้าไปในห้อง
หลินซินเหยียนตามท้ายมา
พอออกมาจากลิฟต์ หลินซินเหยียนก็เห็นว่าห้องที่พวกเธออยู่ ประตู กำแพง ต่างเขียนว่าหนัาไม่อาย ท้องก่อนแต่ง คำหยาบคายทุกชนิด แถมยังถูกสาดสีอีกด้วย
จวงจื่อจิ่นยืนอยู่หน้าประตูและตัวสั่นด้วยความโกรธ ร่างกายของเธอเซและล้มลง
“แม่——”
เหอรุ่ยเจ๋อก้าวเข้าไป แล้วก็จับจวงจื่อจิ่นที่ล้มลงไปไว้ “ไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อน”
เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นด้วยสิ่งที่อยู่บนผนัง
หลินซินเหยียนสะอื้นแล้วพูดว่าโอเค
แม่ของเธอนั้นตั้งแต่ที่น้องชายเสียชีวิตไป บวกกับผลข้างเคียงของอุบัติเหตุทางรถยนต์ สุขภาพก็ไม่ค่อยดี
พอเห็นอะไรพวกนี้ก็ต้องโมโหอย่างแน่นอน
จู่ๆ ก็เป็นลมไป หลินซินเหยียนเป็นกังวลอย่างมาก
จวงจื่อจิ่นถูกส่งไปที่ห้องฉุกเฉิน
หลินซินเหยียนยืนอยู่หน้าประตู เหมือนกับสูญเสียจิตวิญญาณไป เหอรุ่ยเจ๋อเดินเข้ามากอดไหล่เธอเพื่อปลอบใจ “ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
จงจิ่งห้าวกลับมาที่บ้านก็พบว่าหลินซินเหยียนยังไม่ได้กลับมา พอคิดว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล ก็ขับรถไปทันที
อาจจะเป็นเพราะว่ารู้ว่าอดีตของหลินซินเหยียนค่อนข้างโชคร้าย หรือบางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นภรรยาของตัวเอง ก็เลยรู้สึกเห็นอกเห็นใจเธอเล็กน้อย
มาถึงโรงพยาบาลแต่ก็ไม่เจอเธอ แต่ว่าตอนที่เดินออกมาที่ทางเดินเตรียมตัวจะกลับนั้น ก็เห็นภาพที่เธอกำลังกอดอยู่กับเหอรุ่ยเจ๋อ
ในใจก็เริ่มมีไฟลุกโชน ……