กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่171 เชือดไก่ให้ลิงดู
“คุณเข้าไปดูก็จะรู้เองครับ” กวนจิ้งเหมือนมองไม่เห็นแววตาลุกลี้ลุกลนของเธอ ได้ลงจากรถไปคนเดียว
‘หลินซินเหยียน’กลับไม่ขยับ ใครจะอยู่ดีไม่ว่าดีไปสถานกักกัน?
“กวนจิ้ง แกอย่ามาเล่นลูกไม้กับฉันดีกว่า แกมีเจตนาอะไรกันแน่?”
“ผมจะกล้าทำอะไรคุณได้ครับ? คุณเป็น‘ยอดรักดวงใจ’ของประธานจงเชียวนะครับ ผมอยู่จนเบื่อหรือไงถึงได้หาเรื่องไม่น่ายินดีให้คุณ?” กวนจิ้งเดินมาที่ตรงหน้าเธอ มองใบหน้าที่กระวนกระวายแต่ยังแกล้งสงบของเธอแล้วหัวเราะเย็นชาทีนึง “คุณจะเจอหน้าประธานจงไม่ใช่เหรอครับ? ประธานจงอยู่ด้านในนี้เอง ทำไมไม่กล้าเข้าไปล่ะครับ หรือว่าได้ทำเรื่องผิดมโนธรรมอะไรมา?”
“แก แกสิทำเรื่องผิดมโนธรรม!” ‘หลินซินเหยียน’โต้กลับอย่างกินปูนร้อนท้องทันที
“ในเมื่อไม่มี งั้นก็เชิญเถอะครับ” เพื่อแสดงถึง‘ความเคารพ’ที่มีต่อเธอ กวนจิ้งยังได้ทำท่าเชิญด้วย
‘หลินซินเหยียน’จ้องมองเขาอยู่หลายวิ จากนั้นได้เชิดหน้า “ทางที่ดีแกอย่าหลอกฉันดีกว่า ไม่งั้นแกได้เจอดีแน่!” พูดจาอย่างโหดเสร็จก็ได้เดินเข้าไปด้านใน “อยู่ไหน?”
กวนจิ้งเดินไปนำทางที่ข้างหน้า
‘หลินซินเหยียน’มองซ้ายมองขวา เธอเคยมาที่นี่ เสิ่นซิ่วฉิงเคยเข้ามา เธอเคยมาเยี่ยมท่าน
ตอนนั้นที่เธอหอบเงินหนีไปยังเป็นเสิ่นซิ่วฉิงที่เป็นคนออกไอเดียให้เธอ ตอนนั้นท่านบอกว่า “หานหาน พ่อของลูกเป็นคนใจจืดใจดำ ตอนนั้นเขาสามารถทิ้งภรรยาคนแรกของเขาไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ก็สามารถทิ้งลูกกับแม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้แม่ติดคุกติดตาราง ถ้าลูกยังอยู่ที่บ้านต่อเกรงว่าจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับหลินซินเหยียนถูกส่งตัวไป แม่จะบอกรหัสตู้เซฟของพ่อให้ลูก ลูกเอาเงินเสร็จก็หนีไปเลยนะ”
เสิ่นซิ่วฉิงใช้ชีวิตกับหลินกั๋วอัน จึงได้ตั้งความสงสัยและคอยระมัดระวังตัวไว้
ตั้งแต่ตอนที่เขาส่งหลินซินเหยียนกับจวงจื่อจิ่นไปอย่างไม่ลังเล เธอก็รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนใจจืดใจดำ เห็นผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรก
ตอนนั้นที่แต่งงานกับจวงจื่อจิ่นเพราะหวังเครื่องแต่งงานของเธอ ต่อมาเธอถูกขูดรีดจนหมดตัวไม่มีค่าให้แก่การ
หลอกใช้แล้ว เลยทอดทิ้งโดยที่ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ของวันเก่าๆเลย
ส่วนเธอในตอนนั้นยังสาวอยู่ สามารถเข้าสังคมช่วยเขาหาลูกค้า ตอนนี้เธออายุเยอะแล้ว หลินหยู่หานก็ไม่ค่อยเอาไหน ส่วนหลินซินเหยียนก็ดันได้แต่งงานกับจงจิ่งห้าว คราวนี้หลินกั๋วอันคงจะกลับไปง้อลูกสาวคนนั้น แล้วจะไม่เอื้ออำนวยกับหลินหยู่หาน
เพราะฉะนั้น นี่ก็คือทางหนีทีไล่ที่เธอคิดเผื่อลูกสาว
ทันใดนั้น‘หลินซินเหยียน’ได้กำมือทั้งสองไว้แน่น พอนึกถึงเสิ่นซิ่วฉิงเธอก็ปวดใจเป็นเหมือนกัน เพราะยังไงซะนั่นก็เป็นแม่ของเธอ เป็นแม่ที่รักเธอ เอ็นดูเธอและคิดเผื่อเธอจากใจจริง
คิดถึงตรงนี้ เธอยิ่งแน่วแน่และมุ่งมั่นที่จะอยู่ข้างกายของจงจิ่งห้าว เธอมีวันนี้ล้วนเพราะการช่วยเหลือจากแม่ เธอถึงได้บรรลุผลสมความปรารถนา จะให้ท่านผิดหวังไม่ได้
ยิ่งล้มเหลวไม่ได้!
ขณะนี้ เธอได้เดินมาถึงอาคารสอบปากคำพร้อมกับกวนจิ้งแล้ว ไม่ใช่ห้องของคราวก่อน ห้องนี้จะใหญ่กว่าเยอะเลย ตรงกลางมีกระจกนิรภัยที่แข็งแรงทนทานกั้นอยู่ชั้นนึง แบ่งห้องออกมาเป็นสองส่วน ด้านในเอาไว้ใช้ไต่สวน ด้านนอกสามารถนั่งได้
เดินมาถึงหน้าห้อง กวนจิ้งได้ผลักประตู
‘หลินซินเหยียน’ไม่ได้เดินเข้ามาในทันที แต่ได้มองสำรวจด้านในแว๊บนึง พอแน่ใจแล้วว่าจงจิ่งห้าวอยู่ด้านใน เธอถึงก้าวเท้าเดินเข้าไป
ซูจ้านลากเก้าอี้มาให้เธอ หน้าตาเหมือนไม่รู้เลยว่าเธอไม่ใช่หลินซินเหยียน กระตือรือร้นและเคารพ สายตามองสำรวจเธอ “คุณหลิน?”
เขาได้รู้จักปากของเสิ่นเผยซวนว่าเธอคือตัวปลอม
ตอนนั้นเขายังช็อกไปครู่นึงเลย รู้สึกว่าศัลยกรรมของตอนนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว แต่ถ้าจะศัลยกรรมออกมาให้เหมือนกันเป๊ะๆ น่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ตอนนี้พอดูๆแล้ว แม่งโคตรเหมือนเลยหว่า
คาดว่าคงจะศัลยกรรมมาทั้งตัวเลย อย่างน้อยหุ่นก็ได้ศัลยกรรมตามหุ่นของหลินซินเหยียน ไม่งั้นไม่ผอมเพรียวขนาดนี้หรอก แล้วใบหน้านี้ด้วย หาข้อบกพร่องไม่เจอเลยสักนิด
“คุณดูอะไรคะ?” ‘หลินซินเหยียน’ขมวดคิ้ว “บนหน้าฉันได้ปลูกดอกไม้ไว้หรือไงคะ?”
ซูจ้านยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน “อืม สวยกว่าดอกไม้เสียอีกครับ”
‘หลินซินเหยียน’กระวนกระวายใจยังไงก็ไม่รู้ ทำไมรู้สึกคำพูดของเขาเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่เลย?
เธอเขยิบไปที่ข้างกายจงจิ่งห้าว “คุณเรียกฉันมาที่ที่วังเวงขนาดนี้ทำไมเหรอคะ?”
ไม่รอให้จงจิ่งห้าวได้เปิดปาก ซูจ้านก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “ก็เรียกคุณมาดูละครสนุกๆไงล่ะครับ”
ระหว่างพูดเขาได้ลากเก้าอี้มาวางที่ข้างกายเธอ จากนั้นได้นั่งลงมา
“ละครสนุกอะไรคะ?” ‘หลินซินเหยียน’หันไปมองเขา
ซูจ้านแกล้งทำเป็นลึกลับ “เดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ”
ทั้งกระบวนการจงจิ่งห้าวล้วนเงียบมาก แสงไฟเป็นวงส่องลงมาจากด้านบน ปกคลุมสีหน้าของเขาไว้ เบลอเหมือนกับว่าซ่อนอยู่ในหมอกบางๆ
ไม่นานประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง เสิ่นเผยซวนคอยเดินอยู่ข้างหน้า ด้านหลังมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ใส่ยูนิฟอร์มสีดำ
สองคนคอยติดตาม พวกเขาได้หามคนที่แม้แต่เดินก็เดินไม่ได้ไว้ บนหัวยังได้คลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ
‘หลินซินเหยียน’จ้องคนที่ถูกหามเข้ามาคนนั้น รูปร่างนี้ ทำไมถึงได้เหมือนเหอรุ่ยหลินขนาดนี้?
เธอรู้สึกตื่นเต้น
ไม่นานความคิดของเธอก็เป็นจริง เสิ่นเผยซวนดึงผ้าคลุมสีดำบนหัวของเหอรุ่ยหลินออก เผยใบหน้าของเธอออกมา
เธอได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้วเลยมองไม่เห็นว่าบาดเจ็บตรงไหน แต่สีหน้ากลับดูแย่สุดๆ
“คุณรู้จักเธอหรือเปล่าครับ?” ซูจ้านใกล้เข้ามา
‘หลินซินเหยียน’ส่ายหัวเสร็จก็ได้พยักหน้าอีกพร้อมพูดว่า “รู้จักค่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นคนลักพาตัวฉันไป”
“คุณคงจะยังไม่รู้สินะครับ ว่าจิ่งห้าวเกลียดอะไรที่สุด”
“เขาเกลียดอะไรคะ?” น้ำเสียงของ‘หลินซินเหยียน’เริ่มสั่นอย่างไม่รู้ตัว
ซูจ้านยิ้มอย่างร้ายๆ “เกลียดถูกคนหลอกที่สุดครับ”
‘หลินซินเหยียน’สั่นอีก “เหรอคะ?”
“ใช่ครับ คุณแค่ดูเหอรุ่ยหลินก็รู้แล้ว คราวก่อนเธอโกหกจิ่งห้าวว่าเธอเกิดอุบัติเหตุและเสียลูกไป ที่จริงเธอไม่ได้ท้องเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นยังเป็นเพราะตระกูลเหอออกหน้าขอความเมตตา ถึงรักษาชีวิตเธอเอาไว้ได้ ครั้งนี้ ถึงราชาแห่งสวรรค์เล่าจื๊อลงมาก็ช่วยเธอไม่ได้”
‘หลินซินเหยียน’จับแขนของจงจิ่งห้าวไว้ “จิ่งห้าว เรากลับกันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากดู ฉันกลัวค่ะ”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วอย่างไม่แยแส และเผยความดุร้ายที่ยากจะสังเกตเห็น “ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ได้ใจเสาะขนาดนี้ ทำไม คุณไม่อยากเห็นคนที่ทำร้ายคุณได้รับการลงโทษเหรอ?”
“ฉันไม่อยากดูค่ะ เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร” ‘หลินซินเหยียน’จับแขนของเขาไว้ เสื้อสูทที่ดูเนี้ยบได้เกิดรอยยับ
สายตาของจงจิ่งห้าวหล่นจ้องมือของเธอที่จับแขนของเขาไว้ หลุบตาเล็กน้อย หางตาที่เย็นชาจนปฏิเสธคนไปไกลออกไปเป็นหมื่นลี้มีแสงของความเยือกเย็น เฉียบคมราวกับมีด
เหมือน‘หลินซินเหยียน’จะสังเกตเห็นความอึมครึมที่ไม่มีชื่อนั้น เธอดึงมือกลับด้วยสัญชาตญาณ กุมไว้แน่น เหมือนกับว่าแบบนี้ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองให้ดี
อ๊า!
เวลานี้เสียงร้องโหยหวนที่แหลมและเศร้ารันทดได้ดังลั่นห้อง
‘หลินซินเหยียน’หันไปเห็นเสิ่นเผยซวนถอดเล็บของเหอรุ่ยหลินออกนิ้วนึง ทั้งสิบนิ้วไม่ว่านิ้วไหนได้รับบาดเจ็บก็เจ็บเข้าทรวงอกทั้งนั้น สามารถเห็นได้ว่าการที่ถอดเล็บออกอย่างแข็งกระด้างอย่างนั้นมันเจ็บมากแค่ไหน
เหอรุ่ยหลินถูกโยนไปบนพื้น ร่างกายชักกระตุกทีแล้วทีเล่า เลือดสีแดงสดไหลจากปลายนิ้วของเธอลงสู่พื้น หลั่งไหลลงมาอย่างคดเคี้ยว แดงแจ๊ดอย่างบอกไม่ถูก
เธอเงยหน้ามอง‘หลินซินเหยียน’ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธออย่างช้าๆ
‘หลินซินเหยียน’หันหน้าไปอีกทางทันที ไม่กล้าสบตากับดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดของเธอ ในใจกลับกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุข กลัวว่าเธอจะทนทัณฑ์ทรมานแบบนี้ไม่ไหวแล้วจะสารภาพว่าเธอไม่ใช่หลินซินเหยียน
เธอไม่อยากดู แต่เสิ่นเผยซวนดันไม่ให้เธอได้สมปรารถนา เขาเอาเล็บที่ถอดออกมาวางมาที่ตรงหน้าเธอ “คุณหลิน คุณดูสิครับว่าสวยหรือเปล่า?”
ในถาดสีขาวมีเล็บมือชิ้นนึง ในเล็บยังมีคราบเลือดติดอยู่
น่าสะอิดสะเอียนและสยองขวัญ
“เอาไป” ‘หลินซินเหยียน’หดคอ เธอกลัวจะแย่อยู่แล้ว
“ของที่น่าดูขนาดนี้ คุณหลินกลัวขนาดนี้ทำไมครับ?” ซูจ้านพูดคล้อยตาม แถมยังได้ยื่นมือหันหน้าเธอมา ให้เธอดูเล็บที่อยู่ในถาด
“ฉันไม่ดู ฉันไม่ดู” น่ากลัวเกิน เธอจะไปจากที่นี่
เห็นได้ชัดว่า‘หลินซินเหยียน’ถูกกระทบกระเทือนจิตใจ
ซูจ้านแกล้งเข้ามสใกล้หูเธอ “นี่เป็นแค่ออเดิร์ฟเท่านั้น ละครสนุกยังอยู่ข้างหลัง คุณต้องรู้นะว่าทำเรื่องชั่วก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน โดยเฉพาะพวกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอยากปลอมตัวเป็นคนอื่น จุดจบนี่แย่กว่าเธอเป็นพันเท่าหมื่นเท่าเลยนะ”
“ก็นั่นน่ะสิ อันนี้อันนี้แค่ขี้ปะติ๋วเอง มือคู่นี้ของผมยังสามารถถลกหนังคนออกมาโดยที่ไม่เป็นรูเลย”
เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำ‘หลินซินเหยียน’ตกใจจนเหงื่อไหลไคลย้อย ขาสองข้างสั่นไม่หยุด ร่างกายเกร็ง เสียงแหบแห้ง “พวกคุณ พวกคุณ……” นี่มันไม่ใช่คนชัดๆ
เธอไม่ได้พูดคำสุดท้ายนี้ออกมา
ซูจ้านแบะปาก คิดอยู่ในใจว่าแค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว?
ละครที่เชือดไก่ให้ลิงดู ยังไม่ได้แสดงเป็นทางการเลย
เป้าหมายของจงจิ่งห้าวคือจะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว หนึ่งคือให้‘หลินซินเหยียน’ดูจุดจบที่โกหกเขา สองคือให้เหอรุ่ยหลินดูให้ชัดๆว่า ตอนที่เธอรับทัณฑ์ทรมานอยู่ แต่หลินหยู่หานกลับนั่งอยู่ที่นี่ดีๆ กลับดูเธอทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย
การทรมานทางจิตใจ สามารถทำลายล้างความมุ่งมั่นของคนมากกว่าทรมานทางร่างกาย
แน่นอน เป้าหมายสุดท้ายของเขาคือรู้ที่อยู่ของหลินซินเหยียนจากปากพวกเธอ