กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่209 รับบทเป็นคนรักของเขา
คนคนนั้นก็คือเหวินเสียน
ตอนนั้นเธอก็เป็นคนที่เถรตรงอยู่เหมือนกัน เธอพูดว่า ” ถ้าเธอต้องการเงินขนาดนั้น ฉันให้เธอได้ แต่ว่าเธอต้องช่วยฉันเรื่องหนึ่ง ”
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกงุนงง แล้วก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว พวกหล่อนไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่เคยแม้กระทั่งรู้จักกันมาก่อน จู่ๆ ก็บอกว่าจะให้เงินหล่อน ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อเล่นอยู่ เอามาเพื่อใช้หยอกล้อหล่อน หล่อนจึงปฏิเสธไล่แขกไป ” ฉันไม่รู้จักคุณ เชิญคุณออกไป ”
เหวินเสียนไม่ได้โกรธ แต่ก็ให้ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างยื่นนามบัตรให้ ” ถ้าต้องการก็มาหาฉันนะ ”
พูดจบเธอก็หันตัวแล้วจากไป
เธอจากไปได้ไม่นาน บ้านของหล่อนก็มีคนแห่กันเข้ามา บีบบังคับให้ต้องพาเฉิงยู่เวินไป และออกคำสั่งว่า ถ้าภายในสามวันเฉิงยู่เวินยังไม่จ่ายเงิน ก็จะส่งเฉิงยู่เวินเข้าตารางไป
ตอนที่พ่อยังอยู่ เฉิงยู่ซิ่วไม่เคยเป็นห่วงเรื่องเงินเลย เพื่อนก็ไม่เยอะ นอกจะคนในครอบครัวแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดก็จะมีก็แต่ไป๋หงเฟย
แต่เวลานี้ คนที่หล่อนเชื่อมั่นที่สุดอย่างไป๋หงเฟยกลับไม่ได้อยู่กับเธอ
โลกของหล่อนพังทลายลงในคืนเดียว
หล่อนไม่มีที่ไหนให้สะสมระดมเงินได้มากมายขนาดนั้น ในคืนที่สามหล่อนจึงจำต้องโทรศัพท์หาเหวินเสียนที่เคยให้ช่องทางการติดต่อไว้
เฉิงยู่ซิ่วก็รีบตกปากรับคำที่จะช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น แต่หล่อนต้องการเงิน
ตอนนั้นเหวินเสียนก็โอนเงินจำนวนมหาศาลนั้นเข้าบัญชีของหล่อน เฉิงยู่เวินรอดจากการจำคุกได้อย่างหวุดหวิด แล้วเอาเงินค่าชดเชยเจ้าปัญหาให้กับผู้ซื้อไป
เมื่อเรื่องราวถูกแก้ไขแล้ว เหวินเสียนก็ทวงคืนคำขอ
เฉิงยู่ซิ่วถาม ” คุณต้องการให้ฉันทำอะไรหรือคะ ”
เหวินเสียนไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ก็หลับยืนรูปถ่ายของจงฉีเฟิงออกมา แล้วพูดว่า ” เธอดูสิว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ”
เฉิงยู่ซิ่วเมื่อเห็นรูปแล้ว ก็เหมือนผู้ชายในภาพสะกดเอาไว้ จ้องรูปอยู่นาน หน้าตาที่หล่อราวกับรูปปั้นแกะสลัก ในรูปเขาสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง เป็นภาพที่กำลังเดินลงมาจากรถดูจากมุมภาพแล้ว เหมือนจะถูกแอบถ่ายมายังไงยังงั้น
เหวินเสียนหัวเราะ ” เขาคือสามีของฉันเอง รูปนี้ฉันให้คนแอบถ่ายเอาไว้ ”
เฉิงยู่ซิ่วยิ่งไม่เข้าใจไปกว่าเดิม ” คุณให้ฉันดูรูปสามีของคุณทำไมคะ ”
เหวินเสียนมองหน้าเฉิงยู่ซิ่วอยู่นานสองนาน จึงเปิดปากพูด ” ฉันอยากให้เธอไปเป็นคนรักของเขา ”
เฉิงยู่ซิ่วช็อกราวกับโดนฟ้าผ่า หล่อนยืนอยู่กับที่ สติสตางค์หลุดออกไปแล้ว
หล่อนได้ยินผิดหรือเธอพูดผิดกันแน่ ที่กำลังหาคนรักให้สามีตัวเองอยู่
นี่คือเรื่องตลกที่สุดเท่าที่หล่อนเคยได้ยินมาในชีวิตนี้
แต่ถึงยังงั้น เหวินเสียนก็พูดออกมาเบาๆ ” เธอได้ยินไม่ผิดแล้วล่ะ ฉันอยากจะหาคนรักให้สามีตัวเอง ไปยังต้องให้กำเนิดลูกอีกคนหนึ่งด้วย ”
” เหวินเสียนตั้งครรภ์ไม่ได้หรือคะ ” หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว มีที่ไหนคนที่หาคนรักให้สามีตัวเอง
สมองท่าจะมีน้ำเข้าแฮะ
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจในการกระทำนี้อย่างสิ้นเชิง
” ตอนแรกฉันก็คิดว่าเธอมีลูกไม่ได้ เลยจะหาผู้หญิงให้สามีตัวเอง แล้วยังต้องให้กำเนิดลูกอีก แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น เธอแข็งแรงและมีลูกได้ ฉันจำได้ว่าตอนที่จิ่งห้าวอายุได้เจ็ดขวบ เธอก็ท้อง พอจิ่งห้าวอายุได้แปดขวบ เธอก็คลอดลูกของตัวเองออกมา ”
พระเจ้า ถ้ายังงั้นจงจิ่งห้าวก็น่าจะมีพี่ชายน้องสาวอะไรประมาณนั้นไม่ใช่เหรอ
” แล้วเด็กคนนั้นล่ะคะ ” หลินซินเหยียนถาม
” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากที่ได้ยินข่าวการจากไปของเธอ ฉันก็ไม่ได้เจอเธออีก ลูกของเธอก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ” เฉิงยู่ซิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา
และหลังจากที่เธอจากไปไม่นาน จงฉีเฟิงก็เปิดตัวแต่งงานกับเฉิงยู่ซิ่วอย่างเป็นทางการ
เพราะว่าเฉิงยู่ซิ่วเคยตกลงไปแล้ว เงินจำนวนนั้นหล่อนก็รับเอาไว้แล้ว ไม่สามารถคืนคำได้ จึงทำได้เพียงทำตามคำขอของเหวินเสียนที่จากไป
แต่เหตุผลหลักคือการหายไปของไป๋หงเฟย
ตระกูลเฉิงได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ที่เคยบอกรักหล่อน จะปกป้องหล่อน อยู่กับหล่อนไปจนหัวหงอกหัวเฒ่า เมื่อหล่อนพบเจอปัญหา เขาก็หายไปจากโลกของหล่อนโดยสิ้นเชิง
ใจของหล่อนเหมือนกำลังแลกสลาย จึงได้จากมาพร้อมกับเหวินเสียน
เมื่อมาถึงเมืองBแล้ว หล่อนก็ถูกผู้หญิงคนนั้นตระเตรียมให้มาอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ในนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แล้วยังจัดหาคนใช้ให้หล่อนอีกด้วย
เหวินเสียนก็มาพูดคุยกับหล่อนบ่อยๆ คอยถามไถ่ว่าหล่อนปรับตัวให้ชินได้หรือไม่
เธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเธอดีกับเฉิงยู่ซิ่วขนาดนี้
สิ่งที่เฉิงยู่ซิ่วไม่เคลียร์คือ ทำไมเธอถึงต้องตัวเองด้วยล่ะ
” ทำไมคุณถึงเลือกฉัน เงินเยอะขนาดนั้น ทั้งๆ ที่การงานสามีของคุณก็ประสบ… ”
” เพราะคุณคู่ควรยังไงล่ะ ” เธอพูดตัดบทเฉิงยู่ซิ่ว ” ฉันมองหาผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนหน้าตาสะสวย และมีน้ำอดน้ำทนเช่นเธอ ”
วันนั้นหลังจากที่เธอไปพบผู้หญิงมากมายมาแล้ว ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ในขณะที่กำลังเตรียมตัวกลับ ก็เห็นเฉิงยู่ซิ่วออกมาจากตระกูลไป๋ วันนั้นแดดร้อนมาก หนังหัวของเธอแทบจะถูกแดดแผดเผาจนกลายเป็นสีแดง เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาขนาดราวกับเมล็ดถั่วซึมออกมาบนใบหน้าแล้วไหลลงไปด้านล่าง
” นี่คือสาวของตระกูลเฉิง ลูกสาวของตระกูลเฉิงที่สามารถทำผ้าไหมกวางตุ้งได้ ” คนขับรถที่เห็นสายตาเหวินเสียนจ้องไปที่ตัวของเฉิงยู่ซิ่วจึงอธิบายขึ้นมา
” เป็นเพราะว่าวัสดุผ้าเกิดปัญหา เลยทำให้ผู้ซื้อเรียกร้องกันจะเอาเงินชดใช้ค่าเสียหายเจ้าตระกูลเฉิงงั้นสิ “เหวินเสียนถาม
คนขับรถพยักหน้า ” ใช่ครับ เธอได้นัดหมายการแต่งงานกับคุณชายตระกูลไป๋ แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องเราจะซับซ้อนไปกว่าเดิม ”
เหมือนตอนนี้แม้กระทั่งคนขับรถก็รู้ว่าเฉิงยู่ซิ่วไม่ได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลไป๋ มีอย่างที่ไหนที่คนฉลาดอย่างเหวินเสียน ที่มองครั้งเดียวก็รู้ เฉิงยู่ซิ่วว่าโดนตระกูลไป๋ดูถูกเข้าอย่างจัง
เพราะเธอเห็นความเงียบสงัดในดวงตาของเฉิงยู่ซิ่ว ความรู้สึกหลังตกตะกอนจากความผิดหวัง
อีกทั้งจนตรอกไม่มีที่ไป ร่างกายและท่าทีของหล่อนก็ยังคงสง่างามเช่นเดิม
นับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเลยคนหนึ่ง
เธอจึงใช้โอกาสในตอนที่เฉิงยู่ซิ่วกำลังอ่อนแอมากที่สุด และ ได้หยิบยื่นข้อเสนอที่ดูเป็นมิตรบางอย่างไปให้หล่อน
จู่ๆ การที่เหวินเสียนปรากฏตัวต่อหน้าเฉิงยู่ซิ่วนั้น
เฉิงยู่ซิ่วก็ดูไม่ออกเช่นกันว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เหมือนเธอยากที่จะเข้าใจ มีบางครั้งที่หล่อนก็รู้สึกมึนงงเหมือนกลับหลินซินเหยียน” ทำไมคุณต้องหาผู้หญิงมาคลอดลูกสามีของตัวเอง เป็นเพราะร่างกายของคุณไม่แข็งแรงเหรอ ก็เลยมีลูกไม่ได้ ”
เหวินเสียนไม่ได้บอกอะไรกับหล่อน แต่พูดออกมาว่า ” คืนนี้ ฉันจะให้คนมารับเธอ ”
พูดจบเธอก็เดินจากไป
ตอนนี้เฉิงยู่ซิ่วเริ่มอยู่ไม่สุข หล่อนรู้ว่าสิ่งที่เหวินเสียนสื่อหมายถึงอะไร
หล่อนรู้สึกเหมือนภูเขากำลังทลายตัวลงมา เธอล้มลงไปนั่งบนพื้นราวกับเป็นอัมพาต ทุกอย่างช่างว่างเปล่าไปหมด
ราวกับตุ๊กตากระบอกซึ่งไร้จิตวิญญาณ โดดเดี่ยวไร้ซึ่งการช่วยเหลือ
หล่อนถูกคนใช้พยุงขึ้นมา ” คุณหญิงกำชับว่า ต้องอาบน้ำแต่งตัวให้เธอ ”
ทุกขั้นตอนที่ทำต่อตัวหล่อน หล่อนไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วทั้งนั้น นอนไม่รู้ตัวเลยว่ามาถึงบ้านของตระกูลจงได้อย่างไร จนกระทั่งเหวินเสียนมาปรากฏตัวต่อหน้าหล่อนอีกครั้ง หล่อนถึงหลุดออกจากภวังค์ที่เป็นอยู่
เหวินเสียนยืนอยู่หน้าโซฟาของห้องรับแขก ” ชั้นสอง ห้องที่หนึ่งทางขวา ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วไม่ให้เปิดไฟ ”
เฉิงยู่ซิ่วรับรู้ได้ถึงความกระดากอาย แขนเสื้อที่ปิดบังมือของหล่อนที่กำลังสั่นเทาอยู่ เล็บที่จิกลงบนฝ่ามือของเธอตอนนี้กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
เหวินเสียนดูออกว่าเธอรู้สึกต่อต้านและอับอายขายหน้ามากแค่ไหน
” เธอรับปากฉันแล้ว ฉันหวังว่าเราทั้งคู่จะรักษาสัญญาต่อกัน อย่าทำให้ฉันผิดหวัง อย่าทำให้ฉันคิดว่าฉันเลือกคนผิด ” พูดจบเธอก็ทำตัวแล้วเดินจากไป
ห้องขนาดใหญ่ในตอนนี้เหลือเพียงเฉิงยู่ซิ่วแค่คนเดียว
สัมผัสได้ถึงอากาศที่ร้อนขนาดนี้ แต่หล่อนกลับรู้สึกหนาวเย็น
ในอกตอนนี้รู้สึกราวกับมีคนมาเจาะให้เป็นรูใหญ่ ยิ่งหายใจก็ยังรู้สึกเจ็บปวด
ค่าของหลอดทั้งสองข้างราวกับถูกราดด้วยตะกั่ว ทุกย่างก้าวมันช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน
พอมาถึงชั้นสอง หล่อนก็ผลักประตูห้องแรกทางขวามือเข้าไป ห้องนั้นมืดมาก หล่อนไม่ได้เปิดไฟ แต่พึ่งแสงไฟจากดวงจันทร์ที่สาดเข้ามาในห้องคลำทางไปยังเตียง เปลี่ยนให้ดูกว้างขวาง และนุ่มมาก และห้องก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลไปทั่ว
ราวกับว่ามีคู่รักนัดกันที่จะฉลองค่ำคืนอันแสนโรแมนติก จึงจงใจจัดเตรียมห้องนี้ไว้
แต่บางครั้งรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ทิ่มแทงความรู้สึกหล่อนถึงที่สุด คนรักของหล่อน ในเวลาที่เราต้องการคำปลอบใจและการช่วยเหลือ เขากลับหายไป
หล่อนนั่งในห้องของคนแปลกหน้า เพื่อรอ หล่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ภรรยาของเขาส่งมาให้บำเรอผู้ชายของตัวเอง
เจ็บปวดดีไหมล่ะ
คาดไม่ถึงเลยล่ะสิ
นอกคฤหาสน์นั้น เหวินเสียนไม่ได้ออกจากที่นี่ไปจริงๆ แต่กลับเฝ้ามองเฉิงยู่ซิ่วที่กำลังขึ้นไปชั้นบน เธอควักโทรศัพท์ออกมาโทรหาจงฉีเฟิง
” คุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ ”
จงฉีเฟิงที่เพิ่งเลิกจากการประชุม เมื่อสายภรรยาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาเดินมายังระเบียงทางเดิน มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะถามได้น้ำเสียงเรียบเฉย ” มีอะไร ”
เหวินเสียนตอบอืมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ” ฉันรอคุณที่ห้องนะคะ คุณก็รู้ว่าฉันขี้กลัวขนาดไหน ฉันกลัวว่าถ้าเจอคุณแล้วจะทำตัวไม่ถูก ถ้าเข้าห้องมาแล้ว อย่าเปิดไฟนะคะ ”
แค่ฟังก็รู้แล้ววันนี้คือคำเชื้อเชิญ