กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่233 ท้องก็ยากที่จะรักษาไว้ได้
เฉิงยู่เวินกลับมาก่อนตอนที่หลินซินเหยียนขึ้นเขา ในลานบ้านวางไม้จริงสองพันตาราง ด้านบนวางไม้แกะสลักรูปแบบต่างๆไว้
ตรงหน้าหลินซีเฉินเป็นประกาย ปล่อยมือของเฉิงยู่ซิ่ว เดินเข้าไป ยื่นมือไปหยิบนกพิราบไม้แกะสลักอันหนึ่ง ที่สำคัญก็คือ ขากับปีก แล้วก็ตานั้นขยับได้ บนตัวนกพิราบแค่มองก็รู้แล้วว่าแกะสลักอย่างประณีต ถึงได้เหมือนจริงเช่นนี้
“ว้าว เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นไม้แกะสลัก”น่าจะเพราะว่าเด็กผู้ชายรู้สึกต่อของเล่นโดยสัญชาตญาณ ส่วนหลินลุ่ยซีนิ่งกว่ากันเยอะมาก เธอนอกจากของอร่อย กับตุ๊กตาขนฟูๆแล้ว ก็ยากที่จะมีของเล่นดึงดูดเธอได้
ชีวิตนี้เฉิงยู่เวินไม่ได้แต่งงาน ตั้งแต่เฉิงยู่ซิ่วแต่งเข้าตระกูลจง เขาก็อยู่ที่นี่ ปกติก็จะแกะสลักฆ่าเวลา ไม้กะสลักบนสองพันตารางนี้ เป็นเขาคนเดียวที่แกะสลัก ตั้งแต่เรียน จนตอนนี้แกะได้ดีแล้ว เขาใช้เวลากับมันมาก ไม่ว่าจะลอยบนฟ้า หรือลอยในน้ำ วิ่งบนพื้น เขาก็สามารถแกะสลักให้เหมือนจริงได้ เหมือนกับว่าให้จิตวิญญาณพวกมัน พวกเขาก็สามารถมีชีวิตได้
หลินซีเฉินมองจนลานตาไปหมด รู้สึกว่าสัตว์ตัวเล็กๆทุกชนิด น่ารักมาก มีชีวิตชีวามาก ทุกตัวต้องเอามาไว้ในมือแล้วทำการศึกษา
เฉิงยู่เวินเห็นหลินซีเฉินดีใจ เขาก็หัวเราะออกมา
“นั่นสนุกอย่างไรเหรอ”หลินลุ่ยซีเบะปาก เหมือนว่าพวกนี้ต่างเตรียมไว้ให้พี่ชาย ส่วนเธอไม่มี
เด็กสาวทำปากมุ่ย ไม่ค่อยพอใจ
หลินซินเหยียนลูบหัวลูกสาว เงยหน้ามองเฉิงยู่ซิ่ว“เด็กคนนี้ ชอบเปรียบเทียบกับพี่ชายเธอค่ะ”
เฉิงยู่ซิ่วหัวเราะ คิดว่านี่คือธรรมชาติของเด็ก ไร้เดียงสาและร่าเริง ไม่มีอะไรให้กังวล
“โห เสี่ยวลุ่ยอิจฉาพี่ชายเหรอ?”เฉิงยู่เวินหยอกเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ริ้วรอยที่มุมปากชัดมากขึ้น แต่ว่าอ่อนโยนน่านับถือและเข้าใกล้
หลินลุ่ยซีทำปากชมพูๆมุ่ยลง“คุณเตรียมของเล่นตั้งเยอะให้พี่ชาย ส่วนหนูไม่มี”
“งั้นหนูชอบอะไรล่ะ?”เฉิงยู่เวินถาม
หลินลุ่ยซีเอียงหัวแล้วคิด“หนูชอบกินพุดดิ้ง เค้กถั่วแดง กินช็อกโกแลตรสแคนตาลูป……”
หลินลุ่ยซีพูดของกินเป็นแถว
หลินซินเหยียน“……”
“เด็กคนนี้นี่……”หลินซินเหยียนรู้ว่าลูกสาวเป็นเด็กชอบกิน แต่ไม่เคยคิดว่า ถามเธอว่าชอบของเล่นอะไร จะตอบว่าของกิน
“ของกินที่หนูพูดมานี้ ที่นี่ไม่มีหรอก แต่ว่า ……”เขาเดินไปที่ใต้ต้นอู่ถงต้นนั้นที่โตในบ้าน อากาศแบบนี้ ใบไม้สีเหลืองอ่อน เขียวชอุ่ม
เชือกสองเส้นที่หนาเหมือนแส้ จากกิ่งลงมา ไม่รู้ว่ามีอะไรห้อยอยู่ด้านล่าง ใช้ผ้าสีแดงคลุมไว้
“ผมก็เตรียมของเล่นให้เสี่ยวลุ่ยแล้ว ก็ไม่รู้ว่า เสี่ยวลุ่ยจะชอบหรือไม่”
เด็กสาวดีใจมาก รีบเดินเข้าไป“อะไรอ่ะ อะไรอ่ะ หนูอยากดู”
“หนูลองเปิดดูเองสิ”ในใจเฉิงยู่เวินมีความกังวลหน่อยๆ กลัวเด็กคนนี้จะไม่ชอบ‘ของขวัญ’ที่เขาเตรียมไว้อย่างดี
หลินลุ่ยซีจับผ้าไหมแดงไว้ ดึงลงมา ผ้าสีแดงร่วงลงพื้น ด้านล่างห้อยห่านสีขาวตัวใหญ่ไว้ ปีกทั้งสองข้างใช้เชือกผูกไว้ ตัวมันถูกขุดออกมาเป็นร่อง ส่วนด้านหลังออกแบบที่นั่งที่มีที่พิงหลัง
“หนูจะนั่ง”เด็กสาวจับไว้“ชิงช้าห่านสีขาวตัวใหญ่ หนูยังไม่เคยนั่ง”
เฉิงยู่เวินอุ้มเธอขึ้นมา นั่งบนเก้าอี้ที่ใช้วัสดุพิเศษทำขึ้นมา ห่านสีขาวตัวใหญ่นั้นเขาใช้รากไม้ขนาดใหญ่แกะสลัก แล้วทาสีขาว ทำมันออกมา
ถึงจะไม่ใช่ของหายากอะไร แต่ว่า เป็นสิ่งที่ทำออกมาจากใจของเขา
“ห่านสีขาวตัวใหญ่บินได้แล้ว”ชิงช้าแกว่งเบาๆ เหมือนกับห่านขาวบินขึ้นไป
หลินลุ่ยซีตะโกนอย่างมีความสุข เธอกอดคอของห่านขาวไว้ นั่งอยู่บนตัวมัน ลอยขึ้นไปบนฟ้า
หลินซินเหยียนกับเฉิงยู่ซิ่วนั่งบนเก้าอี้หวายที่ลานสวน บนโต๊ะวางกาน้ำไว้ ล้วนแต่เป็นที่เฉิงยู่เวินเตรียมไว้
เฉิงยู่ซิ่วเห็นเด็กทั้งสองคนมีความสุข เธอก็ดีใจมาก ที่นี่ไม่เสียงดังคึกคักเหมือนในเมือง ดูธรรมดาแต่สวยงาม ชีวิตที่เงียบสงบ จะไม่เป็นชีวิตที่ทำให้ผู้คนปรารถนาได้อย่างไร
เธอมองไปที่หลินซินเหยียน“คุณดูพวกเขาสิดีใจแค่ไหน ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ไม่มีการทำจากเทคโนโลยีสูง ธรรมดาๆแบบนี้ แต่กลับเล่นอย่างสนุก”
หลินซินเหยียนมองเด็กทั้งสองคน ถอนหายใจพูดว่า“ใช่”
เห็นลูกทั้งสองคนมีความสุข มุมปากของเธอก็ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“ตระกูลจงมาถึงจิ่งห้าวเป็นรุ่นที่สามแล้ว ตระกูลและธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ทายาทกลับน้อย คุณดูสิ ถึงจะบอกว่าเป็นตระกูลใหญ่ แต่ในบ้านกลับไม่มีใคร ฉันรู้ว่า คุณคลอดพวกเขาลำบากมากแน่ แต่ถ้าได้ล่ะก็ ฉันอยากได้อีกคน ฉันสามารถช่วยคุณ ……”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็กลืนกลับไป จงจิ่งห้าวจะต้องไม่อนุญาตให้เธอตั้งท้องแน่
ทำให้อดไม่ได้ที่เธอจะมีสีหน้าหม่นลงมา
หลินซินเหยียนเข้าใจความหมายของเธอ และก็เข้าใจที่เธอลังเล ความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ในนี้ มีเพียงแค่คนที่ประสบเจอเท่านั้นถึงจะเข้าใจ
ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าตัวเองคลอดไม่ได้แล้ว เพราะจงใจหลอกจงจิ่งห้าว แต่ว่า อุบัติเหตุทางรถยนต์ พวกกับที่เธอคลอดพวกเขาสองคน ก็ทำร้ายร่างกายจริงๆ หมอบอกว่า ทางที่ดีอย่าคลอดอีก ถึงตั้งท้องก็ยากที่จะรักษาไว้ได้ ร่างกายของเธออ่อนแอมาก
ถึงแม้ตอนนี้ความสัมพันธ์เธอกับจงจิ่งห้าวจะบรรเทาลง แต่เธอไม่เคยคิดจะมีลูกอีก แต่ ก็ไม่อยากปฏิเสธเฉิงยู่ซิ่ว“ฉันจะไปลองคิดดูค่ะ”
เฉิงยู่ซิ่วนั่งใช้ชีวิตของตัวเองในลานบ้าน มองหลานชายหลานสาว ลูกสะใภ้ก็เป็นคนจิตใจดี เธอคิดว่าเธอโชคดี ก็มีความสุขแล้ว
“ฉันมีเรื่องที่อยากจะขอร้องคุณ”เฉิงยู่ซิ่วมองหลินซินเหยียนอย่างจริงจัง
“คุณว่ามาสิคะ”
เฉิงยู่ซิ่วจับมือของเธอ กุมไว้ในฝ่ามือ“ฉันอยากให้คุณดูแลเขาแทนฉัน ถ้าเขาทำผิด ก็ให้อภัยเขาสักครั้ง อย่าไปจากเขา”
หลินซินเหยียนปฏิเสธคนเป็นแม่ไม่ได้ เธอเองก็เป็นแม่คน เธอรู้ว่าลูกในหัวใจแม่นั้นสำคัญแค่ไหน
เธอไม่กล้าพูดรับรองมากเกินไป และก็ไม่อยากให้เฉิงยู่ซิ่วผิดหวัง“แค่เขาไม่ขอเลิกก่อน ฉันก็จะไม่ไปจากเขา”
เพื่อลูกทั้งสองคน เธอไม่ไปจากเขาง่ายๆ
พ่อแม่ทุกคนรักลูกโดยไม่มีเงื่อนไข
ตอนดึก เฉิงยู่เวินเตรียมอาหารมากมายหลากหลาย ล้วนแต่เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ และบางอย่างเธอก็ให้คนทำให้ตามของชอบของเด็กทั้งสอง
“กินข้าวเสร็จ ก็กลับไปเถอะ”ถึงเฉิงยู่ซิ่วจะไม่อยากจาก แต่ก็ไม่กล้าให้พวกเขาอยู่นานเกินไป เธอกลัวจงจิ่งห้าวจะสงสัย
ที่จริงหลินซินเหยียนอยากให้ลูกทั้งสองคนรู้จักกับเฉิงยู่ซิ่วเยอะๆ เธอพลาดช่วงที่จงจิ่งห้าวเติบโตไปแล้ว เธออยากให้ลูกทั้งสองคนสนิทกับเธอ ชดเชยสิ่งที่ขาด แต่ว่าคำพูดของเธอก็มีเหตุผล จงจิ่งห้าวไม่ใช่คนโง่ ถ้าเขารู้ จะมีปัญหาได้
“รอครั้งหน้ามีโอกาส ฉันค่อยพาพวกเขาไปหาคุณ”หลินซินเหยียนพูด
เฉิงยู่ซิ่วคีบอาหารให้เด็กทั้งสอง“ครั้งหน้าเจอกันกลัวว่าคงไม่ใช่ที่นี่แล้ว”เธอมองไปที่หลินซินเหยียน“ฉันจะกลับไปพรุ่งนี้ พวกคุณล่ะ?”
“ฉันน่าจะอยู่ต่ออีกสองสามวัน”เดิมทีเธอสนใจผ้าไหมกวางตุ้งรู้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวของตระกูลเฉิง ก็ยิ่งอยากเรียนให้ดีมากขึ้น
ตอนนี้เฉิงยู่เวินยังไม่เอาแกนหลักให้เธอ ดังนั้นก็กลัวว่าจะยังไปไม่ได้
พวกเขาคนเยอะ เดินก็ช้า
ไม่กี่วันนี้ คงยังไปไม่ได้
กินข้าวเย็นเสร็จ ฟ้าก็มืดลงแล้ว คนขับรถส่งพวกหลินซินเหยียนกลับไป
เฉิงยู่ซิ่วกำชับคนขับรถ“ขับรถช้าๆหน่อย”
“คุณนายวางใจได้ครับ”
คนขับรถเป็นคนเก่าแก่ของตระกูลจง เทคนิคใช้ได้
หลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซีเบียดกันที่หน้าต่าง โบกมือให้เฉิงยู่ซิ่ว“ไว้เจอกันคุณย่า”
เฉิงยู่ซิ่วก็โบกมือ“ไว้เจอกัน”
รถค่อยๆออกไป เฉิงยู่ซิ่วตามเข้ามา เฉิงยู่เวินดึงเธอไว้“ไม่ใช่ว่าไม่ได้เจออีก คุณยังจะตามความเร็วของรถได้เหรอ?”
เฉิงยู่ซิ่วมองรถที่ออกไปไกลแล้ว ถอนหายใจ ไม่ตามไปอีก แต่ก็ยังมองอย่างไม่ลดละ
หลินซินเหยียนนั่งอยู่ในรถก็โอบลูกทั้งสองคนไว้“เสี่ยวเฉิน เสี่ยวลุ่ย หม่ามี๊ยังมีอีกเรื่องต้องขอร้องลูกๆ”
“เรื่องอะไรเหรอ?”ลูกทั้งสองคนแทบจะพูดพร้อมกัน
หลินซินเหยียนลูบหน้าของลูกสองคนนี้เบาๆ“วันนี้เรื่องที่พวกเรามาเจอคุณย่า พวกลูกอย่าบอกพ่อนะ”
“ทำไมล่ะคะ?”ครั้งนี้เป็นหลินลุ่ยซีที่ถาม
“น้องฟังที่หม่ามี๊พูดก็พอแล้ว”หลินซีเฉินกอดน้องสาว“พวกเราต้องฟังหม่ามี๊ ไม่อย่างนั้นหม่ามี๊จะโกรธได้”
หลินลุ่ยซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เด็กปลอบเด็กกันเองได้ดี
ผ่านไปสักพักรถก็จอดลงที่ถนนสายนั้นของหลังบ้าน
ในความมืดซ่อนร่างหนึ่งไว้ มองรถที่ขับเข้ามา หลินซินเหยียนเปิดประตูรถลงมา คนขับรถก็ตามลงมา“ถนนตรงนี้ไม่ดี ผมส่งคุณเข้าไปดีกว่า”
หลินซินเหยียนปฏิเสธ“ไม่ต้อง คุณกลับไปเถอะ ถนนตรงนี้ใกล้มาก
เธอกลัวดึงดูดความสนใจของคนอื่น
“งั้นโอเคครับ คุณระวังด้วยนะครับ”
“อือ”
หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาวแล้วจูงมือลูกชาย ตามทางเล็กๆนั้นไปที่หลังบ้าน
เธอส่งลูกทั้งสองคนไปตรงลานหน้าบ้าน ส่วนหลังบ้านนั้นไม่มีที่พัก
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนและไป๋ยิ่นหนิงยังเล่นไพ่อยู่ที่ลานบ้าน น่าจะฆ่าเวลากับค่ำคืนในชนบทที่แสนน่าเบื่อ ยังไงก็เป็นคนในเมืองที่มาทั้งนั้น หมู่บ้านที่นี่ไม่มีสถานที่เที่ยวยามค่ำคืน เลยรู้สึกเบื่อกัน
เธอไม่เห็นจงจิ่งห้าว
“เสี่ยวเฉิน เสี่ยวลุ่ยกลับมาแล้วเหรอ?”ที่จริงฉินยากำลังดูพวกเขาเล่นไพ่ เห็นเด็กสองคนกลับมา เธอก็เดินเข้ามา
“พี่สะใภ้กลับมาแล้ว”เสิ่นเผยซวนวางไพ่ในมือลง
หลินซินเหยียนหัวเราะ“อือ พวกคุณเล่นไพ่กันเถอะ ไม่ต้องสนฉันหรอก”
“โอเค”เสิ่นเผยซวนเก็บไพ่ขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวยา คุณช่วยฉันพาพวกเขาสองคนไปให้จงจิ่งห้าวหน่อย”หลินซินเหยียนอยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ แค่สองวันสั้นๆ เหมือนกับเกิดเรื่องมากมาย เธออยากจะจัดการความคิดของตัวเองสักหน่อย
ลานหน้าบ้านก็ปลอดภัยกว่าหลังบ้าน หน้าบ้านมีบอดี้การ์ด และเสิ่นเผยซวนก็เป็นคนที่เชื่อถือได้ คิดๆดูแล้วจงจิ่งห้าวน่าจะอยู่ในห้อง ส่งต่อให้ฉินยาเธอก็วางใจ
“อือ ฉันจะพาพวกเขาไปหาประธานจง”
หลินซินเหยียนยิ้มให้เธอ หมุนตัวปิดประตูหลังบ้าน แล้วเธอก็เดินไปที่หน้าประตูห้อง ผลักประตูออก ในห้องไม่มีไฟ เธอก็ขี้เกียจเปิด ในความมืดนั้น ก็ยิ่งสงบเสงี่ยมความคิดลงได้
ตอนเธอปิดประตู จู่ๆก็ถูกคนกอดไว้จากด้านหลัง แป๊บหนึ่ง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนสีไป“ใคร……อื้อ……”
เธอยังไม่ทันพูดเสร็จ ก็ถูกคนอุดปากไว้
ร่างกายของเธอถูกล็อกไว้แน่น ขยับไม่ได้
เธอกลัวขั้นสุด อยากจะตะโกนให้ช่วยชีวิต เสียงที่ออกมา กลับอุดอู้อยู่ในฝ่ามือของคนนั้น