กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่240 ผมเสียใจแล้ว
หลินซินเหยียนรู้สึกถึงความเจ็บ แต่ไม่ส่งเสียง ปล่อยให้เขาระบายออกมา
ยังไง เธอก็ปิดบังเรื่องเขา
สายตาเขาลึกซึ้ง พูดด้วยเสียงโทนต่ำและเร่าร้อน“ผมมีคุณเป็นผู้หญิงคนเดียว……”
ในความรู้สึก ร่างกาย เขามีแค่เธอผู้หญิงคนนี้คนเดียว
หลินซินเหยียนไม่แน่ใจว่าลมหายใจของเขาเร่าร้อนไป หรือว่าคำพูดนี้ที่ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัว เธอตื่นตระหนกไปทั้งตัว แต่แสร้งทำเป็นนิ่งๆ“งั้นเหอรุ่ยหลินล่ะ?”
เธอตั้งใจขุดคุ้ยเรื่องเก่าในอดีต
ถ้าไม่หาเรื่องสักหน่อย ก็กลัวว่าเขาจะยุ่งแค่ว่าเธอปิดบังอะไรเขา เรื่องนี้
ครั้งนี้จงจิ่งห้าวจะถูกเธอหลอกได้อย่างไร เขาจับคางของเธอ เอาเธอมาไว้ในอ้อมแขน“ชาติที่แล้ว ผมต้องเป็นคนเลวที่ร้ายกาจสุดๆแน่ ชาตินี้ พระเจ้าเลยส่งคุณมาอยู่เคียงข้างผม ลงโทษผม”
รู้อยู่แล้วว่า แบบนี้คือเธอจงใจ แต่เขากลับเปิดเผยไม่ได้
ช่างเถอะ
ยังไงซะเขาก็กลับไปสืบเอง
เขากลับอยากดูว่าข้างในซ่อนอะไรไว้กันแน่
ที่สามารถทำให้เธอเปลี่ยนทัศนคติ ทำให้เธอพยายามจัดการกับเขาอย่างที่สุด
หลินซินเหยียนคว้าคอเสื้อของเขา ความปั่นป่วนในใจ แป๊บเดียวก็ใจเย็นกลับมา เพราะว่าเธออยากเข้าใจเรื่องบางอย่าง คิดดีแล้ว จึงตัดสินใจ “ฉันไม่เคยมีความรัก ไม่รู้ว่าต้องรักคนอย่างไร ถ้าฉันมีตรงไหนที่ทำไม่ดี อภัยให้ฉันด้วย”
จงจิ่งห้าวตะลึง ลดสายตาลงช้าๆ“นี่คุณกำลังสารภาพกับผมเหรอ?”
ในใจหลินซินเหยียนยังคงไม่แน่ใจหน่อยๆ แต่ว่า เธอตัดสินใจว่าจะลองแล้ว“คุณก็ถือว่าใช่ละกัน”
เขาหัวเราะออกมา สายตาหยุดไปที่แก้มที่เขินอายของเธอ ทั้งๆที่เมื่อกี๊รู้จักพูด ตอนนี้ กลับหน้าแดง
หลินซินเหยียนหลบหลีกเขา เขาทัดผมที่ตกลงมาของเธอขึ้นไป มองดูเธออยู่สักพัก คิดว่าเธอดูสวยไปหมด
เขาเอาริมฝีปากเข้ามาใกล้ แนบไปที่แก้มของเธอ พูดออกมาประโยคหนึ่งที่ไม่มีที่มาที่ไป“ผมเสียใจแล้ว”
หลินซินเหยียนตาเบิกโต ไม่ได้สติคืนกลับมาสักพัก ประโยคนี้ของเขาหมายความว่าอย่างไร
“คุณหมายความว่าอะไร?”
จงจิ่งห้าวเลิกคิ้วขึ้นหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ พร้อมกับความสมยอมที่แฝงไว้ “ลืมไวขนาดนี้เชียว?ไม่เป็นไร เดี๋ยววันไหนค่อยเสริมให้”
หลินซินเหยียนคิดว่าคำพูดเขาต้องมีอะไรแอบแฝง
ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น เขาหมายถึงเมื่อคืนเหรอ?
ตูม!
หน้าของเธอเหมือนถูกแผดเผา แดงมากขึ้น
จงจิ่งห้าวนอนโอบเธออีกเตียงที่ไม่กว้างมากนัก จงจิ่งห้าวสูงมาก ข้อเท้าของเขาวางไว้ด้านนอก บนเตียงก็นอนงอตัว หันข้าง กอดหลินซินเหยียน หลินซินเหยียนก็หันข้าง นอนบนเตียงกับเขา
มือเล็กๆของหลินซีเฉินกำหมอนไว้แน่น ไม่ได้กระโดดขึ้นมา บอกตัวเองในใจเสมอว่า นี่คือพ่อแม่ พวกเขากอดกันคือเรื่องปกติ ไม่ผิดกฎหมาย
เขาคิดว่าตัวเองนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก ไม่หวังว่าหลินซินเหยียนจะอภัยให้จงจิ่งห้าวง่ายๆ
แล้วก็กลัวพวกเขาจะต้องแยกจากกันจริงๆ
เขาคิดในใจเงียบๆ ผมอาจจะเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเองคนหนึ่ง
เกือบเที่ยง พวกเขาก็กลับไปที่ไป๋เฉิง
ช่วงนี้ใช้ชีวิตที่หมู่บ้าน ความสะดวกสบาย พักผ่อนไม่ค่อยดี กลับไปถึงโรงแรมทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอนๆ
“ทุกคนขึ้นไปอาบน้ำ พักผ่อนกันเล็กน้อย แล้วเดี๋ยวลงมาทานข้าว ผมจัดการเอง”เสิ่นเผยซวนพูด
ซูจ้านไปก่อน“หลายวันแล้วที่ผมไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมต้องกลับห้องแล้ว”
“ไปพวกเราไปด้วยกัน”เขามองฉินยาที่อยู่ข้างๆ
ฉินยารีบถอยหลังไป เว้นระยะห่างกับเขา
ซูจ้านขมวดคิ้ว“อย่าลืมล่ะ พวกเรายังคบกันอยู่ ……”
“พวกเราเลิกกันแล้ว”ฉินยาพูดเสียงดัง
เธอกลัวซูจ้าน กังวลว่าพัวพันกับเขานานไป ก็จะยิ่งสลัดเขาไม่ออก
ซูจ้านเหมือนจะคิดไม่ถึง ว่าเธอจะพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน สักพักหนึ่งถึงได้สติคืนมา
เสิ่นเผยซวนเรียกชื่อเขาอย่างเป็นห่วง“ซูจ้าน……”
“นั่นไม่เป็นไร เรื่องความรู้สึกเอง เรื่องของคนสองคน เธอพูดเองคนเดียวไม่นับ”ซูจ้านคืนกลับสภาพคนหัวรั้นที่ไม่มีสิ้นสุดเหมือนเดิม“ผมขึ้นไปก่อน”
“เสี่ยวยา”หลินซินเหยียนเอาลูกทั้งสองคนให้จงจิ่งห้าว แล้วเดินเข้ามาอยากปลอบเธอ
“พี่หลิน ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันขึ้นไปก่อน ไม่ได้อาบน้ำนานแล้ว ฉันอยากไปอาบน้ำสักหน่อย”
พูดไปเธอก็เคลื่อนตัวเหมือนจะขึ้นไปข้างบน
เวลานี้เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับใคร
หลินซินเหยียนเป็นห่วงหน่อยๆ สองคนนี้คบกันไม่นานนัก กลัวว่าฉินยาจะถูกทำร้าย
จงจิ่งห้าวกุมมือของเธอ“ไม่ต้องห่วง โตๆกันแล้ว เรื่องความรู้สึก พวกเขาจัดการกันได้ ขึ้นไปก่อนดีกว่า”
หลินซินเหยียนพยักหน้า ก็ใช่ เธออาจจะเป็นกังวลมากเกินไป พวกเขาเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ซูจ้านก็เป็นทนายความ ปกติดูเป็นคนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่ถ้าเจอเรื่องจริงจัง ก็เป็นคนที่รับมือได้
หลินลุ่ยซีเกาหัว คิ้วเล็กๆขมวดแน่น หลินซินเหยียนอุ้มเธอขึ้นมา“คันหัวเหรอ?”
“อือ”เด็กหญิงพยักหน้ารัวๆ มือเล็กๆเกาผมต่อไป อยู่ข้างนอกไม่สะดวก เธอไม่ได้สระผม หลายวันนี้เลยทรมานหน่อย
หลินซินเหยียนปลอบใจ“หม่ามี๊สระให้ก็ดีขึ้นแล้ว”
กลับไปที่ห้อง ก็วางกระเป๋าลง จงจิ่งห้าวไปที่ห้องรับแขกอีกห้อง ห้องนี้ให้พวกเขาใช้
หลินซินเหยียนเปิดน้ำอุ่นในอ่างน้ำที่ห้องน้ำ เตรียมอาบน้ำให้เธอ
เด็กหญิงถอนหายใจ“ที่บ้านสบายสุดละ”
“ที่นี่ไม่ใช่บ้าน”หลินซีเฉินเถียงเธอไป บ้านกับโรงแรมแยกไม่ออกเหรอ?
เด็กหญิงไม่พอใจ ทำหน้ามุ่ย“พี่น่ารำคาญ”
หลินซีเฉินส่ายหน้า ทำท่าทางเหมือนจนปัญญากับเธอ
“หม่ามี๊ ดูสิพี่รังแกหนู”หลินลุ่ยซีวิ่งไปห้องน้ำ เอนตัวไปที่หลังของหลินซินเหยียนโอบคอเธอแล้วฟ้อง หลินซินเหยียนลูบหน้าเธอ จงใจถามไปว่า“รังแกลูกยังไง?ตีลูก หรือว่าหยิกลูก?”
หลินลุ่ยซี“……”
เอียงศีรษะและคิดอยู่นานว่า“เขาตีหนู”
หลินซีเฉินจ้องน้องสาวที่หน้าประตูห้องน้ำ“พี่ตีน้อง?”
หลินลุ่ยซีออกแรงพยักหน้า“พี่ตีหนู”
“พี่ตีน้องตรงไหน?”
หลินลุ่ยซีคิดเล็กน้อย“อือ—ก้น”
“ก้นเหรอ……”หลินซีเฉินยกมือขึ้น ตั้งใจทำท่าจะตีเธอ และพูดขู่ว่า“น้องบอกว่าพี่ตีน้องแล้ว ถ้าพี่ไม่ตีน้องก็คงเสียเปรียบ”
“อ๊า”
หลินลุ่ยซีตกใจจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินซินเหยียน หลินซินเหยียนปิดก๊อกน้ำ“โอเค ไม่ต้องทะเลาะแล้ว อาบน้ำได้แล้ว”
หลินซีเฉินเก็บมือ มองน้องสาว“วันนี้เห็นแก่หม่ามี๊ จะปล่อยน้องไป”
หลินลุ่ยซีแลบลิ้นให้พี่ชาย
หลินซินเหยียนถอดเสื้อผ้าให้เธอ เอาเธอเข้าไปในอ่างน้ำ
อุณหภูมิน้ำกำลังดี เด็กหญิงนั่งอยู่ในน้ำ โผล่หัวออกมา ตัวแช่ไปในน้ำ เธอรู้สึกสบาย แช่ไปสักพักหลินซินเหยียนจึงขัดขี้ไคลที่ตัวให้เธอ อาบน้ำให้
สุดท้ายก็สระผม
จัดการตัวเธอเสร็จก็คลุมผ้าขนหนู เธอเอาเครื่องเป่าผมเสียบปลั๊กแล้วเป่าผมให้เธอแห้ง
ตอนนี้จู่ๆเสียงกริ่งก็ดังขึ้น
หลินซีเฉินไปเปิดประตู เป็นพนักงานของโรงแรม
“มีอะไรเหรอครับ?”หลินซีเฉินเงยหน้า เขาเคยเห็นพนักงานคนนี้ เลยระวังตัวน้อยลง
“อันนี้ ให้หม่ามี๊ของหนู”พนักงานเอากล่องสวยๆกล่องหนึ่งยื่นให้เขา
หลินซีเฉินลังเลหน่อยๆ“นี่คืออะไรอะ?ใครส่งให้เหรอ?”
“ผมไม่ทราบครับ ผมแค่รับหน้าที่เอามาให้ ส่วนรายละเอียดคืออะไรนั้น ผมไม่รู้ครับ”พนักงานพูดไปตรงๆ
แขกบนชั้นนี้ เข้าออกมีบอดี้การ์ด ขับรถหรู แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนรวย เขาไม่กล้าแตะต้องคนพวกนี้
หลินซีเฉินยื่นมือไปรับ พูดอย่างมีมารยาทว่า“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจจ๊ะ”พนักงานยิ้ม คิดว่าเด็กคนนี้มีการอบรมสั่งสอนดี ไม่เอาแต่ใจและสุภาพ หน้าตาก็ดี
หลินซีเฉินปิดประตู ถือกล่องมาไว้บนเตียง สองมือเขากอดอกไว้ นิ้วมือถูไปที่ใต้คาง จ้องกล่องนั้น ในใจก็แปลกใจว่าข้างในใส่อะไร
หรือว่าเป็นของขวัญที่พ่อให้หม่ามี๊?
สงสัยหนักมาก เขาทนไม่ไหว เปิดกล่องออก
จากนั้น—
“อ๊า!”