กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่241 สู้กันซึ่งหน้ารับมือง่ายกว่าแอบแทงข้างหลัง
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่241 สู้กันซึ่งหน้ารับมือง่ายกว่าแอบแทงข้างหลัง
ในกล่องใส่ตุ๊กตาจำลองไว้ตัวหนึ่ง ตุ๊กตาถูกควักตาออกมา เหลือเพียงแต่ส่วนสีขาว ที่ท้องเปิดช่องยาวๆไว้ ใช้เชือกป่านเย็บปิด ล้วนแต่เป็นเลือด นิ้วมือยาวๆกับเล็บที่แหลม
ตุ๊กตาทำเหมือนจริงมาก หลินซีเฉินฉลาดแค่ไหน กล้าแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
เห็นสิ่งของแบบนี้ ก็ตกใจร้องออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?”หลินซินเหยียนได้ยินเสียงลูกชายร้อง จึงวิ่งออกมา ก็มองเห็นของบนเตียง ตัวเธอเองก็ตกใจ รีบเอาลูกชายมาไว้ในอ้อมแขน ปิดตาเธอไว้ พูดปลอบ“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว มีหม่ามี๊อยู่นะ”
“หม่ามี๊อะไรเหรอ?”หลินลุ่ยซีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เป่าผมแห้งแล้ว ที่ตัวสวมเสื้อผ้าสะอาด ของที่ทำให้พี่ชายร้องออกมาได้ เธอแปลกใจมาก
การตอบสนองของหลินซินเหยียนไวมาก ตอนที่ลูกสาวยังไม่เห็น ก็ดึงเธอมาไว้ในอ้อมแขน และปิดตาเธอไว้
หลินลุ่ยซีขี้กลัว หลินซีเฉินยังตกใจ ถ้าเธอเห็น จะต้องตกใจกลัวแน่
หลินซินเหยียนไม่อาจไปคิดได้ว่า ใครกันที่ส่งของแบบนี้มา เธอคิดแค่ว่าอยากเอาของแบบนี้ออกไปไวๆ
เด็กๆจะได้ไม่ตกใจ
เธอแตะลูกชายเบาๆ“ไม่ต้องกลัว หม่ามี๊อยู่นี่ ลูกกอดน้องสาวไว้นะ แม่จะปิดฝามันเอง”
หลินซีเฉินตกใจหนักมาก ตอนนี้ลูกชายยังสั่นเล็กน้อย ซุกอยู่ในอ้อมแขนของหลินซินเหยียน โอบเธอไว้แน่น“หม่ามี๊ผมกลัว”
เขาไม่กล้าออกไปจากอ้อมแขนของหม่ามี๊
หลินซินเหยียนก็ไม่กล้าไปมองตรงๆอีก ไม่ใช่แค่โจมตีทางสายตา แต่มีทางจิตใจด้วย เธอเคยคลอดลูก นี่เป็นตุ๊กตาที่ถูกทารุณกรรมอีก ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอเช่นกัน
“หม่ามี๊”หลินซีเฉินตัวสั่น จับเสื้อของหลินซินเหยียนแน่นไม่ปล่อย
หลินซินเหยียนกอดลูกสองคนไว้ ได้แต่ค่อยๆขยับไปตรงหน้าประตู เธอกดหัวของลูกทั้งสองคนแน่น
จงจิ่งห้าวเหมือนจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่นี่ เสื้อผ้าที่ยังใส่ไม่เสร็จก็เดินเข้ามา เขาเดินไปหน้าประตู มือที่ติดกระดุมชะงักไปเล็กน้อย รีบก้าวเดินเข้ามา อุ้มลูกชายและลูกสาวออกไปจากห้อง
ด้านนอกห้องเสิ่นเผยซวนก็เข้ามา เตรียมเรียกพวกเขาลงไปกินข้าวเที่ยง จงจิ่งห้าวเอาลูกทั้งสองคนให้เขา กำชับว่า“ดูพวกเขาดีๆ คุณดูเองด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”เสิ่นเผยซวนถามอย่างเป็นห่วง เพราะว่าสีหน้าของจงจิ่งห้าวดูแย่มาก
จงจิ่งห้าวเองก็ไม่แน่ใจ ว่านี่ใครทำ เลยตบไหล่ของเสิ่นเผยซวน
เขากลับไปที่ห้อง
หลินซินเหยียนยังยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนถูกคนจี้จุด จ้องความน่ากลัวบนเตียง
จงจิ่งห้าวเอาเธอมาไว้ในอ้อมแขน จับหน้าของเธอเข้าไปในอ้อมกอด“ไม่ต้องดูแล้ว”
หลินซินเหยียนหลับตาลง สั่นเล็กน้อย“นี่ใครทำเหรอ?”
ได้รับความตกใจกลัวในขณะเดียวกันก็ตื่นตระหนก คนที่ทำเรื่องนี้
เห็นชัดว่า อีกฝ่ายรู้ว่าเธอมีลูกสองคน จึงทำของแบบนี้มา ขู่พวกเขา
“ผมจะสืบให้รู้”จงจิ่งห้าวเหลือบมองของสกปรกบนเตียง ด้วยสายตาเคร่งเครียดไม่พูดอะไร
แขนของเขายาว เอนร่างกายหน่อยๆก็สามารถแนบไปที่ผ้าปูที่นอนได้แล้ว เขาออกแรงเอนไปหน่อย แล้วเอาผ้าห่มมาห่มกล่องไว้
เธอตบหลังของหลินซินเหยียน ฝ่ามือของเขาหนาและกว้าง เร่าร้อน ค่อยๆลูบไปมาที่กระดูกสันหลังของเธอ พูดปลอบว่า“ของปลอมทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว”
หลินซินเหยียนตอบอืมไป แต่ไม่ไปมองที่เตียงอีก
เสิ่นเผยซวนรู้จากปากของหลินซีเฉิน ว่าในห้องเกิดอะไรขึ้น สายตาเคร่งเครียดเหมือนกับจงจิ่งห้าว และพูดเดา“จะใช่เหอรุ่ยเจ๋อไหม?”
คนๆนี้ เหมือนกับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คนที่เขาส่งไป หาร่องรอยของเขาไม่ได้เลยสักนิด แม้แต่เบาะแสก็ไม่เจอ
เขาซ่อนอยู่ในความมืด ไม่รู้ว่าจู่ๆจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่
อย่างที่เรียกว่าสู้กันซึ่งหน้ารับมือง่ายกว่าแอบแทงข้างหลัง
“ให้คนรับผิดชอบที่เอาของมาส่งของโรงแรมมานี่หน่อย”อีกอย่าง โรงแรมก็มีกล้องวงจรปิด จะต้องหาเบาะแสได้
“หม่ามี๊”ครั้งนี้หลินซีเฉินตกใจกลัวจริงๆ สีหน้าเขาขาวซีดหน่อยๆ วิ่งเข้ามา เอนไปในอ้อมแขนของหลินซินเหยียน หลินซินเหยียนกอดเขาไว้แน่น“ปลอบขวัญนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว”
หลินลุ่ยซีไม่เห็น ตัวเองนั่งบนเก้าอี้ มองซ้ายมองขวา ไม่เข้าใจว่าทุกคนเป็นอะไร ท่าทีเปลี่ยนไปกันหมด
ดูเคร่งขรึมกันมาก
ที่ห้องโถง พระอาทิตย์ส่องแสงตอนเที่ยงพอดี บางทีคนอาจจะเยอะ และแสงก็สว่างด้วย ความกลัวของหลินซีเฉินจึงค่อยๆดีขึ้น
ไม่นาน เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านก็นำผู้จัดการของโรงแรมมา และพนักงานเสิร์ฟที่เอากล่องมาให้
เสิ่นเผยซวนส่ายหน้าให้จงจิ่งห้าว เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตำแหน่งกล้องวงจรปิดของโรงแรมดี เขาหลบกล้อง ถึงจะถ่ายได้ ก็ได้แค่หลัง ไม่เห็นหน้าเลย และสวมชุดมิดชิด ชายหรือหญิงก็ไม่อาจรู้ได้
ตอนนี้เบาะแสเพียงอย่างเดียว ก็คือพนักงานเสิร์ฟคนนั้น ไม่รู้ว่าจะหาเบาะแสเจอจากตัวเขาไหม
“พวกเราคือใคร สันนิษฐานว่าพวกคุณน่าจะได้ยินผ่านหูมาบ้าง ถึงแม้ว่าประธานไป๋พวกคุณมา ก็ต้องเคารพพวกเรา รู้อะไร ทางที่ดีที่สุดคืออธิบายมาตรงๆ พรรคพวกของเรานี้ ไม่ชอบใช้กำลัง แต่ถ้าได้ลงมือขึ้นมา มีไม่น้อยที่พิการ คิดให้ดีก่อนพูด”มือของเสิ่นเผยซวน วางไว้ที่ไหล่ของพนักงานเสิร์ฟแรงๆ
พนักงานเสิร์ฟตกใจจนคุกเข่าลงไป ตัวสั่น เสียงสั่น
“ก็คนนั้น คนที่อยู่ในกล้อง เขาสวมหน้ากากสีดำ หมวกแก๊ปสีดำ เขาเอาหมวกกดลงต่ำ จึงมองเห็นหน้าของเขาไม่ชัด เขาเอากล่องนั่นให้ผม และให้ ……ทิปผม 500 หยวน ให้ผมเอากล่องนั่นไปให้ที่ห้อง ด้านในคืออะไรผมไม่รู้ และผมก็ไม่รู้จักคนนั้น จริงๆนะ ที่ผมพูดนั้นเรื่องจริง”พนักงานเสิร์ฟตัวสั่น ไม่กล้าพูดโกหกสักคำ
“เหรอ?”ซูจ้านเหลือบมองเขา ท่าทางบีบคั้นสุดๆ
“ครับ ครับ”พนักงานเสิร์ฟคนนั้นรีบเอาเงินห้าร้อยหยวนที่เขารับออกมาจากกระเป๋า ห้าร้อยหยวนนั้นกองไว้ด้วยกัน อย่างยับยู่ยี่“นี่ นี่ที่เขาให้ผม”
เขาเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟธรรมดาๆ เงินเดือนไม่สูง มีคนให้ทิปแค่ห้าร้อยหยวน ก็เท่ากับเงินเดือนของเขาหลายวันแล้ว จะต้องใจเต้นแน่นอน
อีกอย่าง แค่ให้ของขวัญ และปล่องที่ห่อนั่นก็สวยขนาดนั้น ให้ของขวัญก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
และยังได้เงินอีก เขายอมแน่นอน
ใครจะไปรู้ว่าจะนำปัญหาขนาดใหญ่มาให้เขา
ตอนนี้พนักงานเสิร์ฟคนนี้ รู้สึกเสียใจข้างในใจ
“จริงๆนะครับ ผมพูดความจริง พวกคุณได้โปรดเชื่อผมเถอะ”พนักงานเสิร์ฟนั่งลงไปที่พื้นเสียงดังตุ๊บ“ถ้ารู้แบบนี้ ผมก็ไม่เอาทิปห้าร้อยนั่นแล้ว”
ซูจ้านไม่ชอบ เป็นผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้ ต้องตกใจกลัวแบบนี้ด้วยเหรอ?
เห็นแบบนี้แล้ว น่าจะถามไม่ได้เบาะแสอะไร
“ปล่อยเขาเถอะ”หลินซินเหยียนถูคิ้ว“เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายวางแผนมานานแล้ว จะต้องมีทำอย่างระมัดระวังแน่ เราไม่สามารถสืบได้ในทันทีแน่”
ซูจ้านคิดว่าหลินซินเหยียนพูดก็มีเหตุผล เสิ่นเผยซวนก็เห็นด้วย พนักงานเสิร์ฟคนนี้แค่คนขี้ขลาด ดูไม่เหมือนผู้สมรู้ร่วมคิด
ทันใดนั้นหลินซินเหยียนก็คิดขึ้นได้ เธอเงยหน้าขึ้น หรือว่าจะเป็นคนตระกูลเหวิน?
แต่ว่าเธอยังไม่ได้กลับไปที่เมืองB นอกจากคนพวกนี้ที่อยู่ข้างๆแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่เธอเรียนทำผ้าไหมกวางตุ้ง
แป๊บเดียวเธอก็ตัดตระกูลเหวินออก งั้น ก็เหลือแค่เหอรุ่ยเจ๋อที่ไม่รู้ว่าอยู่ไหนแล้ว
ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่รู้แล้วว่าใคร ที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้!
“เรื่องนี้ เกิดที่โรงแรมของพวกเรา ผมจะให้ความร่วมมือในการสืบอย่างเต็มที่ว่าใครกันแน่ที่ทำเรื่องชั่วร้ายแบบนี้ ผมโทรหาประธานไป๋แล้ว เขาจะมาถึงแล้วในไม่ช้า”ผู้จัดการเป็นงาน รู้ว่าเรื่องนี้ เขาจัดการไม่ได้
คนพวกนี้เขาก็ไปยุ่งด้วยไม่ไหว ดังนั้นจึงแจ้งไป๋ยิ่นหนิงไว้ก่อนแล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงเพิ่งกลับถึงบ้าน ยังไม่ทันได้พักผ่อน ก็รับสายของผู้จัดการ
จากนั้นก็รีบเข้ามาทันที
“มีเบาะแสไหม?”เขาเข็นรถเข็น เดินมาทางนี้ มองหลินซินเหยียน ถามอย่างเป็นห่วง“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า“ยังดี ที่เสี่ยวเฉินแค่ตกใจกลัว”