กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่242 เอาชนะความกลัว
“เกิดเรื่องแบบนี้ในถิ่นของผม ควรจะให้ผมรับผิดชอบเอง ผมจะต้องจัดการแทนพวกคุณ”
อย่างหนึ่งคือตอนนี้เขากับจงจิ่งห้าวมีความร่วมมือกัน อีกอย่างคือกล้าทำเรื่องแบบนี้ในถิ่นของเขา คือกำลังท้าทายเขา
เขาไม่อาจยอมให้มีคนมาทำอะไรมั่วๆโดยไม่มีเหตุผลในถิ่นของเขาได้ งั้นต่อไปเขาจะจัดการธุรกิจที่อยู่ภายใต้ได้อย่างไร?
ในฐานะผู้นำ บางเรื่องใจกว้างเมตตาต่อผู้อื่นได้ แต่บางเรื่องก็ยอมไม่ได้
ผู้จัดการโรงแรมเหมือนว่าจะหาแกนสำคัญได้ เดินเข้ามา แนบตัวมาพูดว่า“หากล้องวงจรปิดแล้วครับ เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ที่ตั้งกล้องของโรงแรมพวกเราดี จึงหลบกล้องที่จะถ่ายหน้าตรงได้มาก เพิ่งสอบถามพนักงานคนนั้นที่ส่งของขวัญไป ก็ถามหาเบาะแสที่มีผลอะไรไม่ได้……”
ไป๋ยิ่นหนิงเงยหน้าขึ้น มองจงจิ่งห้าวที่ไม่พูดมาตลอด หลังโซฟา คือหน้าต่างที่สูงจากเพดานจรดพื้น แสงอาทิตย์ส่องเข้ามา เขาอยู่ย้อนแสง ไป๋ยิ่นหนิงมองอาการของเขาไม่ค่อยชัด คิดพิจารณาสักนิด จึงพูดว่า“อีกฝ่ายเล็งมาที่คุณหลินอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่า ประธานจง มีคนที่สงสัยไหมครับ”
ตอนที่เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านสอบปากคำพนักงานเสิร์ฟคนนั้น เขาก็จัดการเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง ส่งของแบบนี้มา อย่างมากก็ทำหลินซินเหยียนกับลูกสองคนตกใจ ถ้าเป็นเหอรุ่ยเจ๋อ เขาไม่เสี่ยงแบบนี้แน่
ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้มีผลดีต่อเขานัก ถ้าเขายังยึดมั่นถือมั่นต่อหลินซินเหยียน น่าจะรอโอกาสจับหลินซินเหยียนไปอีกครั้ง หรือว่าจับลูกมาขู่เธอ
ทำเรื่องแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่มีประโยชน์ต่อเขา
ถ้ามีข้อบกพร่องออกมา ก็จะทิ้งเบาะแสของเขาให้พวกเขาหาได้
“นี่คือถิ่นของประธานไป๋ เกิดเรื่องในถิ่นของคุณ คุณน่าจะจัดการให้ผมได้ เวลาสองวัน ประธานไป๋ให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ผมได้ไหม?”
ไป๋ยิ่นหนิงขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าจงจิ่งห้าวจะเอาเรื่องโยนมาที่เขา จากนิสัยของเขา อีกฝ่ายปฏิบัติต่อภรรยาและลูกแบบนี้ ไม่ควรจะไปสืบ และจัดการคนพวกนั้นที่แกล้งเองเหรอ?
จงจิ่งห้าวยกปากขึ้น“ผมเชื่อว่า ประธานไป๋ ต้องสืบได้ ยังไงพวกเรามาที่นี่ ก็ไม่ได้ไปล่วงเกินใคร ถ้าบอกว่าล่วงเกินก็กลัวว่าจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายคุณ”
แค่จงจิ่งห้าวพูดก็สะกิดใจขึ้นมาได้ เขาสงสัยเหยาชิงชิงเหรอ?
แต่วันนั้นเหยาชิงชิงไม่ได้โทษหลินซินเหยียนนี่ ยังไงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องเขาที่ยั่วยุก่อน และเขาก็ไม่คิดว่าเหยาชิงชิงจะทำเรื่องแบบนี้ได้!
“ใช่หรือไม่ ประธานไป๋สืบก็จะรู้”
จงจิ่งห้าวไม่ได้อยากเถียงกับเขา เขาอุ้มหลินซีเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนหลินซินเหยียนขึ้นมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาอุ้มลูกชาย เขาแข็งแรงมาก หนักกว่าลูกสาวหน่อย ถึงแม้โตพอๆกับลูกสาว แต่ว่าสูงกว่าลูกสาวหน่อยๆ
ตอนนี้หลินซีเฉินอยากให้คนอุ้มตัวเองคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ยังไงซะเขาก็อยู่คนเดียวไม่ได้ เขาจะคิดเพ้อเจ้อ ในหัว มักจะมีสภาพของตุ๊กตาตัวนั้นปรากฏ ……พอคิดขึ้นมา เขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“แน่นอนว่า ถ้าประธานไป๋ทำใจไม่ได้ ผมสามารถลงมือเองได้ แต่ว่าถึงตอนนั้น ประธานไป๋ อย่าหาว่าผมไม่เห็นถึงความรู้สึกของคุณละกัน”จงจิ่งห้าวพูดทิ้งท้าย สายตาอันเฉียบคมมองไปที่ใบหน้าตกตะลึงของไป๋ยิ่นหนิง ไม่หยุดอยู่ต่อ อุ้มลูกชายออกไป
ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนมองหน้ากัน จงจิ่งห้าวชี้ตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว?
“ถ้าเป็นเธอจริงๆ ผมจะจัดการแทนคุณเอง”สีหน้าไป๋ยิ่นหนิงดูเคร่งขรึม มองหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนไม่พูดอะไร เธอรู้สึกเหนื่อยหน่อยๆ เธออุ้มลูกสาว ให้ทุกคนไปกินข้าว หลังจากเดินทางเหนื่อยมานาน แล้วเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นอีก ทุกคนยังไม่ได้กินข้าว และเรื่องต้องได้รับการแก้ไข แต่ก็ปล่อยให้หิวไม่ได้
“เผยซวน พวกคุณไปกินข้าวกันก่อน ฉันจะไปเรียกจิ่งห้าว”หลินซินเหยียนยืนขึ้นมา
“พี่หลิน ฉันอุ้มเสี่ยวลุ่ยเอง เธอน่าจะหิวแล้ว นี่บ่ายสองแล้ว”
หลินซินเหยียนลูบหน้าผากของลูกสาว เอาเธอให้ฉินยา
เด็กหญิงเชื่อฟังมาก ไปในอ้อมแขนของฉินยา
จงจิ่งห้าวไม่ได้อุ้มหลินซีเฉินกลับห้อง และก็ไม่ได้อยู่ในโรงแรม หลินซินเหยียนหาไปทั่วในโรงแรมรอบหนึ่งแล้วก็ยังหาไม่เจอ สุดท้าย เจอร้างของจงจิ่งห้าวที่ลานด้านหลังของโรงแรม
เขากับหลินซีเฉินอยู่บนขั้นบันได แผ่นหลังเล็กใหญ่สองคน หลินซินเหยียนค่อยๆเดินเข้าไป เหมือนว่าพวกเขากำลังคุยกันอยู่
“เสี่ยวเฉิน ต่อไปลูกโตขึ้น จะเป็นคนแบบไหน?”
ขาทั้งข้างของหลินซีเฉินชิดกัน สองมือกอดตัวเองไว้
เขาไม่คิดอะไรเลย ก็พูดออกมาว่า“ต่อไปผมโตขึ้น จะเป็นคนที่ปกป้องหม่ามี๊ให้ได้”
“แค่ของเล่นปลอมๆ ก็ทำเอาลูกตกใจกลัว คุณจะปกป้องเธอยังไง?”จงจิ่งห้าวพูดอย่างเฉียบแหลม ไม่ใช่เพราะเขายังเป็นเด็ก ก็จะปฏิบัติต่อเขาอย่างอดทน
หลินซีเฉินกะพริบตาในหัวเหมือนคิดถึงตุ๊กตาตัวนั้นอีก“แต่ตุ๊กตานั่นน่ากลัวมาก……”
“มันคือของปลอม”จงจิ่งห้าวตัดบทเขา
หลินซีเฉินถึงกับไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว ใช่ ตุ๊กตานั่นของปลอม แต่ทำได้ค่อนข้างเหมือนจริง ที่จริงแล้ว มันก็แค่พลาสติก
เขาจับมือเล็กๆนั่นไว้แน่น“ผม……ผมไม่กลัว”
ที่จริง ในใจยังคงกลัว
ก็แค่ ทำเป็นไม่กลัว
ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าจงจิ่งห้าว
“งั้นลูกกล้า ไปดูกับพ่ออีกครั้งไหม?”
หลินซีเฉิน“……”
หลินซินเหยียนได้ยินประโยคนี้ของจงจิ่งห้าว เกือบจะยืนไม่อยู่ หลินซีเฉินตกใจกลัวแล้ว ยังจะให้เขาไปดูอีก ในใจเขา ต้องมีปมแค่ไหน?
“เสี่ยวเฉิน”หลินซินเหยียนรีบวิ่งเข้ามา กอดลูกชายไว้ เธอจ้องจงจิ่งห้าว พูดเสียงแข็ง“คุณรู้อยู่แล้วว่าเขาตกใจมา ทำไมยังต้องให้เขาไปดูอีก?เขาจะตกใจกลัวได้!”
จงจิ่งห้าวเผชิญหน้ากับคำถามของหลินซินเหยียน แต่ไม่อธิบาย กลับมองหลินซีเฉินที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ“ลูกกล้าไหม?”
“จงจิ่งห้าว!”
หลินซินเหยียนโกรธจัด เรียกชื่อเขาไปโดยตรง
จงจิ่งห้าวไม่สนใจ พูดกับหลินซีเฉินต่อ“ลูกจะอยู่ในอ้อมแขนของหม่ามี๊ได้นานแค่ไหน?เธอจะปกป้องลูกได้นานแค่ไหน?”
หลินซีเฉินตาเบิกโต ขาตายาวๆ สั่นไปมา จะต้องมีสักวันที่เขาต้องเติบโต ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมาย ถ้าเขาเอาชนะไม่ได้ อนาคต จะยอมรับความกดดันได้ไง?
เขาปลุกความกล้า มองจงจิ่งห้าว“ผมกล้า”
ถึงแม้ ในใจเขาตอนนี้จะยังกลัว แต่ว่าเขายอมท้าทายตัวเอง
“เสี่ยวเฉิน”
หลินซินเหยียนกังวล
“หม่ามี๊ไม่ต้องห่วง หม่ามี๊ปกป้องผมได้ขณะหนึ่ง แต่ปกป้องผมทั้งชีวิตไม่ได้ รอผมแข็งแกร่ง ผมจะปกป้องหม่ามี๊เอง”หลินซีเฉินพูดอย่างหนักแน่น
หลินซินเหยียนเงียบ
วิธีการของจงจิ่งห้าวอาจจะโหดร้าย แต่ว่า เธอไม่อาจพูดได้ว่าเขาทำไม่ถูก
เธอกลัว กลัว หลินซีเฉินจะรับไม่ไหว
เขายังเด็กอยู่มาก ตกใจกลัวจนป่วย เธอจะต้องเสียใจไปทั้งชีวิต
“เขาคือลูกผม”จงจิ่งห้าวไม่อธิบายมาก จูงมือของหลินซีเฉินเดินไปในโรงแรม
พวกเขาไม่ใช้ลิฟต์ แต่ว่าขึ้นบันได
ตึก ตึก……
มีแต่เสียงดังตึกตึกที่เหยียบบันได มีสะท้อนบันไดในห้องที่ว่างเปล่านี้ออกมา เพิ่มความเหงาขึ้นมาหน่อยๆ ทำให้คนรู้สึกกลัวเล็กน้อย
“บนโลกนี้ไม่มีผี มีแต่ตัวเองที่ทำให้ตัวเองกลัวเอง”จงจิ่งห้าวจงใจไม่ขึ้นลิฟต์ แต่เดินไปที่บันไดที่ไม่มีคนเดิน
หลินซีเฉินรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร
ยิ่งขึ้นไป เขาก็ยิ่งกังวล ก็อดไม่ได้ที่จะจับมือของจงจิ่งห้าวแน่น
จงจิ่งห้าวไม่ส่งเสียงใดๆ
แค่ให้เขาจับไว้
เดินไปหน้าประตู จงจิ่งห้าวเปิดประตูออก“ลูกเสียใจตอนนี้ยังทันนะ”
หลินซีเฉินจับมือของจงจิ่งห้าว ส่ายหน้า“ผมไม่เสียใจครับ”
เขาจะโดนตุ๊กตาตัวนี้ทำให้กลัวไม่ได้
จงจิ่งห้าวหันไปมองเขา เขาสามารถทำได้ถึงแบบนี้ในตอนนี้ ก็สำเร็จแล้ว
เขาเอาชนะความกลัวในใจได้แล้ว
ไม่งั้น ก็ไม่กล้ามาที่ห้องนี้หรอก
จงจิ่งห้าวไม่ได้จะให้เขาดูอีกครั้งจริงๆ แต่ว่า จะให้เขาเอาชนะความกลัวในใจ ไม่งั้นแบบนี้สิจะเป็นปมที่แท้จริง ที่จะส่งผลต่อนิสัยเขาในภายหลัง
เขาชื่นใจ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาแค่ห้าขวบ?
หลินซีเฉินปล่อยมือของจงจิ่งห้าว เดินเข้าไปในห้องเอง