กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่251 คงไม่สนใจคุณหรอกใช่ไหม
“เธอกับไป๋ยิ่นหนิงสมัยเด็กอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน จึงมีความรักใคร่ต่อกัน” หลินซินเหยียนบอกเสียงเรียบ
ซูจ้านหรี่ตามองจงจิ่งห้าว เดินมาข้างหน้าและโน้มตัวลงเล็กน้อย “พี่สะใภ้ คุณรู้ได้ยังไง ไป๋ยิ่นหนิงบอกกับคุณเหรอคะ”
หลินซินเหยียนฟังไม่ออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคของเขา เธอตอบตามความจริง “ใช่ค่ะ”
อีกอย่างถ้าไป๋ยิ่นหนิงไม่บอก เธอจะรู้ได้อย่างไร และเธอก็ไม่ได้ลูกน้องที่จะให้ไปสืบเรื่องนี้ได้
“เขาเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวให้คุณฟัง เชื่อใจคุณขนาดนี้ คงไม่ได้สนใจคุณอยู่หรอกใช่ไหม”
หลินซินเหยียน “…”
ใบหน้าจงจิ่งห้าวทะมึนขึ้น ยืดอกขึ้น เขาดูออกว่าไป๋ยิ่นหนิงมีใจให้กับหลินซินเหยียน
แน่นอนว่าหลินซินเหยียนสัมผัสได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวจงจิ่งห้าว
ไม่ต้องหันกลับไปมอง เธอก็รู้ ตอนนี้สีหน้าของจงจิ่งห้าวคงไม่ดีเท่าไหร่
หลินซินเหยียนตอบซูจ้านเสียงเรียบ “ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลยละคะ หรือว่าคุณเป็นพยาธิใจท้องของไป๋ยิ่นหนิง แม้กระทั่งความคิดของเขาคุณก็รู้”
ซูจ้าน “…”
เสิ่นเผยซวนหัวเราะออกมา พูดนอกเรื่อง “ไม่ใช่หรอก คิดว่าน่าจะเป็นแมลง”
ซูจ้านจ้องเสิ่นเผยซวนเขม็ง “ทำไมนายไม่เข้าข้าง เราเป็นพี่น้องกันนะ”
เขาเน้นย้ำคำว่าพี่น้อง ราวกับกำลังเตือนสติเขา ว่าควรจะเข้าข้างใคร
เสิ่นเผยซวนยืนอยู่ด้านหลังหลินซินเหยียน สองมือยื่นออกไป “แน่นอนว่าฉันต้องเป็นพวกเดียวกันกับพี่สะใภ้อยู่แล้ว นายไม่มีเงิน อยู่ข้างเดียวกับนายแล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไร”
ซูจ้าน “…”
หลินซินเหยียนหันกลับมา มองหน้าเสิ่นเผยซวน “ฉันก็ไม่มีเงิน”
“คุณไม่มี จิ่งห้าวมีเงินจิ่งห้าวก็คือเงินคุณ ถึงจะไม่ใช่ของคุณ ก็เป็นของลูกชายของคุณ ยังไงก็ถือว่ามีเงินกว่าซูจ้าน อยู่กับคน ต้องได้อยู่ดีกินดีแน่นอน”
ตอนนี้จงจิ่งห้าวมีหลินซีเฉินเป็นลูกชายคนเดียว อนาคตธุรกิจต่างๆ ของตระกูลจงก็ต้องตกทอดไปถึงลูกชายใช่ไหมล่ะ
เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ซูจ้านเดินไปนั่งข้างหลินซินเหยียน ยิ้มฉอเลาะ “พี่สะใภ้ ต่อไปผมก็จะอยู่กับพี่”
เขาไม่ได้โง่ เขาก็จะอยู่กับหลินซินเหยียน ดูเหมือนตอนนี้จงจิ่งห้าวก็คงจะเป็นพวกเดียวกันกับเธอ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว คนคนนี้ ทำไมถึงไปเปลี่ยนสีเร็วขนาดนี้
และไม่ใช่เขาเถียงกันกับเสิ่นเผยซวนหรอกเหรอ
ทำไมถึงได้มาเบียดเธอล่ะ
“พี่สะใภ้…”
“เพี๊ยะ…”
ซูจ้านอยากคล้องแขนหลินซินเหยียน แต่โดนมือของจงจิ่งห้าวฟาดเข้าให้
เขากุมมือ ต่อว่าจงจิ่งห้าวเสียงเบา “ใจแคบ”
“นายว่ายังไงนะ” จงจิ่งห้าวเอียงหูมา ทำราวกับได้ยินไม่ชัด
เขากำลังหงุดหงิดกับเรื่องของไป๋ยิ่นหนิง ตอนนี้กำลังหาที่ระบายอารมณ์
ซูจ้านรีบบอกในวินาทีต่อมา “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่ได้พูดอะไร”
แต่กลับคิดในใจ ถึงพูดผมก็ไม่กล้ายอมรับหรอก
ก๊อก ก๊อก…
ตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หลินซินเหยียนหันกลับไปมองจงจิ่งห้าว “เสี่ยวลุ่ยกับเสี่ยวซีหรือเปล่าคะ”
เวลานี้ จะเป็รใครไปได้
ทว่ากลับไม่มีใครเปิดประตูเข้ามา
จงจิ่งห้าวบอกเสียงเรียบ “เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก ไม่ใช่หลินซีเฉิน ไม่ใช่หลินลุ่ยซี แต่เป็นบอดี้การ์ด
“คุณไป๋มาขอพบคุณหลินครับ”
“ไป๋ยิ่นหนิงเหรอ” ซูจ้านเบิกตากว้าง คนนี้ราวกับสายลม เมื่อสักครู่ยังพูดถึงเขาอยู่เลย ตอนนี้เขาก็มาโผล่ที่นี่
บอดี้การ์ดพยักหน้า
หลินซินเหยียนจำได้ที่เขาบอกว่าจะพักที่โรงแรม เขามาโผล่ที่โรงแรมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“เขาบอกหรือเปล่าว่ามาหาฉันมีเรื่องอะไร” หลินซินเหยียนถาม
“เปล่าครับ บอกเพียงว่าอยากพบคุณ ให้ผมมารายงาน”
“ไม่พบ” หลินซินเหยียนยังไม่ทันได้ตอบ จงจิ่งห้าวก็ชิงปฏิเสธไปก่อน เมื่อเช้าก็ชวนออกไปทานอาหารเช้า แถมยังให้เหยาชิงชิงได้เจอกับหลินซินเหยียนอีก
เหยาชิงชิงไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาจะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า
ตอนนี้ยังมีหน้ามาที่นี่อีก แถมยังอยากเจอเธออีก
ประตูยังไม่มี
“ไปกันเถอะ” จงจิ่งห้าวโอบไหล่หลินซินเหยียน “เรากลับห้องกัน”
นานๆ ทีจะมีเวลาว่าง แม้จะไม่ได้ทำอะไร แต่การได้อยู่กับเธอก็เป็นเรื่องที่ดี
ไป๋ยิ่นหนิงอยากเจอเธองั้นเหรอ
ชาติหน้าเถอะ
หลินซินเหยียนมองชายหนุ่มที่กำลังโอบไหล่ตัวเอง ผู้ชายคนนี้ ขี้หึงมาก วันนี้เกรงว่าเธอคงจะไม่ได้ออกไปไหนแน่เลย “นายไปบอกเขาว่า ฉันมีธุระ ถ้ามีเรื่องอะไรเอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”
“ครับ”
บอดี้การ์ดหมุนตัวเดินออกไป
จงจิ่งห้าวโอบไหล่หลินซินเหยียน ผลักประตูเปิด ก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
“” หม่ามี๊” หลินลุ่ยซียืนอยู่ตรงทางเดิน หลินซินเหยียนหันไปก็มองเห็นร่างเล็กของลูกสาว เธอยิ้มร่า ในมือถือรูปวาดของตัวเอง เท้าเล็กเดินเข้ามาหา
“หม่ามี๊ ดูหนูวาดสวยไหมคะ” ในมือของหลินลุ่ยซีถือภาพวาดเอาไว้ เป็นภาพคน เป็นนามธรรมทั้งหมด แต่หลินซินเหยียนดูออกว่าเธอวาดอะไร หมายถึงอะไร
หลินซินเหยียนย่อตัวลง รับรูปวาดของเธอมา มองดูดีๆ จากนั้นบอก “เสี่ยวลุ่ยวาดสวยมากๆ เลยค่ะ”
“จริงเหรอคะ” หลินลุ่ยซีดีใจมาก เด็กน้อยต่างก็ชอบคำชม
หลินซินเหยียนพยักหน้า “จริงสิคะ”
หลินลุ่ยซีดีใจยิ่งกว่าเดิม ชี้ไปที่ในรูป “นี่คือหม่ามี๊ นี่คือหนู นี่คือพี่ชาย นี่…” เมื่อพูดถึงพ่อ เธอเงยหน้าขึ้นไปมองจงจิ่งห้าว จากนั้นหันมามองหลินซินเหยียน “นี่คือคุณพ่อค่ะ”
เด็กน้อยท่าทางจริงจังขึ้นมา “หม่ามี๊ หนูมีพ่อแล้ว ต่อไปหนูก็จะเป็นเด็กมีพ่อแล้ว จะไม่มีคนบอกว่าหนูเป็นลูกนอกสมรส…”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ หลินซินเหยียนก็ปิดปากของเธอไว้ จากนั้นดึงเข้าสู่อ้อมกอด ลูบศีรษะเธอเบาๆ “เราทุกคนมีปากเดียว แต่ละคนพูดออกมาไม่เหมือนกัน ปากร้อยปาก ก็มีหนูร้อยแบบ ดังนั้นเสี่ยวลุ่ยไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะพูดยังไง หนูก็คือหนู เป็นลูกรักของหม่ามี๊”
หลินลุ่ยซีพยักหน้าแรงๆ กอดคอหลินซินเหยียน “หม่ามี๊ หนูรู้สึกว่า ตอนนี้หนูมีความสุขมาก”
หลินซินเหยียนมองดูลูกสาว เด็กน้อย ทำไมวันนี้ถึงได้อ่อนไหวจังเลยนะ
เธอลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ ทัดผมที่ตกลงมาขึ้นไป “แม่รู้ค่ะ”
เธอสัมผัสได้ว่าลูกสาวของเธอสดใสขึ้นมาก มีรอยยิ้มเต็มหน้าอยู่ทุกๆ วัน
เธอรู้ มีแต่เด็กที่มาจากครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้นถึงจะมีความสุขแบบนี้
“หม่ามี๊ พาหนูไปเดินเล่นได้ไหมคะ หนูอยู่แต่ในบ้านน่าเบื่อมากเลยค่ะ” หลินลุ่ยซีออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขนหลินซินเหยียน
จงจิ่งห้าวที่ยืนอยู่หน้าประตูได้แต่แหงนหน้ามองฟ้า อยากอยู่กับหลินซินเหยียนตามลำพังทำไมถึงได้ยากขนาดนี้นะ
ทำไมถึงชอบมีคนมารบกวนเขา
“ได้ไหมคะ หม่ามี๊” เด็กน้อยงอแงอยู่ในอ้อมแขนของหลินซินเหยียน ยังไงซะ เธอก็คงจะงอแงจนหลินซินเหยียนยอมนั่นแหละ
“ก็ได้” หลินซินเหยียนไม่อยากขัดใจลูกสาว นานๆ ทีเธอจะมีความสุข ยังมีเวลาอยู่กับเธออีก
“คุณพ่อ ไปด้วยกันนะคะ” เด็กน้อยเงยหน้า คว้ามือของเขาเอาไว้ ดวงตาอ้อนวอน
ดวงตาเล็กกะพริบตาปริบๆ น่ารักขนาดนี้ใครจะกล้าปฏิเสธ จงจิ่งห้าวปฏิเสธลูกสาวไม่ได้แน่นอน
เขาโน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมา “วันนี้ พ่อกับหม่ามี๊ของหนูจะอยู่กับหนูนะ”
“ดีใจจังเลยค่ะ ดีใจจัง” สองเท้าของเด็กสาวดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดของจงจิ่งห้าว
รองรองเท้าประทับเข้ากับชุดสูทของเขา เป็นรอยขาวชัดเจน
นี่เป็นหลินลุ่ยซีหรอกนะ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่ยอม