กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่261 ปากแข็ง
ไป๋ยิ่นหนิงเป็นคนที่โทรเข้ามา มันทำให้หัวใจของเธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ทำไม พอนึกถึงไป๋ยิ่นหนิงมันก็ทำให้นึกถึงเหยาชิงชิงไปด้วย
“คุณรับเถอะ เดี๋ยวฉันกลับก่อน” ฉินยาเข้าใจว่าการที่ตัวเองอยู่ตรงนี้ทำให้เธอไม่สะดวกที่จะรับสาย
หลินซินเหยียนลังเล เธอกำลังกลัวว่าไป๋ยิ่นหนิงจะโทรมาเพื่อคุยเรื่องของเหยาชิงชิง เธอไม่อยากที่จะพัวพันกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่ว่า อีกฝ่ายก็มีความพยายามสูง ถ้าเธอไม่รับ ไป๋ยิ่นหนิงก็ไม่ยอมวาง มือถือดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายเธอก็หายใจเข้าลึกๆ กดไปที่ปุ่มรับสาย ทันใดนั้นเสียงของไป๋ยิ่นหนิงก็ดังขึ้น “คุณจะไปวันนี้แล้วใช่มั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนตอบ “มีเรื่องบางอย่างทำให้ต้องล่าช้า ค่อยกลับพรุ่งนี้ค่ะ”
“งั้นวันนี้เรานัดเจอกันหน่อยนะครับ” ไป๋ยิ่นหนิงพูดขึ้น
หลินซินเหยียนยืนอยู่ข้างถนน เธอก้มลงไปมองที่ปลายเท้าของตัวเอง “ฉันมีธุระต้องทำ เกรงว่า……”
“พรุ่งนี้คุณก็จะไปแล้ว ไม่คิดจะบอกลาผมหน่อยเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนเงียบไป
“ผมจะเสียเวลาคุณไม่มากหรอกครับ” ไป๋ยิ่นหนิงพูดขึ้นอีก
ยังไงก็เป็นคนรู้จักกัน พอไป๋ยิ่นหนิงพูดมาแบบนี้ เธอก็ยากที่จะปฏิเสธแล้ว เธอจำจำต้องตอบตกลง “คุณมาหาฉันสิคะ”
“เดี๋ยวผมให้คนไปรับคุณ ตอนนี้ผมไปด้วยตนเองไม่ได้จริงๆ ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร บอกมาฉันมาว่าคุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันนั่งรถไปหา” การให้คนมารับมันค่อนข้างยุ่งยากและเสียเวลา
“คุณไปรอผมที่วิลล่าก่อน อีกเดี๋ยวผมจะตามไปให้ไวครับ”
หลินซินเหยียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบไปว่า “ได้ค่ะ”
เธอเดินไปโบกรถที่ถนน ผ่านไปประมาณสิบนาทีถึงโบกรถแท็กซี่ได้คันหนึ่ง เธอบอกจุดหมายไป
จากนั้นครึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดอยู่ที่วิลล่า หลินซินเหยียนจ่ายค่าโดยสารแล้วลงจากรถ
ไป๋ยิ่นหนิงได้บอกกับเสี่ยวหลิวแล้ว ว่าพอหลินซินเหยียนลงจากรถก็ให้เสี่ยวหลิวไปต้อนรับทันที เธอทักทายด้วยรอยยิ้ม “คุณหลิน”
หลังจากที่รู้จักกับสาวน้อยคนนี้มาเป็นเวลาหลายวันตอนนี้ก็คุ้นเคยกันแล้ว หลินซินเหยียนเดินเข้าไปหา “” ข้างนอกอากาศมันเย็นขนาดนี้ ทำไมไม่รอในบ้านล่ะ”
“คุณชายบอกให้ฉันรอคุณอยู่ตรงนี้ค่ะ เขาบอกฉันว่าคุณจะมา” เสี่ยวหลิวพูดไปยิ้มไป “เชิญเข้าไปในบ้านก่อนค่ะ”
หลินซินเหยียนคุ้นเคยกับที่นี่ดี ยังไงก็เคยพักอยู่ที่นี่มาแล้วหลายวัน
พอเข้ามาถึงห้องรับแขก หลินซินเหยียนก็ถอดเสื้อโค้ตไปแขวนไว้ที่ราว ในบ้านมีความอบอุ่นจากเครื่องปรับอากาศมันจึงอุ่นมาก ถ้ายังใส่เสื้อโค้ตอยู่มันจะร้อนมาก
เสี่ยวหลิวไปชงกาแฟ “ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอคุณแล้วนะคะ”
เธอยกกาแฟร้อนๆ เข้ามา วางไว้บนโต๊ะ “ความจริงคุณชายของเรานั้นเป็นคนดีมาก”
ผู้หญิงสองคนที่ปรากฏขึ้นข้างกายไป๋ยิ่นหนิง เธอรู้สึกชอบหลินซินเหยียนมากกว่า เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้แค่ว่าหลินซินเหยียนนั้นเป็นกันเอง น่าคบหา
เหยาชิงชิงให้ความรู้สึกอึมครึม เธอไม่ชอบ
หลินซินเหยียนไม่ได้นั่ง แต่เธอกลับเดินไปยังตู้ปลาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าต่าง ทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เสี่ยวหลิวพูด “ปลานี้ ยังเลี้ยงอยู่อีกเหรอเนี่ย”
เธอจำได้ว่า ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บที่ขาจนเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ไป๋ยิ่นหนิงที่กลัวเธอจะเบื่อ จึงสั่งให้คนไปเอาปลาพวกนี้มาให้เธอเล่น บอกว่าให้เธอใช้ฆ่าเวลา
หลายวันนี้พวกปลามันก็ค่อนข้างประหลาดจริงๆ สีสันสดใส หน้าตาประหลาดๆ นั่นก็ดูโดดเด่นดี พอมือของเธอจุ่มลงน้ำ แล้วกวักเบาๆ พวกปลาก็ตกใจ พวกมันก็จะว่ายหนีไปทันที ทำให้หลินซินเหยียนต้องยิ้มออกมา
เสี่ยวหลิวยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองไปยังปลาที่อยู่ในตู้ “ปลาพวกนี้ คุณชายเขาให้อาหารเองทุกวันเลยค่ะ”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมา ไป๋ยิ่นหนิงว่างขนาดมีเวลามาดูแลปลาพวกนี้ทุกวันเลยเหรอ? เสี่ยวหลิวยิ้มออกมา “แน่นอนว่าก็ต้องเป็นช่วงที่เขาอยู่ ปกติฉันจะเป็นคนดูแลพวกมันซะส่วนใหญ่ ทั้งเปลี่ยนน้ำ ให้อาหาร ฉันจะทำซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าเขาอยู่ เขาก็จะเป็นคนให้อาหารเองค่ะ”
เนื่องจากมีคนเล่นด้วย พวกปลาก็ว่ายกันอย่างสนุกสนาน หลินซินเหยียนเห็นแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
“ได้ยินว่า ปลามีความทรงจำแค่เจ็ดวิเท่านั้น ถ้าคนเราสามารถเลือกที่จะลืมเรื่องบางอย่างได้ก็คงจะดี” จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทุ้มลึกของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง หลินซินเหยียนหันหลังไป แล้วก็ได้เห็นไป๋ยิ่นหนิงบังคับรถเข็นตรงมาทางนี้
“คุณรอนานรึยังครับ?” ไป๋ยิ่นหนิงถาม
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ฉันเองก็เพิ่งถึงเหมือนกัน”
ไป๋ยิ่นหนิงบังคับรถเข็นมาที่หน้าตู้ปลา แล้วโบกมือให้เสี่ยวหลิว “เธอออกไปก่อน ไปเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู อย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
เสี่ยวหลิวมองหน้าหลินซินเหยียนแล้วหันไปมองไป๋ยิ่นหนิง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าแล้วเดินจากไป เดินออกจากห้องปิดประตูลง
ห้องรับแขกที่กว้างใหญ่ เงียบลงในทันที
หลินซินเหยียนมองไปยังประตูที่ปิดลง แล้วเลิกคิ้วขึ้น “คุณมีเรื่องที่เป็นความลับอะไรต้องพูดเหรอคะ?”
ไม่อย่างนั้นพอเสี่ยวหลิวไปแล้ว ยังจะห้ามคนอื่นเข้ามาอีกทำไม
ไป๋ยิ่นหนิงค่อนข้างสงบ “ใช่ครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
แต่ มันไม่ใช่ความลับอะไร
“เรื่องอะไรคะ?”
“นั่งก่อนเถอะครับ” ไป๋ยิ่นหนิงบังขับรถเข็นไปทางโซฟา
หลินซินเหยียนตามหลังเขามา นั่งลงบนโซฟา กาแฟที่เสี่ยวหลิวชงมายังคงร้อนอยู่ เธอยกขึ้นมาจิบไปคำหนึ่ง ตอนที่วางแก้วลงก็ได้ยินไป๋ยิ่นหนิงพูดขึ้นว่า “คนไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด แถมยังไม่ยอมพบหน้าผมอีก”
มือข้างที่หลินซินเหยียนใช้วางแก้วลงชะงักไปเล็กน้อย เธอไม่ได้สนใจ และรู้ดีว่าคนที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดถึงนั้นคือใคร ตอนนี้เธอยิ่งเต็มใจจะเป็นคนที่คอยรับฟังแล้ว
“ผมรู้ดี ว่าเธอรู้สึกว่าไม่มีหน้ามาพบผม” ไป๋ยิ่นหนิงพูดกับตัวเอง ตอนนี้เขาต้องการพูดคุยกับใครสักคนจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกอึดอัดมาก “หมอบอกว่าสุขภาพของเธอไม่ดี ผมเตรียมที่จะส่งเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรังแล้ว”
เขาอยากให้ในอนาคตเหยาชิงชิงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไป
“ผมส่งคนไปค้นหาหลักฐานที่คนของตระกูลเหยากระทำกับเธออย่างโหดเหี้ยมแล้ว ผมคิดว่าอีกไม่นาน คนร้ายก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมายแน่นอน”
ตอนที่พูดแบบนั้นออกมา ไป๋ยิ่นหนิงดูใจเย็นมาก หลังจากทำความเข้าใจกับข้อมูลไปคืนหนึ่ง สภาพจิตใจของเขาก็สงบลงแล้ว
“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ เชื่อว่าคุณสามารถทำมันได้ดี” จากฐานะของไป๋ยิ่นหนิงที่อยู่ตรงนี้ คิดว่าการที่จะเล่นงานคนร้ายแค่สองคน ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นอะไร
ไป๋ยิ่นหนิงจ้องมองมาที่หลินซินเหยียน “คุณเชื่อใจผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนยิ้มออกมา “ไม่ใช่เชื่อใจคุณ คุณแค่มีความสามารถมากพอเท่านั้น”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “นี่คุณคิดจะตัดขาดกับผมแล้วใช่มั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนหมุนแก้วกาแฟที่อยู่บนโต๊ะ “ถ้าฉันคิดจะตัดขาดกับคุณจริง วันนี้ฉันก็คงไม่มาหรอกค่ะ”
เจอกันสักครั้ง ไม่ถูกเข้าใจผิดและไม่ถูกเกลียด แล้วจะไปตัดขาดได้ยังไงล่ะ?
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ก็จริงครับ”
หลินซินเหยียนเหลือบตาขึ้นมอง “เรื่องที่คุณตั้งใจจะพูดกับฉันก็คือเรื่องนี้ใช่มั้ยคะ?”
ไป๋ยิ่นหนิงจ้องเขม็งมาที่หลินซินเหยียนอยู่พักหนึ่ง ในใจรู้สึกวุ่นวาย แต่ก็ยังตัดสินใจถามออกไปว่า “คุณเคยเจอเฉิงยู่ซิ่วมั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนรู้สึกแปลกใจ เพราะไป๋ยิ่นหนิงนั้นเปลี่ยนเรื่องเร็วเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังคุยเรื่องของเหยาชิงชิงกันอยู่เลย แล้วจู่ๆ ทำไมเขาถึงพูดถึง เฉิงยู่ซิ่วได้ล่ะ?
อีกอย่าง เขารู้จักเฉิงยู่ซิ่วด้วย
แต่พอนึกถึงไป๋หงเฟยที่เป็นพ่อบุญธรรมของเขา การที่เขาจะรู้เรื่องบางอย่างเข้า ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสงสัยอะไร
“เธออยู่ที่เมืองB แล้วฉันจะไปเจอเธอได้ยังไงล่ะคะ?” หลินซินเหยียนเหลือบลงไปมองกาแฟที่อยู่ในแก้ว เธอเคยรับปากเฉิงยู่ซิ่วไว้แล้ว
เธอเรื่องนี้แม้แต่จงจิ่งห้าวเธอยังไม่บอกเลย แต่ไม่มีทางพูดกับไป๋ยิ่นหนิงอยู่แล้ว
ไป๋ยิ่นหนิงจ้องมองมาที่เธอ “กับผมคุณก็ยังไม่ยอมพูดอะไรเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนมองมาที่เขา “ถ้าฉันเคยเจอเธอแล้วมันจะทำไม? แล้วถ้าไม่เคยเจอแล้วมันจะทำไมเหรอคะ?”
“ผมอยากรู้ว่าเธอพูดอะไรกับคุณ” ไป๋ยิ่นหนิงพูดจุดประสงค์ของเขาออกมา
ไม่รอให้หลินซินเหยียนได้ตอบ เขาก็เล่าเรื่องที่ตัวเองรู้ออกมาก่อน “อาจารย์ที่สอนให้คุณทำผ้าไหมกวางตุ้งเป็นพี่ชายของเฉิงยู่ซิ่วเฉิงยู่เวินเฉิงยู่ซิ่วเป็นรักแรกของพ่อบุญธรรมผม การที่เขาไม่แต่งงานตลอดชีวิตก็เพราะเธอ ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อบุญธรรมของผมเคยถูกคนตัดนิ้วมือไป ผมไม่ปิดบัง ตอนนี้ผมกำลังสืบหาคนที่ตัดนิ้วมือเขาอยู่”
สองมือของหลินซินเหยียนกำไว้อย่างแน่นๆ ไป๋หงเฟยถูกคนตัดนิ้วมืออย่างนั้นเหรอ?
ความคิดของเธอแล่นไปอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเฉิงยู่ซิ่วบอกแค่ว่าเหวินชิงใช้ไป๋หงเฟยข่มขู่ให้เธอโทรหาจงฉีเฟิงสายนั้น แต่ไม่ได้บอกว่า เหวินชิงนั้นใช้วิธีที่โหดเหี้ยมอะไรในการบังคับเธอเลย
จะบอกว่า เหวินชิงใช้วิธีการตัดนิ้วของไป๋หงเฟยมาขู่บังคับเฉิงยู่ซิ่วให้โทรศัพท์อย่างนั้นเหรอ?
“เขาเลี้ยงดูผมมา ส่งต่อกิจการให้ผม ผมจึงต้องทำอะไรเพื่อเขาบ้าง” ไป๋ยิ่นหนิงจ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของหลินซินเหยียน เขารู้ดี หลินซินเหยียนต้องรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแน่นอน และยังรู้อีกว่าใครเป็นคนที่ตัดนิ้วของพ่อบุญธรรมเขาไป
หลินซินเหยียนเองก็รู้สึกปวดหัวเหมือนกัน ตระกูลเหวินไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์กับตระกูลจง
ถ้าเธอเกิดพูดออกไป แล้วไป๋ยิ่นหนิงไปหา ตระกูลเหวินเพื่อแก้แค้น แบบนี้มันจะทำให้เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นถูกขุดขึ้นมารึเปล่านะ?
ตอนนั้น ฐานะของจงจิ่งห้าวก็คงปิดบังไม่ได้อีกแล้ว
ไม่ เธอจะยอมเสี่ยงไม่ได้
“ฉันไม่รู้___”
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เสี่ยวหลิววิ่งเข้ามาด้วยความแตกตื่น “แย่แล้วค่ะ มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นที่หน้าประตูค่ะ”