กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่263 คุณคิดว่าผมโหดเหี้ยมมั้ย
เหยาปินรู้สึกสับสนแล้ว เขามองไปที่ไป๋ยิ่นหนิง “คุณ นี่ นี่ นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ไป๋ยิ่นหนิงยักคิ้วแล้วยิ้มออกมา “ดูเหมือนคุณจะชอบใช้กำลังในการตัดสินปัญหาอยู่แล้วนี่ พอดีเลยผมเองก็ชอบแบบนั้นเหมือนกัน”
“แก!” เหยาปินชี้มาที่ไป๋ยิ่นหนิง “นี่แกหลอกฉันเหรอ?”
ไป๋ยิ่นหนิงหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิม ทั้งเย่อหยิ่งทั้งเยือกเย็น “ผมเคยบอกคุณเหรอว่าผมจะไม่ลงมือ?”
มีคนโน้มตัวมาเตือนเหยาปินที่ข้างหู “เหมือนเขาจะไม่เคยพูดจริงๆ นะ”
เหยาปินมีความรู้สึกเหมือนถูกคนหลอกจนอับอาย เขาถีบใส่คนที่เพิ่งพูดเมื่อกี้ แล้วตำหนิไปว่า “เรื่องของฉัน ต้องให้แกมาสอนต้องแต่เมื่อไหร่?!”
“เหยาปินนี่นายบ้าไปแล้วรึไง?!” คนที่เพิ่งถูกถีบเอามือกุมท้องตัวงอ แล้วถลึงตาใส่เขา
“ฉันเคยกลัวใครด้วยเหรอ?” เหยาปินทำตาดุดัน ชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากเอว แล้วพุ่งเข้าใส่คนของไป๋ยิ่นหนิงทันที
อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ พอเขาลงมือก็ถูกจับข้อมือไว้ทันที บิดข้อมือ มีดสั้นก็ตกลงพื้น
ไป๋ยิ่นหนิงต้องการใช้กฎหมายทำให้คนที่รังแกเหยาชิงชิงต้องได้รับโทษ แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็จะทำให้เหยาปินต้องลำบากนิดหนึ่ง
“พวกคุณจัดการได้เต็มที่เลย ขอแค่ไม่ตาย ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างแทนเอง”
เมื่อได้ยินไป๋ยิ่นหนิงพูดออกมาแบบนั้น คนกลุ่มนั้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก เอาไม้เบสบอลออกมา จากนั้นก็เข้าไปรุมตีพวกของเหยาปินอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ว่าพวกเหยาปินไม่อยากเอาคืนนะ แต่เป็นเพราะคนของฝ่ายไป๋ยิ่นหนิงนั้นมีเยอะเกินไป คนหลายคนรุมตีคนหนึ่งคน มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสวนกลับได้
การ ‘สู้รบ’ ในครั้งนี้ ไป๋ยิ่นหนิงอาศัยความได้เปรียบ รุมตีจนคนฝ่ายเหยาปินต้องร้องขอชีวิตเลย
ท่ามกลางเสียง ‘ร้องโหยหวน’ ก็มีคนร้องขึ้นมาว่า “พวกคุณหยุดเถอะ เราไม่กล้าแล้ว”
พวกเขาถูกกระทืบจนนอนเอามือกุมหัวอยู่บนพื้น นอนขดตัวอย่างกับเม่น
“ถูกต้องถูกต้อง พวกเราไม่ได้ตั้งใจมากวนประสาทนะครับ เหยาปินเลย เป็นเพราะเหยาปินทั้งนั้น……”
“ไอ้พวกปอดแหก!” เหยาปินรู้สึกเกลียดไอ้พวกขี้ขลาดพวกนี้ แค่โดนไปสองทีก็ร้องของชีวิตแล้ว ถ้าพวกเขาสู้อย่างสุดกำลังก็ยังพอมีหวังที่จะสู้ไหวบ้าง
ไป๋ยิ่นหนิงนั่งอย่างมั่นคงอยู่ตรงนั้น เขาหันมาสั่งเสี่ยวหลิวว่า “ไปยกเก้าอี้มาให้คุณหลินสักตัว สถานการณ์แบบนี้มันไม่ได้หาดูกันง่ายๆ”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วแน่น ไป๋ยิ่นหนิงที่หัวรุนแรงและเลือดเย็นแบบนี้ หลินซินเหยียนเพิ่งเคยเจอครั้งแรกเลย
“คนพวกนี้นะ สิ่งที่ขาดไปก็คือการอบรมสั่งสอน พวกเขาคิดว่าหลังจากที่ผมส่งพวกเขาไปขังแค่ไม่กี่วัน จากนั้นก็ไม่มีอะไร ออกมาก่อเรื่องเหมือนเดิม วันนี้ผมจะเป็ตัวแทนพ่อแม่ของพวกเขา สั่งสอนพวกคุณให้ได้รับบทเรียนเอง สอนให้รู้ว่าต้องทำตัวยังไง!”
“คุณหลินคะ” เสี่ยวหลิวยกเก้าอี้มาวางไว้ด้านหลังหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนไม่ได้อยากจะดูภาพเหตุการณ์แบบนี้เลย นักเลงสิบกว่าคนนั้นได้เงียบไปนานแล้ว ได้ยินแค่เสียงของไม้เบสบอลที่กระทบเข้ากับร่างกายเท่านั้น
ไป๋ยิ่นหนิงหันไปมองเธอ “คุณคิดว่าผมโหดเหี้ยมมั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนเม้มปากไม่พูด ในโลกใบนี้มีเรื่องดีและชั่วมากมาย เธอที่เล็กจ้อยขนาดนี้ จะไปตัดสินได้ยังไง
ในความรู้สึกของเธอ เธอเองก็เห็นด้วยกับวิธีการของไป๋ยิ่นหนิงเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากมองดูมันแบบตรงๆ
เกาหยวนเดินเข้ามาถาม “ตอนนี้ให้ทำยังไงต่อครับ?”
ไป๋ยิ่นหนิงหันมามองเกาหยวน รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับคำถามที่เขาถามมา ติดตามตัวเองมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าตัวเองนั้นคิดอะไรอยู่?
ทันใดนั้นเกาหยวนก็เข้าใจทันที “จับไปส่งตำรวจ” พูดจบเขาก็ไปจัดการกับพวกนักเลงที่ถูกกระทืบจนหมดสติไปแล้ว
“ประธานไป๋” ชายที่ร่างกายผมบางและดูเรียบร้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาคือหัวหน้าที่พาคนหลายสิบคนนั้นมา และเป็นนักเลงเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเขาจะคุ้นเคยกับไป๋ยิ่นหนิงมาก
“ไปบอกนายท่านของคุณ ว่าบุญคุณครั้งนี้ผมจำไว้แล้ว เดี๋ยววันหลังผมจะไปเยี่ยมเขาด้วยตนเอง” ไป๋ยิ่นหนิงพูดกับชายหนุ่มคนนั้น
ชายหนุ่มยิ้มออกมา “เดี๋ยวผมจะไปรายงานให้แน่นอนครับ ตรงนี้ก็ยกให้ประธานไป๋จัดการเลยนะครับ ผมขอพาพวกกลับก่อน”
ไป๋ยิ่นหนิงพยักหน้า
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ที่หน้าประตูวิลล่าก็ถูกจัดการจนสะอาดสะอ้าน ไป๋ยิ่นหนิงมองดูเวลา “ใกล้เที่ยงแล้ว เราหาอะไรทานกันเถอะครับ”
หลินซินเหยียนปฏิเสธไปทันที “เสี่ยวเฉินกับเสี่ยวลุ่ยรอฉันอยู่ ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ระหว่างที่พูดหลินซินเหยียนก็เดินไปทางหน้าประตูแล้ว สายลมเบาๆ พัดผ่าน เหมือนยังสามารถได้กลิ่นคาวเลือดที่ลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศได้อยู่เลย เธอรวบเสื้อโค้ทเข้ามาแล้วเร่งฝีเท้าออกไป
ที่ที่วิลล่าตั้งอยู่นั้นโบกรถได้ค่อนข้างยาก หลังออกจากประตูของวิลล่า เธอก็เดินตรงไปทางถนนเส้นหลัก ทางนั้นมีรถวิ่งมากกว่า โบกรถง่ายกว่า
ตี๊ดๆ…
มีแสงไฟกะพริบปริบๆ หลินซินเหยียนเดินหลบไปข้างๆ
“ผมไปส่งครับ”
หลินซินเหยียนหันไปก็พบไป๋ยิ่นหนิงที่ลดกระจกรถลงมาแล้วกำลังมองมาที่เธออยู่ “ตรงนี้มันโบกรถยาก”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ทำไม กลัวผมจะจับตัวคุณไปอย่างนั้นเหรอครับ?”
เขาถึงขั้นขับรถตามออกมาแล้ว เธอก็ยากที่จะปฏิเสธอีก จึงได้ขึ้นรถไป
“การที่คุณเอาแต่ปฏิเสธผมแบบนี้ กลัวประธานจงจะหึงใช้มั้ยครับ?”
พอหลินซินเหยียนขึ้นรถ ก็ได้ยินไป๋ยิ่นหนิงพูดขึ้นทันที
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา
ไป๋ยิ่นหนิงนึกว่าเธอจะปฏิเสธ ไม่คิดว่าจะได้ยินเธอพ฿ดออกมาว่า “เขาเป็นสามีของฉัน ฉันก็ต้องใส่ใจกับความรู้สึกของเขาอยู่แล้วค่ะ”
จู่ๆ หัวใจของไป๋ยิ่นหนิง ก็เกิดแผลขึ้นแผลหนึ่ง เขาฝืนยิ้มออกมา “ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาดีถึงขนาดนั้นเลย”
หลินซินเหยียนแค่ยิ้มๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
ทันใดนั้นภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบ หลินซินเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่าง โดยไม่พูดอะไรเลย ไป๋ยิ่นหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขากลัวว่าตัวเองจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม
ไม่มีความเจ็บแบบไหนจะลึกซึ้งไปกว่าหัวใจที่ถูกบีบรัดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองชอบ ไปใส่ใจคนอื่นหรอก
การที่ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกัน สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือจู่ๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบ
“ผมมีข้อสันนิษฐานหนึ่ง” จู่ๆ ไป๋ยิ่นหนิงก็พูดขึ้น
หลินซินเหยียนถาม “ข้อสันนิษฐานอะไรเหรอคะ?”
“จงจิ่งห้าวอาจจะเป็นลูกสาวของเฉิงยู่ซิ่ว” ไป๋ยิ่นหนิงแค่สันนิษฐานเท่านั้น สันนิษฐานจากข้อมูลที่เขามี
“ไป๋หงเฟยพ่อบุญธรรมของผม บอกให้ผมแต่งงานกับลูกสาวของเฉิงยู่ซิ่ว หรือก็คือ เขารู้ว่าเฉิงยู่ซิ่วเคยมีลูกสาว เธอไปแต่งงานกับจงฉีเฟิง แล้วคุณคิดว่าลูกสาวของเธอไปอยู่ไหนแล้วครับ?”
หลินซินเหยียนนึกไม่ถึงว่าไป๋ยิ่นหนิงจะคาดเดาถึงขั้นนี้ได้ ในใจรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที แต่ก็สงบลงได้ในที่สุดเธอแสดงสีหน้าออกมาอย่างใจเย็น “ประธานไป๋นี่จินตนาการเก่งมากเลยนะคะ”
ไป๋ยิ่นหนิงยิ้ม “ที่ผมทายไปมันไม่ถูกเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน แล้วพูดอย่างมีลับลมคมใน “คุณพูดเองนี่ว่าเป็นการทาย งั้นก็แสดงว่าไม่มีหลักฐาน อีกอย่างการที่คุณมาถามฉันแบบนี้ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ?”
ในตอนนี้ รถได้มาจอดอยู่ที่หน้าโรงแรมแล้ว หลินซินเหยียนเปิดประตูรถออก “ฉันไปก่อนนะคะ”
ตอนที่เธอลุกขึ้น เสื้อโค้ทของเธอก็ไปติดอยู่ช่องว่างช่องหนึ่ง ไป๋ยิ่นหนิงยื่นมือไปช่วยเธอดึงออก “รถของผมคันนี้ได้รับการปรับแต่มาโดยเฉพาะ สงสัยตรงนี้จะทำออกมาได้ไม่ดี ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีช่องว่างช่องใหญ่ขนาดนี้”
เนื่องจากรถส่วนตัวของเขาต้องทำให้รถเข็นสามารถขึ้นลงได้ จึงได้มีการปรับแต่งข้างในมาก่อน
ไป๋ยิ่นหนิงเอนตัวมา ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก โดยเฉพาะเวลาที่มองมาจากด้านนอก เหมือนทั้งสองคนกำลังกระซิบข้างหูกันอยู่ กำลังบอกความลับอะไรให้กัน ดูสนิทกันมาก
“ได้แล้วครับ” เมื่อเอาชายเสื้อที่ติดอยู่ตรงช่องว่างออกมาได้ ไป๋ยิ่นหนิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมต้องชดใช้เสื้อโค้ทให้คุณสักตัวแล้วใช่มั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนพูดออกมาอย่างเรียบเฉยว่า “ประธานไป๋เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”
พูดจบ เธอก็ก้าวลงจากรถ
ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นชายหนุ่มที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าประตู
หลินซินเหยียน “……”