กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่268การทะเลาะกันของคู่รัก
ในจังหวะที่ถูกคนจับเข้าที่ข้อมือนั้น หลินซินเหยียนตกใจจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกไปทั้งตัว “คุณเป็นใคร?” เสียงที่ตื่นเต้นของเธอพลอยสั่นไปด้วย ในใจรู้สึกกังวลมาก
เหอรุ่ยเจ๋อหันมาแล้วดึงหน้ากากลง
ในจังหวะที่เห็นใบหน้าของเขา ใบหน้าของหลินซินเหยียนนั้นซีดจนแทบไม่เหลือเลือดแล้ว
เขา เขาคือ เหอรุ่ยเจ๋อ
เธอหวาดกลัวผู้ชายที่กักขังเธอ ผู้ชายที่ทำร้ายเธอคนนี้
เธอตำหนิได้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ “คุณปล่อยฉันนะ!”
เหอรุ่ยเจ๋อจับมือเธอไม่ยอมปล่อย เขากัดฟันแน่ “ผมไม่ปล่อย!”
ผ่านมานานมาก กว่าเขาจะหาโอกาสนี้ได้ แล้วจะให้ปล่อยมือง่ายๆ ได้ยังไง!
ตรงนี้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาค่อนข้างเยอะ พอเห็นทั้งสองพัวพันกันอยู่แบบนั้น ก็มีบางคนที่หยุดเดินแล้วหันมามอง
หลินซินเหยียนไม่อยากถูกจับอีกครั้ง เธอจึงตะโกนออกมาว่า “ฉันไม่รู้จักคุณ โปรดรีบปล่อยมือของฉันด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”
ไม่นานก็สามารถดึงดูดสายตาของคนมากมายเข้ามาได้
เหอรุ่ยเจ๋อรู้สึกกระวนกระวายไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติได้ แล้วดึงหลินซินเหยียนเข้ามากอดไว้ “ก็แค่ความเห็นไม่ตรงกัน มันต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เขาหันไปอธิบายกับกลุ่มคนที่หันมามอง “ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไปรบกวนพวกคุณเข้า เธอเป็นแฟนของผม พอดีเธอกำลังเถียงกับผมอยู่”
หลังเสียงถอนหายใจดังขึ้น ก็มีคนที่เข้าใจว่าตัวเองหวังดีได้เดินเข้ามาเกลี้ยกล่อมหลินซินเหยียนว่า “นี่สาวน้อย อย่าเอาแต่ใจแบบนี้สิ ตรงนี้คนเยอะจะตาย การที่มาทะเลาะกับแฟนหนุ่มแบบนี้ แฟนหนุ่มของเธอจะเสียหน้ามากเลยนะ”
หลินซินเหยียนส่ายหน้าสุดชีวิต “ฉันไม่ใช่แฟนของเขา ฉันไม่รู้จักเขา……”
“ผมผิดไปแล้ว เหยียนเหยียนผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทำให้คุณโกรธอีก คุณเลิกโกรธได้แล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
เหอรุ่ยเจ๋อกอดเข้าไปที่เอวของเธอ แล้วลากออกไปข้างนอก
เมื่อรู้ว่าทั้งสองเป็น ‘คู่รักที่ทะเลาะกัน’ ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยอีก
กลับกัน มีคนหลายคนหันไปช่วยเหอรุ่ยเจ๋อด้วย รู้สึกว่าหลินซินเหยียนนั้นเอะอะโวยวายเพราะความไร้เดียงสา อยู่ข้างนอกยังมาทะเลาะกับแฟนหนุ่มแบบนี้อีก ไม่สนใจภาพลักษณ์ของแฟนตัวเองเลย
ไม่มีใครช่วยเธอหรอก หลินซินเหยียนกำสองมือแน่น ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ย่อตัวลงอย่างกะทันหัน อาศัยจังหวะที่เหอรุ่ยเจ๋อคว้าตัวเธอนั้นจับแขนของเขาไว้แล้วกัดลงไป
ด้วยความเจ็บปวด ทำให้แรงที่มือของเหอรุ่ยเจ๋อลดลง หลินซินเหยียนจึงถือโอกาสนี้หนีออกมาจากการควบคุมของเขาได้สำเร็จ แต่พอวิ่งออกไปได้ไม่ไกล ก็ถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ เธอหันไปมอง คนที่เธอไม่รู้จัก
“อย่าเอาแต่ใจแบบนี้สิ ดูสิแฟนของเธอถูกเธอกัดจนเจ็บขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้?”
“ฉันไม่ใช่แฟนของเขา!” เธอพูดทุกคำออกมาอย่างดุร้ายและทุ้มต่ำ
คนคนนั้นชะงักไป ปล่อยมือออก ราวกับถูกความเดือดดาลของหลินซินเหยียนทำให้ตกใจเข้า
“เหยียนเหยียน……” เหอรุ่ยเจ๋อคว้ามือของเธอเอาไว้
“ปล่อยเธอนะ!” ทันใดนั้นเอง คนขับรถก็วิ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว พอเหอรุ่ยเจ๋อเห็นท่าไม่ดีจึงได้ปล่อยมือออกจากหลินซินเหยียน แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
คนขับตั้งใจจะวิ่งตามไป แต่หลินซินเหยียนก็ห้ามเขาเอาไว้ “ไม่ต้องตามแล้ว ในนี้มีคนเยอะมาก แค่หาที่หลบคุณก็หาไม่เจอแล้วค่ะ”
คนขับรถเดินเข้ามาหาหลินซินเหยียน “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “เราไปกันเถอะค่ะ”
“นี่เธอไม่ใช่แฟนของเขาจริงๆ เหรอเนี่ย?” คนที่เพิ่งช่วยเหอรุ่ยเจ๋อจับแขนหลินซินเหยียนไว้ ยืนอึ้งอยู่กับที่ ตอนแรกเขาตั้งใจจะช่วยด้วยความหวังดี แต่สุดท้ายเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้น
หลินซินเหยียนหันมามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาโดยไม่พูดอะไรเลย
เป็นเหอรุ่ยเจ๋อที่หน้าด้าน บอกว่าเธอเป็นแฟนของเขา จึงทำให้คนพวกนี้เกิดเข้าใจผิด และพากันพูดแทนเขาไปด้วย
ถ้าคนขับรถไม่ได้ตามมาช่วยละก็ เธอก็ไม่รู้แล้วว่าจะหนีพ้นไปได้ยังไง
คนขับรถเดินตามเธอไม่ยอมห่างจนออกจากศูนย์การค้าไป พอนั่งเข้าไปในรถ ความตึงเครียดที่หลินซินเหยียนมีถึงค่อยๆ ทุเลาลง เธอยังรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอยู่เลย
ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาเหอรุ่ยเจ๋อจะคอยสะกดรอยตามเธออย่างเงียบๆมาโดยตลอดรึเปล่านะ? พอมีโอกาสก็รีบพุ่งเข้ามาทันทีแบบนี้ได้?
เธอไม่รู้ ในหัวคาดการณ์ไปต่างๆ นานา และมีความวิตกกังวลมากมาย เธอไม่รู้ว่าครั้งต่อไปเขาจะออกมาอีกเมื่อไหร่
การมีอยู่ของเหอรุ่ยเจ๋อก็เหมือนระเบิดลูกหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามันจะระเบิดเมื่อไหร่ คอยคุกคามเธออยู่ตลอดเวลา
ระหว่างที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น รถก็ขับมาถึงโรงแรมแล้ว
คนขับรถมาเปิดประตูให้เธอ “คุณหลิน ถึงแล้วครับ”
เสียงของคนขับรถดึงสติของเธอกลับมาอีกครั้ง เธอโน้มตัวลงจากรถ อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในใจมันหวาดระแวงไปเองรึเปล่า มันเอาแต่รู้สึกว่าเหอรุ่ยเจ๋อหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วคอยแอบมองเธออยู่
“ที่นี่เป็นอาณาจักรของเรา มันไม่กล้าออกมาง่ายๆ หรอกครับ” คนขับรถบอกกับเธอ
หลินซินเหยียนพยักหน้า หยิบของขึ้นมาแล้วเดินเข้าโรงแรมไป
ระหว่างที่เดินจากห้องโถงไปชั้นสอง เธอก็จะมองซ้ายมองขวาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่าที่นี่มีแต่คนของจงจิ่งห้าวทั้งนั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
เสียงติ้งดังขึ้น ลิฟต์ได้หยุดลง เธอก้าวเดินออกมา
“เสี่ยวลุ่ย เธออย่าปัญญาอ่อนแบบนั้นได้มั้ย?” หลินซีเฉินกัดฟันพูดกับน้องสาว
“ปัญญาอ่อนตรงไหนคะ? ก็หนูชอบเล่นแพล็นส์ วีเอส. ซอมบีส์แล้วมันจะทำไม?” หลินลุ่ยซีไม่รู้สึกว่าตัวเองปัญญาอ่อนแต่กลับเล่นมันอย่างเมามัน
“ดวงอาทิตย์ดวงอาทิตย์ เก็บดวงอาทิตย์ได้เยอะแยะเลย หนูสามารถปลูกปืนถั่วลันเตาได้แล้ว……” เด็กสาวพูดพึมพำกับตัวเอง
โดยไม่ได้สนใจคำ ‘ใส่ร้าย’ ว่าปัญญาอ่อนของพี่ชายเลย? เธอปัญญาอ่อนตรงไหนกัน?
หลินซีเฉินเอามือขยี้ผม เขาทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว แถมหลินลุ่ยซยังเปิดเสียงดังจนสนั่นอีก เขาฟังก็ถึงกันรำคาญ
“เสี่ยวเฉิน” หลินซินเหยียนยืนเรียกเขาอยู่ตรงหน้าประตู
หลินลุ่ยซีตอนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับเกมอยู่ จึงไม่ทันสังเกตว่าหลินซินเหยียนกลับมาแล้ว
“หม่ามี๊” หลินซีเฉินเดินเข้ามา อายุน้อยๆ คิ้วก็ขมวดเป็นปมแล้ว
หลินซินเหยียนยื่นมือไปคลายคิ้วที่ขมวดของเขาออก “เธอเป็นเด็กดี ช่วยหม่ามี๊ดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี ดังนั้น หม่ามี๊เลยอยากมอบของขวัญให้เธอชิ้นหนึ่ง”
สายตาของหลินซีเฉินเป็นประกาย “ของขวัญอะไรเหรอครับ?”
การได้รับของขวัญก็ต้องดีใจอยู่แล้ว
หลินซินเหยียนยื่นถุงใบหนึ่งให้เขา
หลินซีเฉินรีบรับมันมา หยิบกล่องที่อยู่ด้านในออกมา “รูบิคเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า แล้วตั้งใจพูดแซวเขาว่า “เจ้าของร้านบอกว่ามันเล่นยากมาก ไม่รู้ว่าเธอจะเล่นได้รึเปล่านะ”
หลินซีเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ แล้วก้มลงไปแกะต่อ เขาอยากรู้เหมือนกันว่ามันจะยากแค่ไหน เขาชอบของที่มีความท้าทายเป็นที่สุด
พอแกะออกมาเห็นของที่อยู่ในนั้น สายตาของหลินซีเฉินก็อึ้งไปเลย เขาเงยหน้าขึ้นมามองหลินซินเฉิน “หม่ามี๊ หม่ามี๊ไปซื้อมันมาจากไหนครับ?”
“หม่า หม่ามี๊ไปซื้อมันมาจากข้างนอก ทำไมเหรอ?” หลินซินเหยียนสับสนกับการแสดงออกของลูกชาย
“ผมชอบครับ” หลินซีเฉินดูตื่นเต้นมาก “ขอบคุณครับหม่ามี๊”
หลินซินเหยียนลูบหัวลูกชายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “เธอชอบก็ดีแล้ว”
“งั้นผมขอไปเล่นก่อนนะครับ?”
“ไปเถอะจ้ะ”
หลินซีเฉินวิ่งเข้าห้องไปนั่งลงบนโซฟา แล้วเริ่มวิเคราะห์รูบิคในมือ
หลินซินเหยียนยืดตัวตรง มองดูเด็กทั้งสองที่เงียบมาก เธอหมุนตัวเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง
จงจิ่งห้าวยังคงนั่งอยู่ตรงโซฟา โน๊ตบุ๊ควางอยู่บนตักและกำลังจัดการกับงานที่บริษัทอยู่ เหมือนกับตอนที่เธอจากไปเขาดูงานยุ่งมาก
สายตาของหลินซินเหยียนคล้อยต่ำลง เธอยกของขึ้นมาลดเสียงฝีเท้าลงแล้วเดินเข้ามา
วางของในมือลง หยิบกระดาษกับดินสอออกจากกระเป๋า แล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ
เธอไม่อยากจะรบกวนเขา
จงจิ่งห้าว “……”
เขารอเธอมาโดยตลอด รอมาตลอด พอได้ยินว่าเธอกลับมาแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่ารู้สึกดีใจขนาดไหน เดินไปที่หน้าประตู เห็นว่าเธอซื้อของขวัญให้หลินซีเฉิน
เพื่อไม่ให้หลินซินเหยียนสังเกตเหตุตนเอง เขาก็เดินกลับห้องอย่างเงียบๆ นั่งลงบนโซฟา แสร้งทำเป็นว่าตัวเองนั้นโกรธและยุ่งมาก
สายตาจ้องมองไปยังโน๊ตบุ๊ค แต่ในใจกลับกำลังคิดอยู่ว่าเธอไปไหนมา ซื้อของขวัญมาให้หลินซีเฉินด้วย ไม่รู้ว่าซื้อให้เขาด้วยรึเปล่า?
เขาแอบเฝ้ารอให้หลินซินเหยียนนั้นเข้ามา
แต่แล้ว……
เธอเข้ามาจริง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ ก็ออกไปอีกแล้ว
เขาวางโน๊ตบุ๊คลง เดินวนอยู่ในห้อง ผู้หญิงคนนี้จะเข้ามาง้อเขาหน่อยเลยไม่ได้รึไงเนี่ย?
ไม่เห็นรึไงว่าเขากำลังโกรธอยู่?
หรือเธอไม่ได้สนใจเขา?
แล้วเธอจะออกไปทำอะไรอีก?
จงจิ่งห้าวไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายเท่านี้มาก่อนเลย ในที่สุด เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว
เธอไม่มาหาเขา เขาก็สามารถไปหาเธอได้นี่
เขาจะไม่โกรธเคืองภรรยาของตัวเอง หลังเกลี้ยกล่อมตัวเองเสร็จแล้ว จงจิ่งห้าวก็เดินดุ่มๆ ออกจากห้อง แล้วเห็นหลินซินเหยียนที่อยู่ในส่วนลึกของทางเดิน