กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่270แต่งงานแล้ว
“นี่พวกคุณกำลังทำอะไรกันครับเนี่ย?” ซูจ้านยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ
จงจิ่งห้าวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนเขากำลังเกร็งอย่างหนัก เหมือนกำลังอุ้มหินก้อนแข็งๆ อยู่ไม่มีผิด รู้ว่าเธอขี้อาย จงจิ่งห้าวไม่ได้สนใจซูจ้าน เขาหมุนตัวแล้วเดินเข้าห้องไป
“สองคนนี้ มีความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูจ้านนั้นมองจนอึ้งไปเลย
ฉินยาหันมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วเดินเข้าห้องไปโดยที่ไม่พูดอะไร ซูจ้านรีบตามไป “ยายาครับ……”
“หยุดเรียกได้แล้ว!” ฉินยาคำรามออกมาเบาๆ “คุณช่วยทำตัวให้มันสมเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้มั้ย ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจบ้าง?”
“ได้ครับ” ซูจ้านกอดเธอไว้ “ถ้าคุณไม่ชอบอะไรก็บอกผมมา ผมจะยอมเปลี่ยนให้หมดเลยครับ”
มองดูสีหน้าที่จริงจังของซูจ้าน ฉินยาก็ชะงักไปแวบหนึ่ง
“เปลี่ยนจริงเหรอ?”
“จริงครับ” ซูจ้านตอบมาแบบไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เขามองเธอด้วยความจริงจังสุดๆ “เราแต่งงานกันเถอะครับ เรามาลองดู บางทีเราอาจจะเหมาะสมกันก็ได้นะครับ”
ฉินยาเงียบไปครู่หนึ่ง ได้แต่มองตรงมาที่ซูจ้าน จนผ่านไปสักพัก เธอถึงค่อยๆ เปิดปากออก “ค่ะ เรามาลองดูกัน”
ซูจ้านยิ้มออกมา แล้วกอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม
ในคืนนั้น เจ้าของร้านที่รับปากว่าจะเอาไข่มุกมาส่งนั้น ก็ได้เอาไข่มุกมาส่งตามที่นัดไว้ มีทั้งหมดสองแบบ แบบหนึ่งนั้นมีขนาดเท่าเม็ดถั่ว ส่วนอีกแบบก็ใหญ่เท่าเม็ดถั่วเขียว ทั้งหมดแปดร้อยเม็ด ทุกเม็ดสีสวยเงางาม
ถึงแม้เจ้าของร้านคนนี้จะอยากได้กำไรจากมันบ้างนิดหน่อยก็ตาม แต่คุณภาพของสินค้าก็ถือว่าใช้ได้ หลังจากที่หลินซินเหยียนรับของและจ่ายค่าไข่มุกไปแล้ว เธอยังจ่ายค่าขนส่งให้เจ้าของร้านอีกส่วนหนึ่ง เขาซื่อสัตย์ หลินซินเหยียนก็ยินดีที่จะจ่ายเพิ่มให้เขาอีกหน่อย
เธอหิ้วไข่มุกเข้าห้อง หลินซินเหยียนก็เริ่มเย็บชุดทันที เนื่องจากเวลาที่เหลือให้เธอมันไม่มาก
ผ้าลายลูกไม้ที่เธอซื้อมานั้น เอามาใช้เวลาติดผม ไข่มุกก็เอามาเย็บไว้ที่ขอบๆ เพราะในการออกแบบของเธอ เวลนั้นลากยาวพื้น ใช้ความยาวหกเมตร มีไข่มุกห้อยอยู่ข้างๆ หนึ่งเพื่อความสวยงาม สองเพื่อเวลาลากพื้นแล้วเวลจะไม่พันกัน
หลังกินข้าวเย็นเสร็จ จงจิ่งห้าวก็พาเด็กสองคนไปเล่น เธอกำลังตัดเย็บชุดอยู่ เด็กทั้งสองนอนแล้ว เขาก็ไปอาบน้ำ ตอนออกมาเธอยังนั่งเย็บอยู่บนโซฟาอยู่เลย
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วอย่างแรง “ผมจ่ายเงิน คุณอยากซื้อแบบไหนให้เธอก็ได้”
กว่าจะติดไข่มุกตั้งหลายร้อยเม็ดขึ้นไปได้ คงเหนื่อยแย่เลย
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “มันเป็นน้ำใจจากฉัน ไม่เกี่ยวกับเงินทองหรอกค่ะ”
อีกอย่าง นี่คืองานของเธอ เธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
ขอแค่เธอมีเวลา เธอก็จะตัดเย็บให้ลูกค้าด้วยตนเอง บางทีที่ยุ่ง ก็ต้องไหว้วานอาจารย์ให้ช่วยเย็บแทน
จงจิ่งห้าวเดินเข้ามาอยากจะนั่งลงข้างๆ เธอ พอย่อตัวลงมาจะนั่ง ก็ถูกหลินซินเหยียนใช้แรงผลักออก ตอนที่ทำงานเธอค่อนข้างที่จะเข้มงวด ตอนที่พูดใบหน้าก็ไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด “นั่งไม่ได้ค่ะ คุณไปนอนกับเด็กๆ นะคะ”
จงจิ่งห้าว “……”
มองดูใบหน้าของหลินซินเหยียน จงจิ่งเหยียนก็ต้องกลืนคำพูดที่วนอยู่ตรงปลายลิ้นลงคอไป ได้แต่ปีนขึ้นเตียงไปนอนกอดลูกสาว
เขาคิดในใจ เขาคงเป็นสามีที่น่าสงสารที่สุดในโลกแล้วมั้ง
มีลูกสองคนแล้ว แต่เคยมีอะไรกับภรรยาแค่ครั้งเดียว แถมยังเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีสติอีก แม้แต่ความทรงจำยังเลือนรางเลย
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองจงจิ่งห้าวที่เงียบไปแล้ว เธอก็สามารถทำงานอย่างตั้งใจได้แล้ว
ท้องฟ้ายิ่งดึกยิ่งมืด หลินซินเหยียนไม่รู้ตัวเลยว่านอนหลับไปตอนไหน ในความง่วงงุนนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนมีคนมาขยับตัวเธอ แต่ก็ลืมตาไม่ขึ้น ไม่นาน เธอก็รู้สึกว่าตัวเองได้นอนลงบนที่นอนที่แสนนุ่มนวล
เธอขยับเนื้อขยับตัว พอหาท่าทางสบายได้เธอก็นอนต่อ
สองวันนี้ทุกคนต่างก็ยุ่งกันมาก เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่ง หลินซินเหยียนก็นั่งเย็บชุดเจ้าสาวอยู่ในห้อง
ส่วนจงจิ่งห้าวนอกจากต้องยุ่งเรื่องงานแล้ว ก็ยังต้องเลี้ยงลูกทั้งสองคนอีก
เวลาสองวันนั้นสั้นมาก แปบเดียวก็ผ่านไปแล้ว
ไม่นานก็ถึงวันแต่งงาน วันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ยังดีที่งานถูกจัดขึ้นในที่ร่ม ได้ยินว่าซูจ้านได้จ้างออแกไนซ์มา สถานที่ถูกจัดออกมาได้ราวกับในฝัน ทั้งงานจัดด้วยสีม่วงเป็นหลัก เดิมทีสีม่วงก็เป็นสีที่ค่อนข้างลึกลับอยู่แล้ว พออามาใช้ในงานแต่งมันก็ไม่ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์น้อยลง ทั้งทางการและจริงจัง
ในห้องนั่งเล่น หลินซินเหยียนได้เอาชุดที่เธอตัดเย็บเองกับมือสวมใส่ให้ฉินยา “ฉันไม่มีอะไรจะมอบให้คุณ ชุดเจ้าสาวชุดนี้ ก็ถือเป็นของขวัญวันแต่งงานที่ฉันมอบให้คุณแล้วกัน”
ฉินยามองดูเวลที่สวมอยู่บนหัว ดวงตาเปียกปอน “เวลาสั่นๆ แบบนี้ คุณเย็บไข่มุกมากมายแบบนี้ ต้องไม่ได้นอนเลยแน่นๆ”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นฉินยาที่น้ำตาคลอเบ้า จึงรีบดึงกระดาษมาสองแผ่นให้เธอเช็ดน้ำตา “วันนี้เป็นวันดีร้องไห้ไม่ได้ หน้าก็แต่งแล้ว”
“ขอบคุณนะ” ฉินยาสูดจมูก
“คุณเรียกฉันว่าพี่ เราก็เป็นพี่น้องกัน มาพูดขอบคุณมันก็ดูห่างเหินนะสิ” หลินซินเหยียนซับน้ำตาบนหน้าของเธอออก ฉินยาไม่มีญาติอยู่ในประเทศเลย หลินซินเหยียนก็คือญาติของเธอ
“ดูสิ เครื่องสำอางเลอะหมดแล้ว”
หลินซินเหยียนเรียกช่างแต่งหน้าเข้ามาเติมเครื่องสำอางให้เธอ
เครื่องสำอางเติมเสร็จได้อย่างรวดเร็ว หลินซินเหยียนนั่งอยู่ด้านหลังเธอ จัดชุดเจ้าสาวให้เธอ “ฉันไปดูในงานมาแล้ว ตกแต่งได้โรแมนติกมาก เห็นได้ชัดว่าซูจ้านนั้นตั้งใจมาก”
ฉินยามองดูตัวเองในกระจกแล้วไม่พูดอะไร เธอได้ตอบตกลงไปแล้ว จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ได้ ได้แต่หวังว่าซูจ้านจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจ
ถึงเวลาที่ฉินยาต้องเข้างานแล้ว เนื่องจากไม่มีญาติ เธอจึงต้องเดินขึ้นพรมแดงคนเดียว
เธอเหยียบลงบนพรมแดงที่โปรยเต็มไปด้วยดอกไม้ ค่อยๆ เดินผ่านซุ้มประตูแรกเข้ามา
หลินซินเหยียนเข้าใจในตัวฉินยามาก รู้ว่าเธอเหมาะกับชุดเจ้าสาวแบบไหน ต้องออกแบบแบบไหนถึงจะสามารถดึงเอาจุดเด่นของเธอออกมาได้ ฉินยามีรูปร่างที่เรียวบาง แต่หน้าอกนั้นเติบโตได้อย่างอวบอิ่ม ใส่เกาะอกถือว่าเหมาะสมที่สุด มันสามารถแสดงด้านเซ็กซี่ของเธอออกมาได้ ชายกระโปรงออกแบบให้เหมือนหางปลา กระโปรงทรงหางปลานั้นค่อนข้างต้องใส่ใจเรื่องสัดส่วนของเอว เอวต้องสมส่วนมากๆถึงจะทำให้กระโปรงทรงปลานั้นสามารถมีชีวิตขึ้นมาได้ ในส่วนนี้หลินซินเหยียนค่อนข้างมั่นใจในหุ่นของฉินยา แล้วก็เป็นไปตามนั้น เพราะตอนที่เธอเดินก็เหมือนกับหางปลาที่กำลังเคลื่อนไหวจริงๆ เอวที่เรียวบาง เมื่ออยู่ภายใต้ชุดที่ตัดเย็บอย่างสมส่วน สัดส่วนที่งดงามก็ถูกเผยออกมาอย่างเด่นชัด
เวลสีขาวบริสุทธิ์ราวกับนกยูงที่กำลังรำแพน เบ่งบานอยู่ด้านหลังเธอ บนนั้นยังมีไข่มุกน้อยใหญ่มากมายประดับอยู่ เหมือนกับดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ ทำให้เธอดูเหมือนกับนางฟ้าที่บินลงมาจากสวรรค์
ภายในงานนี้ ไม่ได้มีแขกอะไรมากมาย ไม่มีประตูเงินประตูทองกั้น เรียบง่าย ทางการ
ซูจ้านอยู่ในชุดTailcoatสีดำ ยืนอยู่ตรงสุดทางของพรมแดง มองดูหญิงสาวที่ค่อยๆ เดินใกล้เข้ามา
หลังตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง จู่ๆ แววตาของเขาก็ดูแน่วแน่ขึ้นมา
เธอเป็นหญิงสาวที่ใสซื่อและโดดเด่นมาก เป็นหญิงสาวที่ทำให้เขาอยากแต่งงานด้วย
สายตาของเขาค่อยๆ มองต่ำลง แล้วมุมปากก็แย้มขึ้น
ภายใต้เสียงเพลงอันไพเราะในงานแต่ง เธอเดินมาหาเขาอย่างช้าๆ ซูจ้านยื่นมือไปหาเธอ
ฉินยาลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็วางมือเข้าไปในฝ่ามือของเขา
แล้วเสียงของพิธีกรก็ดังขึ้น “วันนี้เป็นวันพิเศษของ คุณซูและคุณฉิน ขอเสียงปรบมือให้กับคู่บ่าวสาวด้วยครับ”
หญิงชรามาในชุดกี่เพ้าสีแดง มีผ้าคลุมขนมิงค์คลุมอยู่ที่ไหล่ ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้า เธอกำลังปรบมืออย่างแรง เพื่อแสดงความยินดีกับหลานชายของตัวเอง
เธอเฝ้ารอวันนี้นานมาก
ในที่สุดวันนี้ซูจ้านก็ได้แต่งงานแล้ว
“ไม่ทราบว่าคุณซู จะยอมรับคุณฉินเป็นภรรยามั้ยครับ นับจากนี้ไปมีกันและกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้าย จะมีหรือจน จะล้มป่วยหรือแข็งแรงก็ยังจะรักกันดังเดิม รักษามันไว้ จนวันตายถึงจะแยกจากกัน คุณยินดีมั้ยครับ?”