กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่297 อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครองครัว
- Home
- กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม
- บทที่297 อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครองครัว
“เหยียนเหยียน……” จวงจื่อจิ่นกุมมือสองข้างไว้ด้วยกัน ค่อนข้างลนลานใจ คิดไม่ถึงว่าหลินซินเหยียนจะมาที่บ้าน
หลินซินเหยียนไม่พูด เธอก็รู้ว่าวันนี้หลินซินเหยียนมาด้วยจุดประสงค์อะไร
“รีบนั่งเร็ว” หลินกั๋วอันที่อยู่ข้างๆคอยต้อนรับอย่างอบอุ่นมาก
หลินซินเหยียนนั่งลง แล้วมองหลินกั๋วอันแว๊บนึง “ถ้าฉันไม่ได้แต่งงานกับจงจิ่งห้าว คุณยังจะกลับมาแต่งงานกับแม่ฉันอีกครั้งมั้ย?”
สีหน้าของหลินกั๋วอันเปลี่ยนไปทันที ไม่นานก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นธรรมชาติ “นี่ลูกพูดอะไรน่ะ? ถึงแม้พ่อกับแม่เคยหย่ากัน แต่ก็ยังมีความรักความผูกพันให้กันอยู่”
หลินซินเหยียนหัวเราะเยาะ “อ้อ เหรอคะ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หลินกั๋วอันนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของหลินซินเหยียน และถือโอกาสดึงจวงจื่อจิ่นที่ยืนอยู่ทีนึง ให้ธอนั่งลงมาที่ข้างกายตัวเอง
“ไม่เชื่อ ลูกลองถามแม่ของลูกดูเลย”
สายตาของหลินซินเหยียนหันไปมองจวงจื่อจิ่น
จวงจื่อจิ่นมองหน้าลูกสาว และนั่งลงที่ข้างกายหลินกั๋วอัน “แม่ยังมีความรักให้พ่อของลูกอยู่……”
“แม่ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนเขาทำกับแม่ยังไง? ลืมไปแล้วเหรอว่าซินฉีตายยังไง?” หลินซินเหยียนโกรธ ถูกทำร้ายจิตใจถึงขั้นนั้นแล้ว ตอนนี้ยังมาบอกว่ายังมีเยื่อใยให้เขาอยู่?
หรือถูกทำร้ายจิตใจยังไม่ฝังลึกเข้าไปถึงรากพอ?
ยังอยากจะโดนอีกครั้งใช่มั้ย?
จงจิ่งห้าวกุมมือที่อารมณ์ขึ้นจนสั่นเทาของเธอไว้
หลินกั๋วอันที่อยู่ข้างๆฟังแล้วค่อนข้างมึนงง “ซินฉีคือใคร?”
หลินซินเหยียนหัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม แม่ยังไม่ได้บอกคุณเหรอ……”
“เหยียนเหยียน!” ทันใดนั้นจวงจื่อจิ่นได้ลุกขึ้นมา และจงใจพูดขัดจังหวะหลินซินเหยียน พูดตำหนิด้วยเสียงตึงเครียด “ลูกเห็นแม่มีความสุขไม่ได้ใช่มั้ย? แม่กับพ่อของลูกกลับมาแต่งงานใหม่อีกครั้ง เพราะแม่ยังรักเขาอยู่ เหตุผลง่ายๆแค่นี้เอง!”
เธอจะให้หลินกั๋วอันมารู้ตอนที่ใกล้จะตายว่าตัวเองเคยมีลูกชายคนนึง ให้เขาได้เจ็บปวดทุกข์ทรมาน และสำนึกผิด!
น้อยมากที่จวงจื่อจิ่นจะพูดจาเสียงดังขนาดนี้กับหลินซินเหยียน
ตอนนี้ เพราะหลินกั๋วอันแล้ว เธอกลับอารมณ์ขึ้นขนาดนี้
ริมฝีปากเธอสั่นเทาเล็กน้อย “แม่อยาก…อยากคืนดีกับเขาอีกครั้งจริงๆ?”
“จริงๆ!” จวงจื่อจิ่นไม่กล้ามองดวงตาที่เสียใจของหลินซินเหยียน
“ดี ดี ดีมาก งั้นหนูจะให้แม่ได้สมปรารถนา!” หลินซินเหยียนลุกขึ้น “วันนี้ก็ถือว่าหนูไม่เคยมาก็แล้วกัน”
พูดจบเธอได้ก้าวเท้าเดินออกจากวิลล่าอย่างไว จงจิ่งห้าวเดินตามเธอไป
จวงจื่อจิ่นเองก็ได้เดินตามออกมาด้วยความเป็นห่วง
เธอรู้ หลังจากวันนี้ เธอได้ทำร้ายจิตใจหลินซินเหยียนเข้าจริงแล้ว
นาทีนี้คงเสียใจจะแย่แล้ว
“ผมว่าเธอคงต้องการสงบสติอารมณ์ก่อนครับ” จงจิ่งห้าวมองหน้าจวงจื่อจิ่น
จวงจื่อจิ่นยืนอยู่กับที่พร้อมหลุบตาไว้ เธอร้อนตัว ไม่กล้ามองใครทั้งสิ้น “ต่อไปก็รบกวนนายดูแลเธอแล้วนะ”
“เธอเป็นภรรยาของผม ผมจะไม่ทำให้เธอเสียใจอยู่แล้วครับ” เสียงของเขาทุ้มต่ำมาก “คุณน้ามีอะไรลำบากใจ สามารถบอกผมได้นะครับ ผมช่วยคุณแม่ได้ครับ……”
“แม่ไม่มีอะไรลำบากใจหรอก” จวงจื่อจิ่นยังคงปากแข็งอีกเช่นเคย
จวงจื่อจิ่นไม่ยอมพูด ใครก็ช่วยเธอไม่ได้
จนถึงตอนนี้จงจิ่งห้าวก็ยังรู้สึกว่าที่จวงจื่อจิ่นทำแบบนี้ เพราะมีจุดประสงค์ของเธออยู่ดี เธอแค่ไม่พูดเฉยๆ
จงจิ่งห้าวมองเธอแว๊บนึงแล้วหันหลังขึ้นรถไป หลินซินเหยียนพิงอยู่ที่กระจกรถไม่พูดจา เหมือนถูกกระทบกระเทือนจิตใจมาก เธอนึกว่าเรื่องนี้จะสามารถพลิกผันได้ แต่ว่า จวงจื่อจิ่นได้ทำให้เธอรู้ว่าเธอคิดผิดไปแล้ว
เรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
เธอไม่สามารถพูดโน้มน้วจวงจื่อจิ่นได้ เห็นได้ชัดว่าเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้ชีวิตกับหลินกั๋วอันต่อ
เธอพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
เรื่องนี้ จงจิ่งห้าวไม่สามารถใช้คำพูดมาปลอบโยนเธอได้ เขาแค่กุมมือเธอไว้ และคอยปลอบโยนอย่างเงียบๆ
หลินซินเหยียนเช็ดหางตาทีนึง “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
เธออารมร์ร้อนเกินไป
“ขอแค่ท่านมีความสุขก็พอแล้วค่ะ” ที่จริงในใจเธอยังคงถือสาอยู่เช่นเคย แต่แค่ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของจวงจื่อจิ่น เลยฝืนให้ตัวเองยอมรับเฉยๆ
ตอนที่รถขับมาถึงหน้าบ้าน จงจิ่งห้าวเห็นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
หลินซินเหยยียนก็ดูออกอยู่ว่ารถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เหมือนเป็นรถของ……
เธอกับจงจิ่งห้าวสบตากันแว๊บนึง
ในใจของทั้งคู่ต่างก็รู้แล้ว
รถจอดสนิท พวกเขาได้เปิดประตูลงจากรถ
สีหน้าของจงจิ่งห้าวค่อนข้างบึ้งตึง พอเปิดประตู ลุงเฟิ๋งนั่งอยู่บนโซฟาของห้องรับแขก ได้ยินเสียงประตู เขาได้หันมามอง พอเห็นว่าเป็นจงจิ่งห้าวได้ลุกขึ้น “คุณชายครับ”
“ดึกป่านนี้แล้ว มีธุระอะไร?” ถามเรื่อยเปื่อยคำนึง แต่ในใจเขารู้ดีว่าต้องมีธุระแน่นอน ไม่งั้นเขาไม่มาหรอก
พูดอย่างแม่นยำกว่าคือ ถ้าไม่มีธุระ จงฉีเฟิงไม่ให้เขามาหรอก
“นี่ก็ใกล้ตรุษจีนไม่ใช่เหรอครับ? คุณท่านบอกว่าให้คุณชายพาเด็กๆไปฉลองตรุษจีนที่บ้านใหญ่ครับ” ลุงเฟิ๋งทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าบูดบึ้งของจงจิ่งห้าว และคอยพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ปีที่ผ่านๆมาก็ไม่เคยฉลองด้วยกันเลย” จงจิ่งห้าวช่วยหลินซินเหยียนถอดเสื้อคลุม และให้เธอกลับไปที่ห้องก่อน
หลินซินเหยียนกลับไม่เชื่อฟังเขากลับเข้าไปที่ห้องนอนก่อน แต่ได้มองหน้าจงจิ่งห้าวแล้วพูด “หรือไม่ เราไปเถอะค่ะ”
ต่อมาเธอก็ได้พูดเสริมอีก “เสี่ยวเฉินเสี่ยวลุ่ยโหยหาครอบครัวที่สมบูรณ์แบบมาโดยตลอด ที่ผ่านมาฉันไม่ได้ให้พวกเขาเลย ตอนนี้ พวกเขาสามารถมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เราไม่ควรกีดกัน คุณว่าถูกมั้ยคะ?”
หลินซินเหยียนรู้ว่าจงจิ่งห้าวมีอคติกับเฉิงยู่ซิ่ว ถ้าเธอไม่เอาเรื่องของลูกสองคนมาอ้าง คงพูดโน้มน้าวเขาไม่ได้แน่นอน
จงจิ่งห้าวเม้มปากไว้
หลินซินเหยียนพูดต่อ “ฉันรู้ว่าคุณมีอคติกับท่าน แต่คุณจะกีดกันไม่ให้ลูกๆอยู่กับคุณปู่พวกเขาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ได้มั้งคะ”
“ก็นั่นน่ะสิครับ คุณท่านอายุก็มากแล้ว เดิมทีควรจะได้เสพสุขที่ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ปีที่ผ่านๆมาคุณชายตัวคนเดียว ไม่ยอมกลับไป คุณท่านก็ไม่อยากฝืนใจคุณชาย แต่ปีนี้ไม่เหมือนกันนะครับ” ลุงเฟิ๋งพูดคล้อยตาม
จงจิ่งห้าวยังคงปากแข็งอีกเช่นเคย
หลินซินเหยียนถอนหายใจ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หัวดื้อขนาดนี้นะ?
“งั้นเราไปถามความคิดเห็นของลูกๆดู ให้พวกเขาตัดสินใจเอง? ว่าจะไปหรือไม่ไป?” หลินซินเหยียนแกล้งพูด
เพราะเธอรู้ว่าลูกทั้งสองสมัครใจไปแน่นอน ไม่ใช่เพราะมีความผูกพันกับทางจงฉีเฟิงหรอก แต่ว่า ลูกทั้งสองอยากมีครอบครัว และอยากให้ครอบครัวมีพ่อกับแม่ ปู่กับย่า
ยิ่งขาดอะไร ก็ยิ่งโหยหาสิ่งนั้น
ตั้งแต่เด็กพวกเขาก็ขาดความรักมากมาย
ถึงแม้ตอนนี้ไม่สามารถชดเชยสิ่งที่ขาดหายในวัยเด็ก แต่ตอนนี้ สามารถให้พวกเขาสัมผัสความอบอุ่นและบรรยากาศของครอบครัวที่ปกติ
ตรุษจีนนี้ เป็นโอกาสที่ดีทีเดียวเลย
อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว
“คุณรับปากเถอะนะ” หลินซินเหยียนดึงมือของเขาไว้
“ถ้าผมไม่รับปากล่ะ?” เขาหรี่ตาเล็กน้อย
ท่าทีของหลินซินเหยียน เหนือความคาดหมายของเขามาก
ปากก็บอกว่าเพื่อลูก แต่เขาสามารถรู้สึกได้ว่า เธออยากพูดโน้มน้าวให้เขาไปมาก
แถมดูเหมือนเธอไม่ได้เกลียดเฉิงยู่ซิ่วเลย
กำไลหยกที่เฉิงยู่ซิ่วมอบให้เธอ เธอก็ใส่ตลอด
เขาอดกุมมือแน่นไม่ได้
หลินซินเหยียนกัดริมฝีปากไว้ ทันใดนั้นตัดสินใจเด็ดขาด “ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ต่อไปฉันจะไม่มีลูกให้คุณอีก”
เธอพูดจบก็เดินจากไปเลย
ลุงเฟิ๋งอึ้งไปครู่นึง จากนั้นได้หัวเราะเหอะๆ เขารู้สึกว่าลักษณะนิสัยของคุณนายนี่ดีจังเลย
คนที่กล้าข่มขู่และอารมณ์ขึ้นต่อหน้าคุณชาย มีอยู่ไม่กี่คน เธอคือหนึ่งในนั้น
สายตาเย็นชาของจงจิ่งห้าวจ้องมาที่ลุงเฟิ๋ง ทันใดนั้นเขารีบเก็บเสียงทันที แม้แต่สายตาก็ไม่กล้าดูไปมั่ว
“เอ่อ……”
“พรุ่งนี้ผมจะพาคนไปเอง” จงจิ่งห้าวพูดด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นได้มองเขาแว๊บนึง “ดึกมากแล้ว รีบกลับไปเถอะ”
“โอเคครับ” จงจิ่งห้าวรับปากแล้ว ลุงเฟิ๋งรู้สึกดีใจใหญ่เลย กลับไปจะได้รายงานคุณท่านได้ถูก ที่สำคัญที่สุดคือ เขารู้สึกน่าสนใจ
ไม่นึกเลยว่าหลินซินเหยียนจะสามารถข่มขู่จงจิ่งห้าวได้