กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่317 ตามความสามารถของตนเอง
หลินซีเฉินนับเงินเสร็จ ยื่นเงินให้น้องสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมามองจงจิ่งห้าว กะพริบตาปริบๆ ขนตากระดุกกระดิก “คุณไม่รู้แม้กระทั่งวันเกิดของหม่ามี๊อย่างนั้นเหรอ คุณเป็นสามีประสาอะไรเนี่ย?”
จงจิ่งห้าว “……”
ถึงเขาจะสำลักจนพูดไม่ออกแล้วก็เถอะ อืม เขาเป็นสามีที่ไม่เอาไหนจริงๆ แต่งงานมาแล้วหกปี หลังผ่านพรุ่งนี้ไปก็จะเป็นปีที่เจ็ด อีกเดี๋ยวลูกๆ ก็จะหกขวบแล้ว แต่ยังไม่เคยได้เข้าหอเลย
เขามันไม่เอาไหนเลยไม่ใช่รึไง?
ไม่สามารถทำให้ภรรยา ‘มีความสุข’ ได้ มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด
ตอนนี้หลินซีเฉินยอมรับเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยลืมเรื่องที่เขาเคยทอดทิ้งพวกเขา ถ้าอยากได้หม่ามี๊คืน มันก็ต้องพยายามกันบ้าง
“คุณไปหาเอาเองเลย” หลินซีเฉินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่บอกเขาอย่างแน่นอน เอามือกอดอก “ผมจะใบ้ให้คุณอย่างหนึ่งนะ เหลือเวลาให้คุณไม่มากแล้ว”
จงจิ่งห้าวยักคิ้วขึ้น เหลือเวลาไม่มาก?
ไม่เท่ากับว่าอีกแค่ไม่กี่วันอย่างนั้นเหรอ?
จงจิ่งห้าวนั่งลง จ้องตากับลูกชายในระดับเดียวกัน “เธอเชื่อรึเปล่าว่าแค่คำถามเดียวฉันก็สามารถได้คำตอบแล้ว?”
หลินซินเหยียนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หันไปปิดปากน้องสาวอย่างรวดเร็ว
กลัวว่าเขาจะถามน้องสาว หลินลุ่ยซีนั้นไม่มีวุฒิภาวะ แถมยังติดจงจิ่งห้าวมากด้วย ถ้าไปถามเธอ เธอจะต้องบอกจงจิ่งห้าวแน่นอน
“คุณอย่าหวังที่จะหลอกล่อน้องสาวเลย” หลินซีเฉินจ้องเขม็งมาที่จงจิ่งห้าว
หลินลุ่ยซีนั่นกลับทำอะไรไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?
ทำไมจู่ๆ พี่ชายถึงมาปิดปากของเธอไว้ล่ะ?
“อื้มอื้ม……”
“นี่พวกลูกกำลังทำอะไรกันอยู่?” หลินซินเหยียนลงมาจากชั้นบน พอเห็นหลินซีเฉินปิดปากหลินลุ่ยซีไว้จึงได้ถามไป
จงจิ่งห้าวหันมามองลูกชายแวบหนึ่ง แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เมื่อกี้เสี่ยวลุ่ยบอกว่าวันเกิดของคุณคือขึ้นสองค่ำเดือนหนึ่ง แล้วเสี่ยวเฉินก็บอกว่าเธอพูดผิด จากนั้นก็เอามือไปปิดปากเธอไว้”
“มันคือวันที่……”
“หม่ามี๊!”
หลินซีเฉินตะโกนออกมาขัดจังหวะเขา กลัวว่าเธอจะพูดออกมา เขาจ้องเขม็งไปที่จงจิ่งห้าว “คุณขี้โกง!”
“ฉันขี้โกงตรงไหน?” จงจิ่งห้าวทำท่ายักไหล่ “เราใช้ความสามารถของใครของมันไม่ใช่รึไง?”
ครั้งนี้ถึงคราวหลินซีเฉินที่พูดไม่ออกบ้าง
หลินซินเหยียนรู้สึกมึนงง เธอตบๆ ไปที่ไหล่ของลูกชาย ให้เขาปล่อยมือจากลูกสาว “ลูกเอาแต่ปิดปากเธอไว้แบบนี้เธอจะอึดอัดเอาได้นะ”
“หม่ามี๊ครับ หม่ามี๊ห้ามบอกเขานะครับ ว่าวันเกิดหม่ามี๊เป็นวันไหน ให้เขาไปหาเอาเอง ถ้าเขาหาไม่ได้ ก็เท่ากับเขาไม่จริงใจ” หลินซีเฉินบอกกับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนกะพริบตาปริบๆ เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เขานั้นเชื่อใจหลินซินเหยียนดี แต่เขาไม่มั่นใจในตัวน้องสาวเลย ว่าแล้ว เขาก็ดึงตัวน้องสาวกลับเข้าห้องไป “เธอกลับห้องกับฉันเลย”
“แล้วเงินของหนูล่ะทำไง?” หลินลุ่นซีมองมาที่พี่ชายด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เงินเยอะขนาดนั้น สามารถเอาไปให้หม่ามี๊ซื้อของให้เธอได้เยอะแยะเลย
เธอไม่อยากทิ้งมันไว้ เกิดหายไปจะทำยังไง?
“หม่ามี๊ช่วยเก็บไว้หน่อยนะครับ” หลินซีเฉินดึงดันที่จะไม่ให้น้องสาวมีโอกาสได้เข้าใกล้จงจิ่งห้าวเด็ดขาด ผู้ชายคนนี้เจ้าเล่ห์เกินไป เมื่อกี้เขาก็เกือบทำให้หลินซินเหยียนเผลอพูดออกมาแล้ว
หลินซินเหยียนพยักหน้า
รอให้ลูกๆ ทั้งสองเข้าห้องไปแล้ว เธอค่อยหันมาจ้องเขม็งไปที่จงจิ่งห้าว แล้วถามไปว่า “คุณไปท้าอะไรกับลูกไว้คะ?”
จงจิ่งห้าวขยับมานั่งข้างๆ เธอ กุมมือที่กำลังเก็บเงินของเธอ รับเงินในมือมา แล้วช่วยเธอเก็บไว้ “ลูกชายของคุณต่างหากที่เป็นคนท้าทายผมก่อน”
อืม ความจริงเขาต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ
หลินซินเหยียนมองบนอย่างพูดไม่ออก
จงจิ่งห้าวเอาเงินใส่เข้าไปในซองแต๊ะเอีย วางไว้บนโต๊ะ “คืนนี้คุณไปออกงานเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ”
“งานอะไรเหรอคะ?”
หลินซินเหยียนถาม ในใจเธอพอจะคาดเดาได้ ตอนนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับงาน แต่มันน่าจะเป็นของภายในบริษัทมากกว่า
ไม่รอให้จงจิ่งห้าวได้ตอบ หลินซินเหยียนก็ได้ปฏิเสธไปก่อนแล้ว “ฉันไม่อยากไป”
เธอรู้ดี จุดประสงค์ของจงจิ่งห้าวก็คือ การพาเธอไปที่การประชุมประจำปี ก็เพื่อแนะนำฐานะของเธอให้คนในบริษัทได้รู้นั่นเอง
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจงจิ่งห้าวยังไงไม่มั่นคง เธอจึงยังไม่อยากได้รับผลกระทบจากโลกภายนอก
ความหวังดีของเขา เธอเข้าใจดี
เธอซบเข้าไปในอ้อมอกของเขาด้วยตนเอง “เราสองคนไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน ตอนที่แต่งกันก็ค่อนข้างเป็นความลับ แทบไม่มีใครรู้เลย การที่จู่ๆ ฉันไปปรากฏตัวในการประชุมประจำปีของบริษัท แล้วคุณก็แนะนำฐานะของฉัน คนอื่นๆ เขาจะคิดยังไงคะ? จู่ๆ ก็แต่งงานเหรอ? ถ้ารู้ถึงการมีอยู่ของเด็กๆ ทั้งสองคนแล้วพวกเขาจะคิดไปทางไหน? พวกเขาจะหาว่าฉันมีลูกกับคุณเพื่อหวังผลรึเปล่า? หรือฉันเอาลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อบีบให้คุณแต่งงานรึเปล่า? ฐานะของคุณมันง่ายมากที่จะถูกเอาไปนินทา ฉันแค่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไปกับลูกๆ ฉันรู้ว่าคุณแคร์ฉัน รู้ว่าคุณอยากให้ฉันได้อยู่อย่างเปิดเผย แต่ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่านะคะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา “ฉันรับรู้ได้ถึงความหวังดีของคุณ เป็นฉันเองที่ยังเตรียมใจไม่ได้เท่านั้น”
จงจิ่งห้าวเม้มปาก เขาแค่อยากแนะนำฐานะของเธอ แนะนำให้คนอื่นได้รู้เท่านั้น แต่กลับไม่เคยนึกถึงผลกระทบด้านลบจากการที่พาเธอไปแนะนำตัวอย่างกะทันหันแบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ที่จู่ๆ คนระดับเขามาบอกว่าแต่งานแล้ว มันก็น่าจะทำให้ผู้คนคิดไปต่างๆ นานาอย่างแน่นอน
“คุณลุงพูดอะไรกับคุณเหรอคะ?”
หลินซินเหยียนยังอยากรู้อยู่
จงจิ่งห้าวนั้นคิดยังไง เธอต้องการจะรู้ทั้งหมด
เมื่อก่อนเขาไม่รู้ภูมิหลังของยู่ซิ่วจริงๆ เขาไม่เคยตั้งใจที่จะไม่ทำความเข้าใจกับมัน
ครั้งนี้ เขารู้จากปากของเหวินชิงแล้วว่า ที่แท้ ผ้าไหมกวางตุ้งก็เป็นของตระกูลเฉิง
การที่เฉิงยู่ซิ่วสามารถแต่งงานกับจงฉีเฟิงได้ ต้องแลกด้วยทักษะที่สืบทอดกันมาภายในตระกูล
แต่ ณ ปัจจุบัน ทักษะอันนี้ ก็ถูกคนเก็บขึ้นมาอีกครั้ง
เหวินชิงรู้ว่ามีคนเรียนรู้ทักษะนี้ได้แล้ว แค่ไม่รู้ว่าคนคนนั้นก็คือหลินซินเหยียนเท่านั้นเอง
ตอนที่เขาได้ฟังเรื่องนี้ เขาเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
เขาก้มลงมาจูบลงที่ข้างหน้าฝากของเธอ ไม่ยอมปล่อย แต่กลับถูไถอยู่ตรงนั้น “คุณเองก็น่าจะรู้ ภูมิหลังของผ้าไหมกวางตุ้งใช่มั้ยครับ?”
ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
หัวใจของหลินซินเหยียนรู้สึกบีบรัดขึ้นมาทันที เธอกดเสียงเอาไว้ พยายามทำให้เสียงของตัวเองดูปกติที่สุด “ตอนที่เฉิงยู่เวินสอนฉัน ก็ได้บอกแล้วว่ามันเป็นทักษะของบรรพบุรุษของตระกูลเฉิง”
ปากของเขาเลื่อนมาอยู่ที่หางตาของเธอ “ยังไม่ยอมพูดออกมาอีกเหรอครับ?”
ร่างกายของหลินซินเหยียนเกร็งไปทั้งตัว “ฉันรับปากไปแล้วว่าจะไม่พูด”
ดังนั้นอย่าบังคับเธอเลย
“เขาบอกให้คุณมาเล่นงานฉันใช่มั้ยคะ?” หลินซินเหยียนน้ำเสียงแหบซ่าน
ถูกต้อง ตอนนั้นเหวินชิงได้พูดออกมาแบบนี้ “ตอนแรกเธอเคยรับปากฉันไว้ ตอนนี้เธอกลับผิดคำพูด เธอได้ผิดสัญญาแล้วมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉัน ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่นี่ฉันรู้แล้ว ฉันก็ไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน”
ตอนนั้นจงจิ่งห้าวไม่ได้ออกตัวที่จะปกป้อง เพราะถ้าเขาห้ามไม่ให้เหวินชิงไปตามสืบเรื่องนี้ มันก็จะทำให้เหวินชิงหันมาสงสัย
ตอนนั้นเขาเอาเรื่องนี้มุ่งมาที่ตัวเอง แบบนี้เขาถึงจะสามารถปกป้องหลินซินเหยียนได้ และไม่ทำให้เหวินชิงรู้สึกสงสัยด้วย
ตอนนี้เขากำลังสงสัยอย่างหนักว่า นี่คือแผนการของเฉิงยู่ซิ่ว ตั้งใจดึงหลินซินเหยียนให้เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ทำให้เขาและเหวินชิงไม่สามารถลงมือกับเธอได้
“มีผมอยู่ ใครก็ทำอะไรคุณไม่ได้ทั้งนั้น” รวมถึง เหวินชิงด้วย
หลินซินเหยียนรู้ดีว่าจงจิ่งห้าวในตอนนี้ต้องกำลังลำบากใจอย่างมากแน่นอน
เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจ และไม่อยากผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับเฉิงยู่ซิ่วด้วย
เฉิงยู่ซิ่วเสียสละเพื่อจงจิ่งห้าวไปมากมาย หรือว่า ทักษะที่สืบทอดกันมาของวงตระกูลต้องมาจบสิ้นไปแบบนี้เหรอ?