กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่318 รอคุณอยู่
“ฉันจะยังไม่ให้ใครรู้” เรื่องที่เธอสามารถทำผ้าไหมกวางตุ้งได้ งานนิทรรศการเสื้อผ้าหลังปีใหม่ก็เอาไว้ก่อน
ไม่ใช่ว่าเธอยอมแพ้ แต่แค่ต้องการโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น
ถ้าตอนนี้เธอไปทำเรื่องนี้โดยที่ไม่สนใจอะไรเลย มีแต่จะทำให้จงจิ่งห้าวต้องตกอยู่ในความยากลำบากจากทั้งสองด้านเท่านั้น
ดีที่ยังมีเวลาอีกเยอะ
ปากของเขาเลื่อนมาถึงที่ใบหูของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงที่แหบซ่านว่า “ยังไงคุณก็ยังไม่ยอมบอก”
เหงื่อเป็นเม็ดๆ ขึ้นเต็มหน้าผากและสันจมูกของเธอ ในใจยังคงขัดขืนไม่ยอมหยุด สั่นเทาไม่ยอมหาย
สุดท้าย เธอก็ไม่ได้หลุดปาก
ตอนบ่ายสามกวนจิ้งโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าทางนั้นเตรียมการเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้จงจิ่งห้าวสามารถไปได้แล้ว
หลินซินเหยียนยืนจัดเนกไทให้เขาอยู่ที่ทางเข้าห้องรับแขก ตั้งใจและแน่วแน่ เขาโอบเอวของเธอไว้ “ผมไม่อยากไปแล้ว ทำยังไงดีครับ?”
หลินซินเหยียนพูดด้วยความลังเล “ถ้าคุณไม่กลัวจะทำร้ายความรู้สึกของพนักงาน คุณก็ไม่ต้องไปค่ะ”
แค่พวกระดับสูงของบริษัทกับสาขาย่อยก็มีร้อยสองร้อยคนแล้ว หลายๆคนทั้งปียังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย ถ้าการประชุมประจำปีแล้วยังไม่ไปอีก มันจะดูน่าเกลียดเอามากๆ เลย
จงจิ่งห้าวบีบคางของเธอเอาไว้ จ้องมองด้วยความตั้งใจ ปลายนิ้วของเขาเลื่อนผ่านริมฝีปากของเธอ “คุณจะรอผมกลับมามั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ค่ะ”
“ผมจะพยายามกลับมาให้เร็ว” เขาจิกลงที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ ด้วยความนุ่มนวล ยิ่งจูบยิ่งอยากจูบ ดึงเธอเข้ามากอดเพื่อเพิ่มความลึกซึ้งในการจูบครั้งนี้
แกร็ก
เสียงเปิดประตูดังขึ้น หลินซินเหยียนรีบผลักเขาออก จงจิ่งห้าวปล่อยเธอออกไปตามแรง
จงฉีเฟิงกับเฉิงยู่ซิ่วเดินตามกันเข้ามา พอเห็นจงจิ่งห้าวที่แต่งตัวเป็นระเบียบ จงฉีเฟิงจึงได้ถามไปว่า “จะออกไปข้างนอกเหรอ”
“ไปบริษัทครับ” จงจิ่งห้าวตอบไปอย่างง่ายๆ
จงฉีเฟิงเข้าใจ และไม่ได้พูดอะไร ยังไงเขาก็ไม่ได้ยุ่งกับเรื่องในบริษัทตั้งนานแล้ว ความสามารถของจงจิ่งห้าวนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาต้องพูดอะไรมากเลย
หลินซินเหยียนกางเสื้อโค้ทออก สองมือของจงจิ่งห้าวสอดเข้าไปในแขนเสื้อ กระตุกหัวไหล่ เสื้อโค้ทก็ถูกสวมเข้ามาบนร่างกายอย่างเป็นระเบียบ เสื้อโค้ทขนแกะอย่างดี ไม่มีรอยยับเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้บรรยากาศของเขาดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร
หลินซินเหยียนส่งเขาออกจากบ้าน
ด้านนอกหนาว จงจิ่งห้าวบอกให้เธอเข้าไป
พอเห็นรถขับออกจากลานหน้าบ้านไปแล้ว หลินซินเหยียนก็ปิดประตูเข้าบ้าน
“พวกเธอไปบ้านตระกูลเหวินมาเหรอ?” ทันทีที่หลินซินเหยียนหันหลังกลับ ก็เห็นเฉิงยู่ซิ่วที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอเข้า
เธอตอบไปตามตรง “ใช่ค่ะ”
“เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่มั้ย?”
“ไม่ค่ะ เขาไม่รู้ว่าเป็นฉัน จิ่งห้าวรับแทนไป ฉันคิดว่า เขาไม่น่าจะรู้ในเร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ” ถ้าไม่รู้ ก็จะไม่ทำอะไร
สมมติถ้าเขารู้เข้า เห็นแก่ที่เธอเป็นภรรยาของจงจิ่งห้าว เธอคิดว่า เหวินชิงก็ไม่น่าจะโหดร้ายเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน
เธอดูออก ว่าเขาแคร์จงจิ่งห้าวเอามากๆ
ส่วนเรื่องแซ่ที่เด็กสองคนใช้ เหวินชิงไม่ได้ติดใจที่ไม่ได้ใช้แซ่ตามตระกูลจง แต่เป็นเพราะไม่ใช้แซ่ตามจงจิ่งห้าวต่างหาก
ตั้งแต่ที่จงฉีเฟิงแต่งานกับเฉิงยู่ซิ่ว เขาก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับอดีตน้องเขยคนนี้แล้วมั้ง
เฉิงยู่ซิ่วแอบโล่งอกลง“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
เธอกลัวว่าจะทำให้หลินซินเหยียนต้องลำบากมาก
เฉิงยู่ซิ่วกวักมือให้หลินซินเหยียน บอกให้เธอไปนั่งที่โซฟา
ให้คนรับใช้ยกชาร้อนๆ มาสองแก้ว
“วันนี้เราไปที่หลุมศพของเหวินเสียน” พวกเขาจะไปที่นั่นทุกปี “ตอนแรกฉันก็อยากชวนเธอไปด้วย แต่มีเด็กสองคน ฉันจึงไม่ได้ชวน”
ไม่ว่ายังไง เหวินเสียนก็ช่วยเธอดูแลจงจิ่งห้าวมานานกว่าหกปี ถึงเหวินชิงจะทำกับเธอเกินไปจริงๆ แต่เหวินเสียนก็ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อเธอเลย
อีกอย่าง เธอก็เป็นคนที่เลือกแบบนั้นเองตั้งแต่แรก
เฉิงยู่ซิ่วดื่มน้ำไปนิดหนึ่งแล้วถามไปว่า “คืนนี้อยากกินอะไร? เดี๋ยวฉันทำให้”
หลินซินเหยียนไม่ได้อยากกินอะไร จึงได้ตอบไปว่า “อะไรก็ได้ค่ะ”
เฉิงยู่ซิ่วยิ้มออกมา “เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันดูก่อนแล้วกัน”
“ดูเธอสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไปพักผ่อนเถอะ” เฉิงยู่ซิ่วบอก
หลินซินเหยียนรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ
กว่าจะมืดยังเหลือเวลาอีกพักหนึ่ง เธอจึงบอกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปนอนก่อนแปบหนึ่งนะคะ”
“ไปเถอะ” เฉิงยู่ซิ่วโบกมือ
หลินซินเหยียนทิ้งตัวนอนลงบนเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตะวันตกดินแล้วเธอก็ยังไม่ตื่น ได้เสียงเคาะประตูที่ปลูกเธอจากความฝันขึ้นมา
“หม่ามี๊ กินข้าวเย็นแล้วครับ” หลินซีเฉินมาปลุกเธอ
เธอลุกขึ้นมา ล้างหน้าแล้วลงมาด้านล่าง ในห้องอาหารนอกจากจงจิ่งห้าวทุกคนก็มากันครบแล้ว
ตอนแรกเธอตั้งใจจะนอนแค่แปบเดียว รอถึงเวลาค่อยลงมาช่วยเฉิงยู่ซิ่วเตรียมอาหารเย็น แต่เธอก็หลับยาวไปเลย
ผู้ใหญ่เตรียมอาหาร แต่เธอกลับนอนอยู่ มันช่างไม่เหมาะสมเอาซะเลย
“ทำไมไม่ปลุกฉันให้เร็วกว่านี้คะ”
“ไม่มีคนนอกสักหน่อย ก่อนหน้านี้เธออยู่แต่ข้างนอก ตอนนี้กลับมาแล้ว ก็ต้องพักผ่อนให้มากๆ” เฉิงยู่ซิ่วตักน้ำซุปที่มีแต่ของบำรุงให้เธอถ้วยหนึ่ง “หน้าหนาวเหมาะที่จะกินซุปอันนี้”
หลินซินเหยียนใช้สองมือรับมา ควันจากไอร้อนพวยพุ่งออกมา เธอซดไปคำหนึ่ง มันยังร้อนอยู่ ในซุปมีกลิ่นของโสมผสมอยู่ด้วย
“ฉันใส่โสมแดงลงไปด้วย ผู้หญิงกินแล้วดี เดี๋ยวจะลงพุงกินให้เยอะๆ เลย” เฉิงยู่ซิ่วบอก
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ขอบคุณค่ะแม่”
เฉิงยู่ซิ่วตอบจ้ะออกมาอย่างหนักแน่น ไม่ได้ยินลูกชายเรียกแม่ แต่ได้รับการยอมรับจากลูกสะใภ้ มันก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเหมือนกัน
หลังกินข้าวเย็นเสร็จ คนรับใช้เก็บกวาดโต๊ะอาหาร เฉิงยู่ซิ่วก็ไปจัดการธุระของเด็กทั้งสองคน ทั้งอาบน้ำทั้งส่งเข้านอน เธอเป็นคนทำเองทั้งหมด บวกกับก่อนหน้านี้เคยเจอหน้ากันมาก่อน เด็กทั้งสองจึงไม่ได้รู้สึกว่าเธอเป็นคนแปลกหน้า ต่างก็ยอมให้เธอเข้าหา
หลินซินเหยียนเองก็ยินดี จงจิ่งห้าวไม่อยู่ด้วย พวกเขาจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
เธอดูทีวีกับพวกเด็กๆ อยู่ข้างล่างพักหนึ่ง แล้วขึ้นไปข้างบน
เธอมองเวลาแวบหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่สามทุ่ม ตอนบ่ายก็นอนไปแล้ว ตอนนี้เลยไม่ง่วงเลยสักนิด เธอไปอาบน้ำ ใส่ชุดนอนกำมะหยี่สีขาว เลือกหนังสือที่ชอบเล่มหนึ่ง จากกองที่เอามาจากห้องหนังสือ แล้วไปนั่งอ่านอยู่ตรงหัวเตียง
อ่านถึงตอนเที่ยงคืนโดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัว เธอเริ่มง่วงแล้ว หาวออกมาทีหนึ่ง เธอเอาที่คั่นหนังสือมาคั่นไว้ตรงหน้าที่เธออ่านถึง ปิดหนังสือลง เอาไปวางไว้ที่โต๊ะ ดึงผ้าห่มมาห่ม ปิดไฟบนหัวเตียง พร้อมที่จะเข้านอน เธอได้ยินเสียงเปิดประตูจากชั้นล่าง
ภายในค่ำคืนที่เงียบสงบ แค่มีเสียงนิดหนึ่งก็สามารถได้ยินแล้ว
เธอเปิดไฟที่หัวเตียงอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากข้างล่าง ทีละก้าวทีละก้าว……
ไม่นาน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
ด้วยแสงไฟสีเหลืองอ่อนๆ เขาก็มองเห็นหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง เธอลืมตามองตรงมาที่เขา “ยังไม่นอนอีกเหรอครับ?”
“รอคุณอยู่ค่ะ”
หลินซินเหยียนมองเห็นสีขาวตรงไหล่เข้า จึงได้ถามไปว่า “หิมะตกเหรอคะ?”
จงจิ่งห้าวเพิ่งรู้ตัวว่าเขาได้ใส่เสื้อโค้ทขึ้นมาด้วย เขาจึงหันไปมอง มีหิมะเกาะอยู่ตรงไหล่ของเขานิดหนึ่ง มันตกใส่เขาระหว่างที่เดินจากรถมาที่บ้าน
เขาตอบครับ กลัวจะเอาอากาศเย็นเข้าห้องมาด้วย จึงเอาเสื้อโค้ทลงไปแขวนแล้วค่อยขึ้นมาอีกรอบ
เขาปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
นั่งมองเธออยู่ข้างเตียง ผมดำๆ ของเหมือนถูกน้ำหมึกราดใส่ ผิวพรรณที่ขาวนวลปะปนไปด้วยสีชมพูที่เบาบาง ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนุ่มเหมือนกลีบกุหลาบ
ทำให้เกิดความรู้สึกฮึกเหิม
เขาโน้มตัวเข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลินซินเหยียนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่ส่งมาจากตัวเขา กลิ่นเหล้าบางๆ ไม่มากนัก พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์อีกนิดหน่อย
“คุณดื่มมาเหรอคะ?”