กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่320เขาทำร้ายคุณเหรอ
จงจิ่งห้าวเหลือบขึ้นมามองหญิงสาวที่นั่งกินข้าวอยู่หน้าเธอ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอย่างแรง ไม่ใช่เพราะหลินกั๋วอันตายแล้ว แต่เพราะเขาคิดว่า เรื่องนี้จวงจื่อจิ่นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน
ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจกลับมาอยู่กับหลินกั๋วอันอีกครั้ง เขาก็รู้สึกแล้วว่าเรื่องนี้มันมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ปีนี้ยังไม่ทันผ่านไปเลย หลินกั๋วอันก็ตายไปซะแล้ว
เขาเดินไปตรงหน้าต่าง มั่นใจแล้วว่าหลินซินเหยียนจะไม่ได้ยินแล้ว ถึงได้พูดออกมา “เขาตายอยู่ที่ไหน?”
“ที่บ้าน ตอนนี้ผมอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ตอนที่ผมได้รับข่าวนี้ ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน ไม่เจ็บไม่ป่วย อยู่ๆ ก็ตายไปเลยหรือว่าจะเป็นกรรมตามสนอง?” เสิ่นเผยซวนพูด
จงจิ่งห้าวนั้นไม่เชื่อเรื่องไสยยาศาสตร์
นี่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ถ้ามันไม่ได้เกี่ยวกับหลินซินเหยียน เขาก็ไม่มีทางสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้แน่นอน
ต่อให้เป็นหลินกั๋วอันเขาก็คงไม่เข้าไปยุ่ง ตอนนี้เขากลัวว่ามันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับจวงจื่อจิ่น
หลินซินเหยียนกับจวงจื่อจิ่นใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาหลายปี มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ถึงแม้ครั้งนี้จวงจื่อจิ่นจะกลับไปคืนดีกับหลินกั๋วอันโดยที่ไม่สนคำเตือนจากหลินซินเหยียนเลยก็ตาม แต่เขาก็ดูออก ว่าหลินซินเหยียนนั้นยังคงเป็นห่วงเธอมาก
ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ดีไป แต่ถ้ามี……เขาวางสาย เดินเข้าไปในห้องอาหาร หลินซินเหยียนก้มหน้าก้มตา ไม่มองเขา
ผมเป็นเส้นๆ ย้อยลงมา จงจิ่งห้าวจับพวกมันขึ้นมาพาดไว้ที่หูของเธอ แล้วพูดเบาๆ ว่า “ผมมีธุระต้องออกไปทำแปบหนึ่งนะครับ”
หลินซินเหยียนตอบอืมคำหนึ่ง
“วันนี้ในบ้านไม่มีคน หลังกินข้าวเสร็จ ก็กลับขึ้นไปนอนข้างบนอีกรอบนะครับ” เขาพูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน
หลินซินเหยียนพยักหน้า แล้วถามไปคำหนึ่งว่า “คุณจะไปที่บริษัทเหรอคะ?”
จงจิ่งห้าวไตร่ตรองไปแปบหนึ่ง แล้วพูดโกหกไปว่า “ที่ร้านของเสิ่งเผยซวนกับซูจ้านเรียกผมไปครับ”
“อ๋อ อย่าดื่มเหล้านะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ” เธอพูดด้วยความเป็นห่วง
จงจิ่งห้าวรู้สึกอึ้งอยู่ในใจ ไม่นาน แววตาของเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาจูบลงบนหน้าผากของเธอ “รอผมอยู่ที่บ้านดีๆ นะครับ”
หลินซินเหยียนผลักเขาทีหนึ่ง “รีบไปเถอะค่ะ อย่าให้พวกเขารอเลย”
จงจิ่งห้าวตอบอืม หยิบเสื้อโค้ทจากราวแขวนตรงทางเข้าห้องรับแขก แล้วเดินออกไป
หลังจากที่จงจิ่งห้าวออกไปไม่นาน ป้าหยูก็เดินเข้ามา
เธอถอดเสื้อกันหนาวที่มีน้ำแข็งเกาะออก เดินเข้ามา พอเห็นหลินซินเหยียนยังนั่งอยู่ในห้องอาหาร ไม่รู้ว่าเสื้อกันหนาวของหลินซินเหยียนเลิกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงเผยให้เห็นรอยช้ำสีม่วงที่อยู่ตรงเอว
ป้าหยูนึกว่าตัวเองตาฝาด จึงเดินเข้ามา ก้มลงมามองที่เอวของเธอ
จ้องมองอย่างละเอียด มันเป็นรอยช้ำสีม่วงจริงๆ ด้วย เธอเบิ่งตาโต “เอวของคุณ……”
หลินซินเหยียนรีบดึงเสื้อกันหนาวลง เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างแตกตื่น
“คุณชายเขารุนแรงเหรอคะ? เขาทำร้ายคุณเหรอคะ?” ป้าหยูเบิ่งตาโตด้วยความแปลกใจ ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจงจิ่งห้าวทำร้าย แล้วรอยฟกช้ำบนตัวเธอจะมาจากไหน?
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ทันระวังไปกระแทกโดนค่ะ” ดึงเสื้ออย่างแตกตื่น
ป้าหยูยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “คุณไปกระแทกโดนเอวได้ยังไงคะ?”
หลินซินเหยียนก้มหน้าลง ผมยาวๆ ปิดใบหน้าที่แดงก่ำเอาไว้ “ฉันลื่นล้มตอนอาบน้ำ จนกระแทกโดนค่ะ คือว่า ฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะคะ”
เธอลุกขึ้นแล้วออกจากห้องอาหารราวกับหนีอะไรอยู่ กลัวแต่ว่าป้าหยูจะถามเจออะไรเข้า
ป้าหยูเห็นว่าซุปในถ้วยยังไม่หมด จึงได้ตะโกนไปว่า “คุณกินอิ่มแล้วเหรอ? ซุปยังไม่หมดเลยนะ”
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ”
หลินซินเหยียนหน้าก็ไม่หันวิ่งกลับห้องแล้วปิดประตูลง เธอหายใจอย่างหนักหน่วง เดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดเสื้อกันหนาวออก มองไปที่เอวของตัวเองผ่านทางกระจก ถึงได้เห็นรอยช้ำที่เอวของตัวเอง เธอถูกจงจิ่งห้าวยันไว้ที่ขอบของอ่างอาบน้ำ ถึงว่าล่ะทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเจ็บขนาดนั้น
เธอรูดซิปกระโปรงลง ยัดเสื้อกันหนาวเข้าไปข้างใน เธอกลัวมันจะเปิดออกอย่างไม่ทันระวังอีก
เธอรู้สึกว่าเหนื่อยมาก แต่พอนอนลงบนเตียงกลับนอนไม่หลับ
เธอลงมาชั้นล่าง ป้าหยูกำลังเช็ดโต๊ะอยู่ เนื่องจาก อาหารส่งท้ายปีเก่านัดกินกันที่ร้านอาหาร ที่บ้านไม่ต้องทำ ดังนั้นจึงว่างกันหมด
“ป้าหยูคะ เราไปช็อปปิ้งด้วยกันเถอะค่ะ” พอนึกถึงปีใหม่ ยังไงก็ต้องซื้อของให้คนในบ้านกับลูกๆ สักหน่อย
ป้าหยูพยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ค่ะ แต่คุณต้องใส่ให้หนากว่านี้นะคะ ข้างนอกหิมะตกแล้ว”
หลินซินเหยียนตอบว่าเข้าใจแล้วค่ะ ขึ้นไปหยิบกระเป๋าที่ชั้นบน เอาเสื้อโค้ทมาใส่ แล้วออกไปพร้อมกับป้าหยู ในบ้านไม่มีคนขับรถ หลินซินเหยียนจึงขับรถไปเอง ป้าหยูนั่งข้างหลัง หลินซินเหยียนจึงเรียกเธอมานั่งข้างหน้า
ไม่ว่าจงจิ่งห้าวจะเชิดชูเธอยังไงก็ตาม ในใจของเธอก็ยังเข้าใจดี ว่าตัวเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
หลินซินเหยียนยิ้ม “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”
ป้าหยูย้ายมานั่งข้างหน้า ด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจ ถึงแม้หน้าหนาวหิมะจะตก แต่ในใจก็ยังรู้สึกอบอุ่นดี
“การที่คุณชายได้แต่งงานกับคุณ มันช่างเป็นบุญของเขามากจริงๆ” ไม่ได้หมายความว่าหลินซินเหยียนสวย แต่เพราะเธอเป็นคนดี น่าคบหา ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเธอวางท่าแบบคุณหญิงคุณนายมาก่อนเลย
คนรับใช้ของคนรวยมากมาย ต้องถูกเจ้านายปฏิบัติราวกับเป็นทาส บางทีก็ถูกหาว่าเป็นขโมย ถ้าทำตามที่สั่งไม่ได้ก็จะถูกด่าทอ
เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นโชคดีมาก ที่ได้มาพบกับตระกูลเหวินและตระกูลจงที่แสนดีแบบนี้ แต่ที่นึกไม่ถึงเลยก็คือ หลินซินเหยียนจะเป็นคนที่น่าคบหาแบบนี้เหมือนกัน
หลินซินเหยียนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษอะไร ป้าหยูดูแลจงจิ่งห้าวมาโดยตลอด เธอเองก็ต้องให้เกียรติป้าหยูด้วย
ถ้าให้พูดแบบไม่น่าฟังก็คือ เมื่อเทียบกับเฉิงยู่ซิ่วและเธอแล้ว ป้าหยูนั้นคอยอยู่ดูแลจงจิ่งห้าวมากกว่าพวกเธอสองคนเสียอีก
นี่คือคนดีที่มีจิตใจงดงามคนหนึ่งเลย
ไม่นานรถก็มาจอดที่ศูนย์การค้า
หลินซินเหยียนกับป้าหยูเดินเข้าไปพร้อมกัน
กระดาษสีแดงสีทองที่เป็นรูปหนูติดทั่วไปหมด เพราะหลังจากวันนี้ก็จะเป็นปีหนูแล้ว วันนี้คนในศูนย์การค้ายังคงหนาแน่น ดูแล้วน่าจะมาซื้อของที่ต้องใช้ในช่วงปีใหม่แน่นๆ
พวกเธอเริ่มเดินจากชั้นหนึ่ง ชั้นหนึ่งเป็นสวรรค์ของพวกเด็กๆ ของกินของเล่นของใช้ รวมถึงเสื้อผ้า เนื่องจากลูกๆ สองคนไม่ได้มาด้วย เธอจึงอยากซื้ออะไรไปฝากพวกเขาสักหน่อย
เธอรู้จักรสนิยมของเด็กสองคนดี
ผ่านไม่นาน เธอก็ซื้อของได้เยอะเลย ทั้งของกินทั้งเสื้อผ้า
พวกเธอขึ้นไปชั้นสอง เดินผ่านร้านเสื้อผ้าผู้ชายร้านหนึ่ง หลินซินเหยียนเห็นชุดสูทชุดหนึ่งที่เข้ากับจงจิ่งห้าว จากตู้โชว์ตรงหน้าต่าง จากนั้นก็เดินเข้าร้านไป
ป้าหยูเดินตามเข้าไป ด้วยแววตาที่ยิ้มแย้ม รู้สึกว่าหลินซินเหยียนนั้นทำตัวสมเป็นภรรยาตัวน้อยแล้วจริงๆ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ลูกๆ และสามี
ก็เหมือนกับภาพของครอบครัวทั่วๆ ไป มันดูอบอุ่นมาก
ชุดสูทของจงจิ่งห้าวนั้นมีแต่สีเข้มที่ดูมั่นคง สีดำ สีเทา สีน้ำเงินอะไรประมาณนี้ แบบที่เธอกำลังดูอยู่ตอนนี้คือสูทที่เป็นลายตารางเข้ม สีสันดำเข้ม เมื่อโดนแสงก็จะเห็นเป็นสีฟ้าอ่อนๆ ไม่ได้ชัดเจนมาก จงจิ่งห้าวนั้นร่างกายสูงใหญ่ เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างเหมาะกับเขาเลย
พนักงานชมว่าหลินซินเหยียนนั้นตาถึง “ร้านของเรานั้นจำหน่ายแต่เครื่องแต่งกายแนวธุรกิจที่มีระดับของคุณผู้ชายโดยเฉพาะครับ ชุดนี้เป็นรุ่นลิมิเตด เหมาะที่จะใส่ออกงานที่ประเภท สีเข้มนั้นดูจริงจังและมั่นคง” หลินซินเหยียนมองไปที่ป้ายราคา แล้วก็ต้องอึ้งไป ราคาตั้งแสนกับอีกแปดพันเลยเหรอ
เธอเองยังไม่เคยซื้อเสื้อผ้าที่แพงขนาดนี้เลย
แต่เธอก็ถูกใจมันเข้าแล้วจริงๆ เธอมองไปที่พนักงาน “พวกคุณมีส่วนลดไหมคะ?”
พนักงานส่ายหน้า “ต้องขออภัยด้วยครับ ทางเราไม่มีส่วนลดเลย แต่ถ้ารู้สึกว่าชุดนี้แพงไป ทางนี้ยังมีราคาสามถึงหกหมื่นอีกนะครับ คุณสามารถเลือกชมได้เลย”
ร้านนี้เป็นร้านเสื้อผ้าชายที่มีระดับจริงๆ ของถูกยังราคาตั้งหลายหมื่นเลย แต่เธอคิดว่า เมื่อเทียบกับพวกเสื้อผ้าของจงจิ่งห้าวแล้ว เหมือนของเขาจะดีและแพงกว่าด้วย
แต่ถ้าเป็นของที่เกรดต่ำเกินไป เขาก็ใส่ออกไปไม่ได้ คิดไปคิดมา หลินซินเหยียนก็กัดฟัน บอกให้พนักงานเอาไปแพ็ค
ตอนที่รูดบัตร หลินซินเหยียนก็รู้สึกปวดใจ