กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่326 ทำไมหน้าตาขี้เหร่อย่างนี้
ครั้งนี้เป็นจงจิ่งห้าวที่ตกตะลึง เขามองหลินซินเหยียน
ไม่รอให้จงจิ่งห้าวถาม เธอยิ้มพร้อมพูดว่า “อยากจะถามว่าทำไมฉันเข้าใจมันดีขนาดนี้ใช่มั้ยล่ะ? จริงๆแล้ว งานประมูลครั้งนั้น ฉันก็ไปด้วย”
เธอไม่ได้ไปซื้อสินค้า แค่อยากไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย นี่เป็นของประมูลชิ้นสุดท้ายของงานประมูลวันนั้น
เป็นดีไซเนอร์คนหนึ่ง เธอต้องการแรงบันดาลใจมากมาย แล้วก็ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์
จงจิ่งห้าวครุ่นคิด 3ปีก่อนในงานประมูลจิวเวลรี่แห่งศตวรรษ ตอนจบงานแยกย้ายกันกลับ เขาเห็นเงาร่างที่เหมือนเธอมากคนหนึ่ง ตอนที่เขากำลังวิ่งตามไป คนก็หายไปแล้ว ตอนนั้นคนพลุกพล่านมาก เขาไม่สามารถตามหาได้ เลยให้กวนจิ้งไปขอดูกล้องวงจรปิด แต่ว่าก็บังเอิญแบบไม่น่าเชื่อ วันนั้นกล้องวงจรปิดเกิดเหตุขัดข้อง
นั่นหมายความว่า วันนั้นเขาไม่ได้ตาฝาด เงาคนนั้นก็คือเธอ!
หลินซินเหยียนนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน หลินซินเหยียนจ้องจงจิ่งห้าวตาค้าง “เป็นคุณที่ซื้อมันมาหรอ?”
เธอยิ้ม เธอลืมไปได้ยังไง ว่าจงจิ่งห้าวเป็นนักธุรกิจ
ตั้งแต่ปี1947เดอร์เบียร์สได้ออกโฆษณาเพชรว่า ‘เพชรเป็นนิรันดร์ หนึ่งเดียวคงอยู่สืบต่อไป’ เพชรก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของ‘ความรัก’
แต่งงานต้องมีแหวนเพชร แสดงถึงฉันรักคุณ ‘เพชรเป็นนิรันดร์ หนึ่งเดียวคงอยู่สืบต่อไป’ ซึ่งมีความหมายว่าการแต่งงานของคนสองคนจะคงอยู่ตลอดไป
รักฉันต้องซื้อเพชรให้ฉัน เพื่อพิสูจน์ว่าความรักของคุณแข็งแกร่งกว่าเพชร ก้อนหินก้อนหนึ่ง หลังถูกมอบหมายให้เป็นคุณค่าของ‘ความรัก’ มันก็กลายเป็นสิ่งล้ำค่า และยังนำความร่ำรวยมหาศาลมาสู่ผู้ที่ค้าขายมันอีกด้วย
หลินซินเหยียนลูบไข่นกพิราบที่อยู่ในกล่องกำมะหยี่ เบ้ปาก “ไม่เจ้าเล่ห์ไม่ใช่พ่อค้า”
เธอไม่ค่อยรู้จักธุรกิจของว่านเซิ่งกรุ๊ปเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวเปิดธุรกิจไว้มากขนาดไหน
“คุณพูดถึงผมหรอ?”เขากอดเอวเธอไว้จากด้านหลัง “สวมดูสิ”
หลินซินเหยียนปฏิเสธ “ฉันกลัวถูกปล้น”
ของสิ่งนี้สวมไว้บนมือมันสะดุดตาเกินไป อีกอย่าง ไข่นกพิราบแบบนี้ไม่เหมาะกับนิ้วเรียวเล็กของเธอสักนิด
“หืม?”เขาเปล่งเสียงออกมาจากในทรวงอก กระชับวงแขน แผ่นหลังของเธอถูกเบียดจนชิดติดอกของเขา เธอรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจเต้นแรงของเขาอย่างชัดเจน
จงจิ่งห้าวหยิบแหวนวงนั้นออกมาจากกล่องกำมะหยี่ สวมเข้าที่นิ้วของเธอ เพชรใหญ่มาก นิ้วมือของหลินซินเหยียนเรียวเล็กเกินไป แหวนใหญ่ไปหน่อย เขาถอดออกแล้วสวมเข้าที่นิ้วกลางของเธอ ยังคงใหญ่ไปหน่อย สุดท้ายสวมเข้าที่นิ้วชี้ของเธอ พอจะสวมไว้ได้อยู่ เขาคิ้วขมวด “นิ้วของคุณทำไมเล็กขนาดนี้?”
หลินซินเหยียนหัวเราะ “ไม่ใช่นิ้วของฉันเล็กซะหน่อย แหวนวงนี้ไม่เหมาะกับฉันต่างหาก”
จงจิ่งห้าวนิ่งขรึมไปสักพัก แล้วเอ่ยขึ้น “งั้นผมจะหาช่างฝีมือ ทำเป็นสร้อยคอ?”
หลินซินเหยียน “…”
“ฉันไม่เอาด้วยหรอก” สิ่งนี้ทำเป็นอะไรก็สะดุดตาทั้งนั้น
เธอเองก็ซื้อเครื่องประดับอยู่บ้าง เป็นแบบอันเล็กๆประณีต เธอยังเข้าร่วมงานปาร์ตี้แฟชั่นมาไม่น้อย เป็นดีไซเนอร์คนหนึ่ง ค่อนข้างจะเซนซิทีฟต่อแฟชั่นสูงมาก
เขางับเข้าที่คอของเธอ ถามเสียงอู้อี้ “ไม่เอาอะไร?”
หัวใจของหลินซินเหยียนสั่นไหว เธอกัดริมฝีปาก “ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ”
จงจิ่งห้าวนิ่งไปสักพัก แล้วกัดแรงขึ้นราวกับเพื่อเป็นการลงโทษ หลินซินเหยียนรู้สึกเจ็บ เลยร้องฮึ่ยออกมา
เมื่อวานเพราะเธออ้างว่าปวดเอว เขาเลยไม่ได้ทำอะไรเธอ วันนั้นที่เป็นรอยเขาเป็นคนทำจริงๆ แต่ว่าหนึ่งวันหนึ่งครั้ง เธอเป็นคนรับปากเอง
เขาแสยะยิ้มอยู่ในผมยาวของเธอ “วันนี้ต้องสองรอบ ชดเชยของเมื่อวาน”
“จงจิ่ง… ฮึ”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเขาจับเอวแล้วหมุนพลิกตัว กดลงบนเตียง
จงจิ่งห้าวคว้าที่ชายเสื้อของเธอ แล้วดึงขึ้น ตั้งใจจะถอดมันออก “ต่อไปอย่าใส่เสื้อผ้าแบบนี้อีก”
ถอดยาก
สวมแบบกระดุมดีที่สุด ถอดง่ายหน่อย
หลินซินเหยียนหายใจเร็วขึ้น ตื่นเต้นจนสองมือกำผ้าปูเตียงใต้ร่างไว้แน่น
เห็นใบหน้าที่แดงก่ำตื่นเต้นของเธอ จงจิ่งห้าวก็เชยคางเธอขึ้น มองหน้าเธอซ้ายขวาอย่างละเอียด ยิ้มตาหยี ผ่านไปสักพัก ทำเป็นรังเกียจแล้วพูดขึ้นอย่างหยอกล้อ “ทำไมหน้าตาขี้เหร่อย่างนี้?”
หลินซินเหยียนจ้องเขา “ฉันขี้เหร่ตรงไหน ขี้เหร่คุณก็ยัง…”นอนกับฉัน คำหลังเธอไม่กล้าที่จะพูดออกมา
เขาทำท่าคุณชายใหญ่บรรพบุรุษรุ่นที่แปด “ทำไงได้ เปลี่ยนไม่ได้แล้วนิ ก็ต้องแก้ขัดไปก่อน”
เสียงหัวเราะของเขาดังกึกก้อง แฝงไปด้วยความอ่อนโยนและรักใคร่ที่สังเกตไม่เห็น
ตืดตืด—
ขณะนั้นโทรศัพท์ของหลินซินเหยียนที่วางไว้บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมากะทันหัน หลินซินเหยียนหันกลับไปมอง เธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ ก็ถูกจงจิ่งห้าวแย่งหยิบไปเสียก่อน
“ผมดูหน่อยว่าเป็นใคร”หลินซินเหยียนกลัวเขาจะกดตัดสาย รีบพูดขึ้น
หมายเลขที่ไม่ได้เมมชื่อไว้
จงจิ่งห้าวไม่อยากให้เธอรับโทรศัพท์ในตอนนี้ พูดว่าต้องเป็นโฆษณาแน่แล้วก็กดวางสาย
หลินซินเหยียน “…”
ถึงแม้ว่าจะเป็นหมายเลขที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเบอร์รบกวนเสียหน่อย
หลังจากที่เขาพึ่งจะวางสายไปไม่ถึงนาที มันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้หลินซินเหยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว เลยหยิบมือถือได้ก่อน เธอกดรับโทรศัพท์ ทางนั้นมีเสียงผู้หญิงพูดออกมา “ไม่ทราบว่าใช่คุณหลินรึเปล่าคะ?”
หลินซินเหยียนตอบอืม “ใช่ค่ะ”
“เสื้อที่คุณให้ฉันเอาไปส่ง ฉันไม่สามารถช่วยส่งให้ได้แล้วค่ะ คุณพอจะมีเวลามาเอาที่ร้านไหมคะ?”
“ทำไมถึงส่งให้ไม่ได้คะ?”หลินซินเหยียนถาม
หรือว่าเธอเขียนที่อยู่ผิด?
“วิลล่าหลังนั้นถูกปิดล็อคไว้ค่ะ ได้ยินคนแถวนั้นบอกว่าด้านในมีคนเสียชีวิต ตำรวจได้เข้ามา…”
ด้านหลังหลินซินเหยียนไม่ได้ยินเสียงของพนักงานคนนั้นแล้ว สีหน้าของเธอค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ มีคนตาย?
ใคร?
เธอรู้สึกหวาดกลัวและกังวลใจ จะเป็นจวงจื่อจิ่นรึเปล่า?
“คุณเป็นอะไร?” จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วแน่น แตะใบหน้าที่ไม่มีสีเลือดของเธอ
“แม่ แม่ของฉันอาจจะเกิดเรื่องขึ้น”เสียงของเธอสั่นเครือจนเก็บไม่อยู่
น้ำตาเอ่อล้นเต็มขอบตา
จงจิ่งห้าวใจหายวาบ รีบหยิบโทรศัพท์ในมือของเธอมา เขาอยากรู้ว่าใครที่โทรเข้ามา
จากนั้นขณะนั้นเอง หลินซีเหยียนลุกขึ้นราวกับเป็นบ้า รีบวิ่งพุ่งออกไป
เธอต้องไปหาจวงจื่อจิ่น
จงจิ่งห้าวรีบวิ่งตามไปติดๆ รีบจนไม่ได้ฟังเสียงในโทรศัพท์
เธอไม่ได้สวมเสื้อก็วิ่งออกมาข้างนอกแล้ว จงจิ่งห้าวหยิบเสื้อโค้ทบนไม้แขวนเสื้อวิ่งตามออกมา
ดึงเธอที่สติหลุดเอาไว้ “ผมจะพาคุณไป สวมเสื้อก่อนนะ”
“ไม่ได้ ฉันรอไม่ไหวแล้ว ฉันว่าแล้วเชียวว่าหลินกั๋วอันไม่มีทางเป็นคนดีได้ เธอทำไมไม่เชื่อฉันนะ ถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยหลินกั๋วอันไว้แน่!”
เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว เกรงว่าจะปิดบังไม่อยู่แล้ว
“ขึ้นรถ ผมจะพาคุณไปเอง”จงจิ่งห้าวรูดซิปเสื้อโค้ทขนเป็ดขึ้น
หลินซินเหยียนพยักหน้า รีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
หลังจากหลินซินเหยียนขึ้นรถแล้ว จงจิ่งห้าวควักมือถือออกมารีบส่งข้อความไปหาเสิ่นเผยซวน บอกเสิ่นเผยซวนว่าตอนนี้เขากำลังจะพาหลินซินเหยียนไปที่นั่น ทางนั้นให้เขาจัดการให้หน่อย
จงจิ่งห้าวสตาร์ทรถ ถามขึ้นว่า “เมื่อกี้ใครโทรมา?”
“ร้านเสื้อผ้า วันนั้นฉันไปเดินห้าง ซื้อโค้ทขนเป็ดตัวหนึ่งให้แม่ของฉัน ฉันกลัวว่าถ้าเจอเขาอาจจะมีปากเสียงกันได้ เลยให้ทางร้านส่งไปให้ สรุปเมื่อกี้โทรศัพท์มา บอกว่าไม่สามารถไปส่งให้ได้ เหตุผลเพราะ…”
พูดไปหลินซินเหยียนก็สะอื้นขึ้นมา
ในสายตาของเธอจวงจื่อจิ่นคือผู้อ่อนแอ เพราะงั้นก็เลยคิดไปเองว่า จวงจื่อจิ่นอาจจะถูกทำร้าย
ความรู้สึกว้าวุ่นและหวาดกลัวเต็มหัวเธอไปหมด เธอกังวลใจมาก พูดซ้ำไปซ้ำมาอย่างกระวนกระวาย “ทำยังไงดี ทำยังไงดี…”
จงจิ่งห้าวกุมมือเธอไว้แน่น “คนที่เกิดเรื่องไม่ใช่จวงจื่อจิ่น”