กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่330 ฉินยากำลังอาเจียน
“ผมรู้แล้วว่าผิด พี่สะใภ้ คุณช่วยผมหน่อย” ซูจ้านดึงแขนเสื้อของหลินซินเหยียน ออดอ้อน“ เห็นแก่ความน่าสงสารของผม ช่วยผมติดต่อฉินยาหน่อย ได้มั้ย?”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วเข้ม ดึงเสื้อของเขา ให้เขาห่างออกมา “พูดก็แค่พูด มือไม้ไม่ต้องขยับ”
ซูจ้าน “……”
“พี่สะใภ้ ถ้าคุณไม่ช่วยผม ผมต้องตายแน่ๆ ”ซูจ้านจ้องจงจิ่งห้าวแวบหนึ่ง และนั่งลงที่โซฟา “ถ้าไม่เจอฉินยา ฉันก็จะไม่ไป”
ซูจ้านไร้เหตุผล
ถึงอย่างไรที่นี่ก็ดีจะตาย มีให้กินมีให้ดื่ม พื้นที่ก็ตั้งกว้างขวาง ไม่ขาดแคลนห้องให้เขานอน
“แล้วแต่นาย” จงจิ่งห้าวพาหลินซินเหยียนขึ้นข้างบน
หลินซินเหยียนมองไปที่เขาอย่างไม่แน่ใจ “ไม่สนใจเขาจริงหรอ?”
จงจิ่งห้าวไม่ได้พูดอะไร พาเธอขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากสนใจซูจ้าน แต่ในเรื่องของความรู้สึกนั้น จะเข้าไปยุ่งยังไง?
ซูจ้านเองต่างหากที่ต้องไปหาฉินยาแล้วพูดให้ชัดเจน เขาไม่อยากให้หลินซินเหยียนเข้าไปยุ่งกับความรู้สึกของพวกเขา
ถ้าหากว่าดีกันก็ดี ถ้าไม่ดีล่ะ จะโทษใคร?
โทษหลินซินเหยียนหรือ?
อันที่จริงหลินซินเหยียนดูออก ซูจ้านลำบากแน่
แต่เขาต้องลำบากสักหน่อย ต่อไปถึงจะเห็นคุณค่า
“ฉันจะลองโทรหาฉินยาดูหน่อย”หลินซินเหยียนมองไปยังจงจิ่งห้าวที่กำลังปิดประตู อธิบายว่า“ฉันไม่ได้จะไปยุ่งเกี่ยวกับความรู้สึกของพวกเขานะ เพียงแค่อยากรู้ว่าตอนนี้ฉินยาเป็นยังไงบ้าง”
แยกกันแบบนี้ ฉินยาเองก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ตอนแรกที่เธอตอบตกลงแต่งงาน แสดงว่าเธอเองก็ต้องมีความรู้สึกต่อซูจ้านเช่นกัน
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ฉินยา
ฉินยาย้ายไปอยู่กับไอรอน ที่อยู่ใหม่นี้ไม่มีใครรู้ ห้องไม่ใหญ่มาก แต่เธอคนเดียวสามารถอยู่ได้พอดี
ข้างนอกมีเสียงน้ำหยดติ๋งๆ เธอนั่งอยู่หน้าหน้าต่างเบย์อ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า(ความสุขคืออะไร) ในนั้นมีอยู่ประโยคหนึ่ง เธออ่านไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความสุขคืออะไร? ความสุขคือแสงตะวันในฤดูหนาว ให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่คน ความสุขคือชาเย็นๆสักแก้วในฤดูร้อน ทำให้คนรู้สึกสบายขึ้นมา ตอนที่คุณรู้สึกพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ แสงแดดและชาเย็นๆ จะทำให้คุณมีความสุข
เธอคิดหาเหตุผลมากมาย สิ่งที่อยากได้นั้นมากมาย ทำให้ไม่รู้จักพอ ก็ทำให้สูญเสียความสุขไป
ก็เหมือนในตอนนี้ หัวใจของเธอพร่ำบ่น เสียใจ ต่อว่าซูจ้านที่พูดแล้วไม่สามารถทำตามที่พูดไว้ได้ เสียใจที่ทำไมต้องตอบตกลงแต่งงานกับเขา ทำให้ตัวเองต้องน่าสงสารเช่นนี้
แต่พอลองคิดๆดู เพียงแค่เธอวางมันลง ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ซูจ้านก็เป็นเพียงแค่แขกที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเธอ เข้ามาเติมสีสันความสุขทุกข์เหงาเศร้าในความทรงจำของเธอ แต่ไม่ได้ปิดกลั้นอนาคตของเธอ
เพียงแค่เธอยอม ตอนนี้ก็คือความสุข เธอกำลังซึมซับแสงแดดในฤดูหนาว สัมผัสกับความอบอุ่น
ตืดตืด——
โทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงเท้าของเธอดังขึ้น เธอก้มลงมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงขึ้น เธอกลับไม่ได้รับโทรศัพท์ในทันที ร้านมีกำหนดจะเปิดในวันที่แปดของเดือน ยังไม่ถึงเวลาเลย ในเวลานี้ที่โทรหาเธอ แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับซูจ้านครึ่งหนึ่ง
เธอคิดอยู่สักพัก ถึงหยิบขึ้นมา “พี่หลิน”
หลินซินเหยียนเดินไปถึงหน้าต่าง หิมะละลายจนจะหมดแล้ว เสียงน้ำไหลติ๋งๆจากต้นไม้กระทบหลังคา เธอคิดอยู่ในใจครู่หนึ่งถึงพูดออกมา เธอไม่ได้เปิดประเด็นเรื่องระหว่างเธอกับซูจ้าน แต่กลับพูดว่า “เธอว่างไหม?”
ฉินยากัดริมฝีปาก “ซูจ้านให้เธอโทรหาฉันหรอ?”
หลินซินเหยียนไม่ได้ปิดบังเธอ “เขาเมาแล้ว มาที่บ้านจะให้ฉันติดต่อเธอให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ยอมไป แต่ว่าเธอไม่ต้องห่วงนะ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ฉันเลยโทรหาเธอ ที่นี่มีห้องให้เขาพัก ฉันแค่อยากถามเธอ เธอโอเคไหม?”
ฉินยาก้มหน้า “ฉันสบายดี”
คิดได้แล้วก็ดี
ฉินยาคิดรอบคอบแล้ว การปล่อยวางไม่ใช่การหลบหนี แต่คือการเผชิญหน้า
“ถ้าเขายังอาละวาดอย่างไม่มีเหตุผลอยู่อีก เธอก็ให้เขาติดต่อฉันเถอะ” เธอบล็อคเบอร์ติดต่อของซูจ้านแล้ว
ตอนนี้เธอตัดสินใจจะปลดบล็อค ไม่ใช่เพราะยกโทษให้เขา แต่เพราะปล่อยวางเรื่องนี้แล้ว ไม่กังวลกับมันอีกต่อไป ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับซูจ้าน เธอก็ไม่สะทกสะท้าน
หลินซินเหยียนยิ้ม “ฉันเห็นเขาเป็นทุกข์จริงๆ ฉันไม่ได้มาขอร้องเธอ แค่มาอธิบายสิ่งที่เห็นก็เท่านั้น”
ฉินยาก็ยิ้ม “เขาทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ปลอดภัยเกินไปแล้ว”
น่าจะเป็นเพราะเธอยังเหลือความรู้สึกอยู่บ้าง
“งั้นฉันจะบอกเขาให้” หลินซินเหยียนพูด
ทั้งสองคนก็พูดคุยเรื่องงานกันต่อ ครั้งนี้คุยอย่างสนุกสนาน พอวางสายโทรศัพท์ หลินซินเหยียนลงมาข้างล่าง ตั้งใจจะบอกซูจ้านว่าตอนนี้ฉินยายอมรับโทรศัพท์เขาแล้ว สรุป เจ้าตัวดันนอนหลับไปแล้ว
ป้าหยูหยิบผ้าห่มมาห่มให้เขา หลินซินเหยียนถอนหายใจ ไม่ได้ปลุกเขา รอให้เขาตื่นแล้วค่อยบอกละกัน
หลินซินเหยียนกลับไปที่ห้อง พบว่าจงจิ่งห้าวนอนเอนอยู่บนเตียง แค่นี้แหละ หลินซินเหยียนเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง “ซูจ้านหลับไปแล้ว คุณจะพาเขาไปนอนในห้องไหม?”
จงจิ่งห้าวหันข้าง ใช้มือข้างเดียวเท้าคาง กระดิกนิ้วเรียกเธอ“มานี่”
สำหรับซูจ้าน ในบ้านมีเครื่องทำความร้อน ไม่ต้องเข้าไปนอนในห้องก็ไม่รู้สึกหนาว
หลินซินเหยียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองเขาอย่างหวาดระแวง “คุณจะทำอะไร?”
เขายิ้ม หางตาเป็นประกาย “ผมไม่ใช่สัตว์ประหลาดกินคนซะหน่อย กลัวผมทำไม?”
หลินซินเหยียนเม้มปาก “ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ปกติ”
จงจิ่งห้าว “……”
เขาไม่ปกติตรงไหน?
“คุณมานี่ ผมมีของจะให้คุณ”
หลินซินเหยียนไม่เชื่อ กลับกันเธอยิ่งเดินถอยหลังออกไป
จงจิ่งห้าว “……”
ทันใดนั้นเขากลับรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงกลัวเขาขนาดนี้?
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ หยิบสร้อยคอที่จวงจื่อจิ่นฝากเขาไว้ออกมาจากในกระเป๋า “แม่ของคุณให้ผมเอามาให้คุณ”
หลินซินเหยียนจ้องไปที่ของในมือเขา ลังเลอยู่สักพัก “แม่ของฉัน?”
เธอเดินเข้ามา ไม่ได้รีบร้อนไปหยิบมัน แต่พิจารณาคำพูดของจงจิ่งห้าวในใจว่าพูดจริงหรือไม่
เธอไม่เคยเห็นจวงจื่อจิ่นสวมสร้อยคอแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่เหมือนสร้อยที่จงจิ่งห้าวจะซื้อมา
เธอเอื้อมมือไปคว้า ทันทีที่เธอสัมผัสโดนสร้อยคอ ก็ถูกเขาดึงมือเธอไว้ ออกแรงดึงเล็กน้อย เธอก็เข้าไปในอ้อมกอดของเขา
เขายิ้มและถามว่า “ยังจะหลบอยู่อีกไหม?”
หลินซินเหยียนส่ายหัว “ไม่หลบแล้ว”
เธอคดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเงียบๆและถามว่า “แม่ของฉันให้คุณเอามาให้ฉันจริงๆหรอ?”
จงจิ่งห้าวตอบอืมอย่างจริงจัง
หลินซินเหยียนมองใกล้ๆก็ไม่พบอะไร ก็แค่สร้อยคอแพลตตินั่มธรรมดาเส้นหนึ่ง จงจิ่งห้าวกอดเธอจากด้านหลังและพูดว่า “ถ้ามองแล้วไม่สบายใจก็วางมันลงเถอะ”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “คุณช่วยใส่ให้ฉันหน่อยสิ”
อันที่จริงเธอปล่อยวางไปตั้งนานแล้ว เพียงแค่รู้สึกปวดใจกับเรื่องที่จวงจื่อจิ่นจะต้องเผชิญจากนี้ไป
ในเมื่อเป็นของของเธอ ก็ย่อมมีเหตุผลที่จะส่วมใส่มันติดตัว
เป็นเสมือน เธอยังอยู่ข้างๆกาย
จงจิ่งห้าวสวมสร้อยเส้นนั้นเข้าที่คอของเธอและติดตะขอจากด้านหลัง ตรงข้อต่อสร้อย มีตัวอักษรเล็กๆ เขากลับไม่ได้สนใจที่จะดู เขาคิดว่าคงจะเป็นชื่อแบรนด์ของสร้อย ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก
สายสร้อยนั้นบางมาก แต่แวววาวมาก จากเสื้อสเวตเตอร์สีดำของเธอ เห็นได้อย่างชัดเจน
ชีวิตหลังปีใหม่ของเธอสงบสุขมาก หลังจากวันที่15ของเดือนเด็กทั้งสองคนก็จะไปโรงเรียนกันแล้ว แผนงานที่เธอตั้งใจจะใช้ผ้าไหมเซียงหยุนซามาใช้ในงานจัดแสดงเสื้อผ้าก็หยุดชะงัก จงจิ่งห้าวช่วงนี้ค่อนข้างที่จะยุ่ง มักจะไปทำงานแต่เช้าและกลับดึกเสมอ
สำหรับฉินยากับซูจ้านเธอไม่ได้ไปสนใจมากนัก วันนั้น เธอบอกซูจ้านว่าฉินยายอมที่จะพบเขา ซูจ้านก็ไปแล้ว และก็ไม่ได้มาหาเธออีก
เพียงพริบตา ปีใหม่ก็ผ่านไปได้เกือบหนึ่งเดือน ก่อนจะเข้าเดือนที่สองนั้น ตอนก่อนเลิกงานหลินซินเหยียนได้รับโทรศัพท์จากจงจิ่งห้าว ให้เธอไปที่บริษัทของเขา ไม่ได้บอกว่าไปทำไม พูดแค่ว่าให้เธอไป
เธอวางสายโทรศัพท์ ตอนเลิกงานกำลังเตรียมจะไปหาจงจิ่งห้าวที่บริษัท เดินผ่านห้องน้ำก็เห็นฉินยากำลังอาเจียนอยู่