กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่435 อย่าบอกคนอื่น
รถจอดอยู่ที่วิลล่า ยิ่งเป็นสถานที่แออัดจะยิ่งยากต่อการป้องกันและควบคุม กวนจิ้นก็เลยเลือกวิลล่าเดี่ยวของจงจิ่งห้าวหลังนั้น หลักๆ ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยอาศัยที่นี่ รอบๆ ก็ง่ายต่อทำการป้องกัน ติดตั้งระบบเซนเซอร์กันขโมยไว้รอบๆ ห่างจากวิลล่าหลายสิบเมตร ทันทีที่มีคนก้าวเข้ามาในละแวกกล้องวงจรปิด ก็จะส่งเสียงเตือน และคนของเสิ่นเผยซวนฝีมือถือว่าใช้ได้ มีทั้งหมด 8 คน สลับกันสองกะทุกวัน เฝ้าอยู่หน้าวิลล่าตลอด 24 ชั่วโมง
“เก็บไว้พร้อมหมดแล้ว” กวนจิ้นเห็นรถหยุดก็เลยเดินมาพูด
ป้าหยูลงมาจากรถก่อนกลับไปที่วิลล่าก่อนเพื่อตรวจเช็กว่าเตียงในห้องได้จัดไว้เรียบร้อยไหม สำหรับสตรีที่ตั้งครรภ์ต้องพักฟื้นในสภาพแวดล้อมยังไงถึงจะดี เขาได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ สถานการณ์ของหลินซินเหยียนตอนนี้ อันดับแรกคือต้องมีอารมณ์ที่ดี ที่พักอาศัยก็ต้องสบายและต้องระบายอากาศได้ดี
ถึงแม้ว่าหลินซินเหยียนท้องอยู่ ก็ยังนอนห้องหลักบนชั้นสอง เพราะว่าเงียบและนอกหน้าต่างก็เป็นป่าไผ่
ป้าหยูเอาดอกไม้ที่เอากลับมาจากโรงพยาบาลไว้บนหัวเตียง แล้วก็ลงไปข้างล่างบอกจงจิ่งห้าว “กวนจิ้นผู้ช่วยเก็บกวาดได้ดีมาก”
จงจิ่งห้าวถึงอุ้มหลินซินเหยียนลงมาจากรถ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำพูดเหล่านั้นของไป๋ยิ่นหนิงที่อยู่ปรากฏแล้วพูด ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเธอเป็นอย่างมาก แต่ว่าต่อหน้าจงจิ่งห้าว เธอไม่ได้แสดงออกมามาก
เดิมทีทุกคนกำลังยุ่งเรื่องของเธอจนหัวปักหัวปำ ถ้าเธอยังไร้ชีวิตชีวาแบบนี้อยู่อีก มีแต่จะทำให้บรรยากาศแย่เข้าไปอีก เธอมองกวนจิ้นและซูจ้านไว้ “วันนี้ขอบคุณพวกนายสองคนมากเลยนะ อยู่กินข้าวที่นี่ก่อนนะ จริงด้วย เรียกเสิ่นเผยซวนด้วย”
เธออยากจะขอบคุณคนพวกนี้ก็จริง แต่ก็มีเป้าหมายอย่างอื่น……..
ร่างกายของเธอตอนนี้ ซูจ้านและกวนจิ้นไม่กล้ารบกวน เผชิญหน้ากับการเชิญชวนของเธอมองไปทางจงจิ่งห้าวอย่างลังเล เหมือนกำลังถามว่า พวกเขาตกลงได้ไหม?
หลินซินเหยียนหัวเราะ “ฉันให้พวกนายกินข้าวที่นี่ มองเขาทำไม?หรือว่าฉันไม่มีหน้าที่จะเลี้ยงพวกนายกินข้าวเลยหรอ?”
“ไม่………..” ซูจ้านกำลังอยากจะอธิบาย เวลานี้เองจงจิ่งห้าวก็พูดขึ้นมา “ฟังที่เธอบอก กวนจิ้นนายไปหาเชฟมาทำมื้อค่ำ”
“ได้เลย” กวนจิ้นร่าเริงมาก จงจิ่งห้าวยอมรับหลินซินเหยียน นั้นก็คือคุณนายจงแล้ว ถูกเชิญกินข้าวก็ต้องดีใจสิ
เพราะพวกเขาไม่ได้จัดงานแต่ง แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายจงจิ่งห้าวก็ถือว่าแพร่กระจายไปทั่วแล้ว แต่ว่านอกจากในบริษัทกับคนข้างกายจงจิ่งห้าวแล้ว ไม่มีใครกล้าเรียกเธอว่าคุณนายจงเลย เพราะไม่ได้จัดงานแต่ง คนอื่นเขาก็กลัวเรียกผิด ดังนั้นเลยไม่เรียก
ซูจ้านเอาของวางไว้ในห้องเสร็จแล้วพูดว่า “ผมลงไปโทรหาเสิ่นเผยซวนนะ”
เรื่องชั้นบนเขาช่วยอะไรไม่ได้ เก็บของพวกนั้นก็ต้องพึ่งป้าหยู
จงจิ้งห้าวอื้มทีหนึ่ง ป้าหยูเปิดผ้าห่ม จงจิ่งห้าวปล่อยเธอไว้บนเตียง ผ้าคลุมและผ้าห่มเป็นตัวใหม่และล้างหมดแล้ว วัสดุผ้าไหม นุ่มและเบาบาง เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ สบายมาก
“ที่บ้านสบายสุดแล้ว” หลินซินเหยียนพูด ถึงจะเหมาโรงพยาบาลทั้งชั้น ก็ไม่มีทางเงียบสงบเท่ากับอยู่บ้านหรอก อย่างไรก็ตามเป็นสถานที่คนเยอะ
จงจิ่งห้าววางหมอนสองใบรองไว้ที่หลังของเธอ พิงไว้แบบนี้จะสบายกว่า
ป้าหยูเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าเดินทางไปเก็บไว้ที่เดิม เอากระเป๋าเดินทางไปเก็บ “รอให้พ่อครัวมาเตรียมมื้อค่ำ เดี๋ยวป้าลงไปต้อนรับแขกข้างล่างก่อน”
จงจิ่งห้าวพูดว่า “เอาน้ำร้อนขึ้นมาให้แก้วหนึ่ง”
ป้าหยูพูดว่าได้เลย จากนั้นก็ถือกระเป๋าลงไปแล้ว
หน้าต่างในห้องเปิดไว้ มีลมพัดเล็กน้อย
หลินซินเหยียนค่อยๆ หลับตาลงท่าทางเหมือนอยากจะนอน แต่ไม่ได้ง่วงเลย แค่ไม่อยากมองจงจิ่งห้าว กลัวเขาจะรู้ว่าเธอมีเจตนาแฝง
“ง่วงแล้ว” เขานั่งอยู่ข้างเตียง มองผู้หญิงที่จะหลับตาลงแล้ว
หลินซินเหยียนอื้มทีหนึ่ง “รู้สึกเหนื่อย”
“รอให้ป้าหยูยกน้ำขึ้นมาดื่มหน่อยแล้วค่อยหลับเถอะ” จงจิ่งห้าวพูด
ตอนที่หลินซินเหยียนอยู่ๆ ก็ชวนให้พวกเขาอยู่กินข้าว จงจิ่งห้าวแค่คิดว่าเธอเพื่อที่จะตอบแทน ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
แต่ว่าตอนนี้เธอจงใจหลีกเลี่ยง ทำให้เขาอยากสำรวจมากขึ้น
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของไป๋ยิ่นหนิงแล้ว เธอทำอะไรไม่ถูก ต่อหน้าเขาก็ยังตื่นตัวมากขนาดนั้น ไม่สามารถใช้อารมณ์ปกปิดความกลัวและกังวล
เชิญพวกเขามากินข้าว เธอมีเป้าหมายอะไรกันแน่?
ในใจสงสัยแต่ไม่แสดงออกมาข้างนอก
เวลานี้เองป้าหยูตักยกน้ำขึ้นมา จงจิ่งห้าวรับมาแล้วยื่นให้หลินซินเหยียน
เธอมองเขาอย่างแปลกใจ “ไม่ใช่นายดื่มหรอ?”
“รอเธอดื่มเสร็จ ฉันค่อยดื่ม” เขาพูดอย่างเรียบๆ
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันหิวน้ำ?” เขาให้ป้าหยูตักน้ำขึ้นมา เธอคิดว่าเขาจะดื่มเองซะอีก
จงจิ่งห้าวเอาเส้นผมที่ยุ่งไปแนบไว้หลังหูของเธอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ปากของเธอแห้งเกินไป เมื่อกี้ร้องไห้อยู่ในรถอีก ในปากก็แห้ง ถึงจะไม่แห้งก็ต้องดื่มเพื่อให้คอชุ่มชื้นหน่อย เวลาหลับจะได้ไม่อึดอัด”
หลินซินเหยียนใช้ท่าทางของการดื่มน้ำในการยิ้ม “ได้หัวเราะฉันในใจไหม?”
จงจิ่งห้าวเม้มปากไม่พูด
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฉันขายหน้ามาก จริงๆ เลย ท้องทีหนึ่งก็โง่ไปเลย” ตอนนั้นเธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ เธอตื่นตัวขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะสงสัยอะไรไหมนะ
“ในหนังสือบอกว่าคนท้องจะโง่สามปี” จงจิ่งห้าวรับแก้วน้ำที่เธอยื่นมาให้ ไม่ได้ดื่ม และไม่ได้วางลง แต่กลับจับที่เธอจับเมื่อกี้แล้วถือไว้แบบนั้น พูดเบาๆ ว่า “ไม่แปลกใจหรอว่าฉันดูมาจากสมุดเล่มไหน?”
หลินซินเหยียน “……..”
“ฉันง่วงแล้ว” หลินซินเหยียนเอาหมอนออกไปใบหนึ่ง หันหลังใส่เขา เธอไม่ถามหรอก
จงจิ่งห้าวนั่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับ เขาก้มหน้ามองแก้วน้ำบนมือ ยกขึ้นมาแล้วดื่มน้ำในแก้วจนหมด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เขาสังเกตเห็นว่าการจังหวะการหายใจของหลินซินเหยียนช้าอย่างสม่ำเสมอ เขาเรียกเธอเบาๆ ทีหนึ่ง ไม่มีการตอบรับ
น่าจะหลับแล้ว เขาลุกจากขอบเตียงไม่ได้ออกไป หลินซินเหยียนไม่ได้หลับ แค่แกล้งเป็นหลับ ทันทีที่จงจิ่งห้าวลุกไปจากเตียง เธอก็ลืมตาขึ้นทันที
ผ่านไปสักพักหันหัว เห็นแค่เขายืนอยู่ที่หน้าต่าง เธอมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ยิ่งเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก
แต่ว่าจงจิ่งห้าวฉลาดขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเดาอะไรออกหน่อยแล้ว
ตอนนี้เขาน่าจะสงสัยอะไรแล้วแหละมั้ง?
เธอยื่นมือไปจับที่หน้าท้อง ความคิดที่อยากจะปกปิดความจริงก็แน่นแฟ้นขึ้น เธอเอาโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้เสิ่นเผยซวน “หารถเข็นให้ฉันหน่อย วางไว้บนรถของนาย ไม่ต้องบอกคนอื่น และไม่จำเป็นต้องตอบกลับ สายหน่อยฉันจะบอกนายเอง”
คนข้างกายของจงจิ่งห้าว เสิ่นเผยซวนทำงานหนักแน่น ดังนั้นเธอก็เลยเลือกเสิ่นเผยซวน
ข้อความส่งออกไปแล้ว เธอวางโทรศัพท์ลง หลับตา โดยไม่รู้เลยว่า ทุกการกระทำของเธอถูกสะท้อนผ่านกระจกเข้าตาจงจิ่งห้าว
ทันทีที่หลินซินเหยียนหลับตาลง เขาก็หันกลับมา เดินไปถึงข้างขอบเตียง……