กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่451 ความลุ่มหลงที่งอกเงยแตกหน่อเติบโต
จงจิ่งห้าวที่ไม่พูดอะไรมาตลอดในที่สุดก็เปิดปากพูดออกมา
เหวินชิงหันหน้าไปมองเขา “นายหมายความว่ายังไง?”
สีหน้าและน้ำเสียงของเขานิ่งมาก “ผมก็แค่อยากรู้”
“เห็นทีวันนี้ฉันคงต้องไปตระกูลเฉินสักรอบแล้ว ฉันเป็นคนเสนอให้เฉินชือหานแต่งงานกับนายเอง ตอนนี้ที่ตัดสินใจแบบนี้ฉันยังไม่ได้บอกเขา ครั้งนี้เกรงว่าคงจะวุ่นวายน่าดู”
เฉินชิงออกแรง และยกลูกสาวให้อีกครั้ง แต่เขากลับทำตามที่สาบานกันไว้ไม่ได้เขาละอายต่อสหายเก่าคนนี้
“ได้ฟังคุณพูดแบบนี้แล้ว เฉินชิงเป็นคนออกความคิดงั้นหรือ?” แม้ว่ากำลังถามอยู่ แต่ในใจก็พอจะมีคำตอบอยู่เรียบร้อยแล้ว
“ใช่ ฉันอยากแยกนายกับหลินซินเหยียนออกจากกันไวๆ เขาเป็นคนคิดแผนให้ฉัน ตอนนั้นเฉินชิงพูดกับฉันว่า ที่เหอรุ่ยเจ๋อต้องเข้าไปนั่นเป็นเพราะหลินซินเหยียน ตระกูลเหอเองก็มีความแค้นต่อหลินซินเหยียน เลยยินดีช่วยฉัน” เหวินชิงพูดความจริงอย่างจริงใจ
ได้ยินคำตอบแบบนี้แล้ว จงจิ่งห้าวกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร “ผมคิดว่าเขาน่าจะยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้บอกคุณ”
“เรื่องอะไร?” เหวินชิงเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
เขาเชื่อใจเฉินชิงมาก พอได้ยินอย่างกะทันหัน บอกว่าเฉินชิงมีเรื่องปิดบังตนอยู่ ก็เลยเผลอขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว
“เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนจะจับตัวหลินซินเหยียนไป อีกทั้งยังดูแน่วแน่มาก พาคนมาไม่น้อยจะบุกเข้าไปในโรงพยาบาล…”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?” เหวินชิงเข้าใจอย่างรวดเร็ว “นายหมายถึงเฉินชิง?”
“ไม่ใช่เขาที่ลงมือเอง หลอกใช้ตระกูลเหอ ลูกสาวของตระกูลเหอคนนั้นตายลงในคุก เขาคือผู้อยู่เบื้องหลัง ผมหาข้อมูลมาชัดเจนแล้ว ไม่มีหลักฐาน ผมไม่มีทางมาพูดกับคุณหรอก” จงจิ่งห้าวบอกเรื่องพวกนี้แก่เขา ก็แค่อยากให้เขาตาสว่าง เฉินชิงไม่ใช่เพราะว่าเขาถึงยกลูกสาวให้ เกรงว่าเฉินชิงน่าจะมีจุดประสงค์ของตัวเขาเอง
จุดประสงค์อะไรนั้น เขาก็คิดไม่ค่อยออก จากความสัมพันธ์ของเขากับเหวินชิง ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นแต่งงานเพื่อปรองดองกันเลย?
แต่ว่า ทำไมถึงอยากให้ตัวเองมาแต่งงานกับเขาล่ะ?
เขาคิดจะทำอะไร?
จุดประสงค์คืออะไร?
พยายามทำทุกวิถีทาง มากมายซะยิ่งกว่าที่เหวินชิงทำเสียอีก
“เพราะเขาเห็นว่าฉันป่วยรึเปล่า กลัวฉันจะกลับคำ ถึงทำไปโดยปิดบังฉัน?” เหวินชิงรู้สึกคาดเดาไม่ออก ตกลงว่าเฉินชิงทำแบบนี้ไปทำไม
ตามความสัมพันธ์ของพวกเขา ก็ควรจะปรึกษากับเขา ไม่ใช่ตัดสินใจเอาเองแบบนี้ถึงจะถูก
“จงใจปิดบังคุณหรือไม่ คุณลองหยั่งเชิงดูถึงจะรู้” จงจิ่งห้าวหยิบซองเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา แต่ไม่ได้ถือขึ้นมาอ่าน
เหวินชิงเป็นยังไงเขาพอจะเข้าใจอยู่บ้าง เมื่อเขาตัดสินใจปล่อยหลินซินเหยียนไป ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเธออีก
เขายืนขึ้น “สำหรับเฉินชิงผมไม่ชอบเป็นอย่างมาก”
ไม่รู้ว่าคนๆนี้มีวัตถุประสงค์อะไร เก็บเอาไว้ก็เป็นภัย
เหวินชิงขมวดคิ้ว “นายหมายความว่าไง?”
“ผมต้องไปแล้ว” อะไรที่ควรเตือนเขาก็พูดไปหมดแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว
เขาก้าวลงบันไดเดินออกจากศาลาเดินผ่านธารน้ำใสไหลซ่าๆ ต้นพุดตานยังคงออกดอกงดงาม เหวินชิงมองดูแผ่นหลังของเขา ถอนหายใจออกมา มีระยะห่างต่อกันมาโดยตลอด
กลัวว่าจะกลับไปเป็นแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
“ฉันก็อยากปล่อยวางเหมือนกัน แต่มันวางไม่ลง”
ความลุ่มหลงที่งอกเงยแตกหน่อเติบโต คิดอยากจะถอนรากถอนโคน นอกเสียจากเขาจะตาย
เหวินชิงออกจากสวนพุดตาน ก็ตรงไปยังตระกูลเฉิน
เฉินชือหานอยู่บ้านจนเบื่อจะตายแล้ว ทนใช้ชีวิตอยู่แต่บ้านเฉยๆตลอดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
“พ่อ ตอนนี้หนูใช้ชีวิตอย่างกับติดคุก หนูจะออกไปได้เมื่อไหร่คะ?”
เฉินชือหานบ่นออกมา
ขณะนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น คุณนายเฉินไปเปิดประตู
เฉินชือหานยังคงพูดต่อไป “หนูไม่ไหวแล้วนะ หนูอยากออกไป ขืนอยู่ต่อไปหนูจะเป็นบ้าแล้ว”
“ทนต่อไป…” เห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นเหวินชิง เฉินชิงเลยเปลี่ยนคำพูด “ลูกกลับเข้าห้องไปก่อน สายๆหน่อยพ่อจะเข้าไปคุยด้วย”
เฉินชือหานยังอยากจะพูดอะไรต่อ เฉินชิงจ้องเขม็งเป็นการเตือน ถึงเธอจะไม่เต็มใจแต่ก็ลุกขึ้นยืนแล้วกลับเข้าห้องไป
“คุณมาแล้ว” เฉินชิงลุกขึ้นจากโซฟา
“ป่วยอยู่แต่บ้านจนเบื่อแล้ว” เหวินชิงยังคงทำตัวเหมือนเดิมปกติ เฉินชิงยิ้ม “ป่วยเล็กน้อย พักสัก2วันก็หาย ฉันว่าคุณสีหน้าดูดีขึ้นเยอะเลยนะ”
เหวินชิงถอนหายใจ “แก่แล้ว เวลาเป็นเหมือนม้าพยศ พอวิ่งแล้วก็ไม่ยอมหยุด”
เฉินชิงยิ้ม “เข้ามาคุยในบ้านสิ”
คุณนายเฉินเดินเข้ามา ถามว่า “พวกคุณจะดื่มอะไรกันดีคะ?”
“ไม่ดื่ม” พอนึกได้ว่าเหวินชิงอยู่ ก็พูดขึ้นว่า “ชาละกัน เหวินชิงชอบดื่มชา แบบโบราณหนึ่งที่”
“คุณนี่เข้าใจฉันจริงๆ” เหวินชิงยิ้มและเดินตามเขาไปห้องหนังสือ
“วันที่ฉันป่วย คุณไม่รีบร้อนใช่มั้ย?” เหวินชิงถามอย่างไม่เจตนา
“นั่งสิ” เฉินชิงแบมือทำท่าเชิญนั่ง เหวินชิงเลยนั่งลง
“ฉันรีบอะไร เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับคุณ” เฉินชิงนั่งลง เหอเหวินหวยทำงานไม่ได้เรื่อง ทำไม่สำเร็จ เขารีบร้อนมาก “ตอนนี้คุณหายดีแล้ว ครั้งที่แล้วจิ่งห้าวตอบตกลง…”
“ทำไมฉันได้ยินมาว่าตอนที่ฉันป่วย มีคนบุกเข้าไปในโรงพยาบาล? เรื่องนี้คุณรู้รึเปล่า?” เหวินชิงขัดจังหวะเขา
เฉินชิงในใจเต้นตุบตับ แต่บนใบหน้าไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา “ฉันได้ยินแล้วล่ะ เหมือนว่าจะเป็นเหอเหวินหวยส่งคนไปทำ ลูกสาวของเขาตายอยู่ข้างในนั้น ตอนแรกที่เข้าไปก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลินซินเหยียนอย่างมาก ได้ยินว่าโดนคดีเกี่ยวกับชีวิตคนสองคนติดตัว”
เหวินชิงหลับตาลง หากว่าจงจิ่งห้าวไม่ได้เตือนเขาไว้ เขาก็จะเชื่อทุกอย่างที่เฉินชิงพูดมาอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาเหลือเพียงแค่ความสงสัย
“เฉินชิงพวกเรารู้จักกันมา10กว่าปีแล้วสินะ?”
เฉินชิงพยักหน้า “ไม่ใช่หรือไง เข้าเป็นทหารด้วยกันเดินมาถึงวันนี้ด้วยกัน แถมยังทำงานเป็นคู่หูกันอีก”
เหวินชิงรู้สึกหงุดหงิดในใจ ใช่น่ะสิ สหายกันมาตั้งหลายปี เขาก็ยังหลอกตนได้ลงคอ
“ฉันได้ยินมาว่าคุณใช้คนไปทำร้ายลูกสาวตระกูลเหอจนตาย หลอกใช้เหอเหวินหวยมาบีบบังคับจิ่งห้าว?”
เฉินชิงตกตะลึงไปสักพัก เขา เขารู้ได้ยังไง?
คุณนายเฉินกำลังจะเคาะประตูเพื่อนำชาเข้าไปให้ ได้ยินเสียงของเหวินชิง เลยเก็บมือลง
ยืนแอบฟังอยู่หน้าประตู
เฉินชือหานอยากฟังว่าเฉินชิงและเหวินชิงพูดคุยเรื่องงานแต่งงานของตนกับจงจิ่งห้าวหรือไม่ เลยเดินจากชั้นบนลงมา ก็เห็นคุณนายเฉินกำลังแอบฟังอยู่ ขมวดคิ้วและถามว่า “แม่ ทำอะไรน่ะ?”
“ชู่ว!”
“มานี่” คุณนายเฉินเรียกลูกสาวเบาๆ
เฉินชือหานเดินเข้ามา “พวกเขาคุยอะไรกัน?”
คุณนายเฉินให้เธอฟัง
เฉินชือหานเต็มไปด้วยความสงสัย เลยเอาตัวแนบช่องว่างระหว่างประตูตามคุณนายเฉิน
“คุณไปได้ยินมาจากที่ไหน?” เฉินชิงพยายามสงบนิ่ง
สมองกลับหมุนวนอย่างรวดเร็ว กำลังคิดว่าจะหลอกเหวินชิงยังไงดี
“ถ้าฉันไม่มีหลักฐานชัดเจน จะมาถามคุณบุ่มบ่ามรึไง? หากคุณรีบร้อนให้ชือหานแต่งงานมาก คุณบอกฉันมา เราเป็นอะไรกัน? ฉันจะไม่ถามไม่สนใจงั้นหรอ? ฉันเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ ฉันทำไม่ได้ ฉันก็ขอโทษคุณ คุณทำแบบนี้ลับหลังฉัน มันไม่ค่อยดีรึเปล่า?”
เฉินชิงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย “คุณมีหลักฐาน?”
นี่มันถึงแก่ชีวิตเชียวนะ
“สหายกันมาตั้งหลายปีแล้ว บอกความจริงกับฉัน คุณลงทุนลงแรงไปขนาดนี้ ทำไมถึงอยากให้ชือหานแต่งงานกับจิ่งห้าวถึงขนาดนั้น?”
เฉินชิงไม่พูด
ทันใดนั้นประตูห้องหนังสือถูกผลักเปิดออก คุณนายเฉินยืนอยู่หน้าประตู “ฉันรู้ว่าทำไมเขาถึงพยายามทำทุกอย่างให้ชือหานแต่งงานกับจงจิ่งห้าว”
สายตาของทุกคนจดจ้องไปยังเธอ แม้แต่เฉินชือหานที่ยืนอยู่ข้างเธอก็ตกตะลึงไปด้วยเช่นกัน