กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่457 ฉันไม่เสียใจ
มือของชายที่พูดนั้นถือมีดอยู่ระหว่างคอของหลินซินเหยียนไม่กี่เซน รอยเลือดปรากฏขึ้นมาในทันที
บอดี้การ์ดสี่คนยืนอยู่กับที่ไม่กล้าขยับ
เฉิงยู่ซิ่วตื่นตระหนก ดึงชายคนนั้นและขอร้อง “ขอล่ะ อย่าทำอะไรเธอเลย”
ชายคนนั้นดูออกว่าเฉิงยู่ซิ่วเป็นห่วงหลินซินเหยียนมาก สายตาดุร้ายจ้องมองเธอ “อยากให้ฉันปล่อยมันก็ได้ แกก็เดินไปขึ้นรถเองเลย ฉันจะพิจารณาปล่อยมัน”
“ได้ ได้สิ ฉันตกลงก็ได้ แต่แกจะต้องรับประกันก่อนว่าแกจะไม่ทำร้ายเธอ……”
ชายคนนั้นหมดความอดทน จึงด่าออกมาว่า “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว อยากจะช่วยคนก็รีบไปขึ้นรถสิวะ”
“ไม่นะ” หลินซินเหยียนส่ายหัวขอร้องเสียงแหบ อยู่ตรงนี้ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ถ้าขึ้นรถไปแล้ว ก็จะหนีได้ยาก
เฉิงยู่ซิ่วไม่ได้มองเธอได้แต่ก้มตัวแล้วเข้าไปในรถ ในรถมีคนขับรถหนึ่งคน เขาหันมาด้านหลังมองเธอแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร แล้วสตาร์ทรถ
ชายคนนั้นมองไปยังชายรูปร่างสูงใหญ่สี่คนที่ห่างจากเขาไม่ไกล หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ต่อให้มีฝีมือเก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ พวกแกมีจุดอ่อน กำหนดไว้แล้วยังไงก็ไม่ชนะ”
ชายทั้งสี่คนสีหน้าเคร่งเครียด สองมือกำหมัดไว้แน่น แต่ไม่กล้าลงมือโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของหลินซินเหยียน
ชายคนนั้นบังคับหลินซินเหยียนให้ขึ้นรถ
หลินซินเหยียนไม่ยอมฟัง เขาเลยใช้มีดเข้ามาประชิดตัวอย่างโหดร้าย “ไม่อยากตาย ก็เชื่อฟังที่พูดซะ”
“แกไม่ได้พูดว่าถ้าฉันไปกับแก แกก็จะปล่อยเธอไม่ใช่หรือไง?” เฉิงยู่ซิ่วนั่งอยู่หน้าประตูรถ ใช้มือดันประตู ไม่ให้ชายคนนั้นบังคับหลินซินเหยียนขึ้นรถ
“ถ้าแกกล้าขัดขวางฉันอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่ามันให้ตายเดี๋ยวนี้เชื่อไม่เชื่อ?! ฉันบังคับมันก็เพราะไม่อยากให้แมลงวันพวกนั้นมายุ่งกับฉัน พอถึงที่ปลอดภัยฉันก็จะปล่อยมันเอง เป้าหมายของเราก็คือแก ”
เมื่อเจอการข่มขู่เช่นนี้ เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของหลินซินเหยียน เฉิงยู่ซิ่วจึงประนีประนอมอีกครั้ง
อีกอย่างชายคนนั้นบอกว่าเธอต่างหากคือเป้าหมายของพวกเขา ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่ทำร้ายหลินซินเหยียน
ชายคนนั้นขู่หลินซินเหยียนให้เข้าไปในรถ พื้นที่แคบทำให้คนไม่สบายใจขึ้น หลินซินเหยียนตึงเครียด แม้กระทั่งไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อยู่บนคอ
ขณะนั้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“พวกนายสองคนอยู่ที่นี่แล้วโทรศัพท์ ปกป้องเด็กสองคนไว้ให้ดี พวกเราจะไปตามเอง” บอดี้การ์ดคนหนึ่งจัดแจงงานอย่างใจเย็นและรวดเร็ว เขากับบอดี้การ์ดอีกคนจี้รถของคนที่มามุงดู แล้วขับตามไป
คนขับรถตู้สังเกตเห็นว่ามีรถอีกคันขับตามมา รถก็ยิ่งขับเร็วขึ้น เขาเหยียบคันเร่ง
เขากลัวว่ารถข้างหลังจะขับตามมาทัน สายตายังคงตรวจสอบรถที่อยู่ข้างหลัง เพิกเฉยต่อรถที่อยู่ข้างหน้าจนขับรถข้ามเลน รถบรรทุกที่อยู่ข้างหน้าคันหนึ่งบีบแตรไม่หยุด ถึงทำให้คนขับรถตู้ดึงสติกลับมาได้
แต่ว่าในขณะนั้น รถบรรทุกก็เข้ามาใกล้เสียแล้ว
คนขับรถตู้เปลี่ยนเลนตามสัญชาตญาณ ชนเข้ากับด้านหนึ่งของเกาะกลางถนน รถบรรทุกฝั่งตรงข้ามเหยียบเบรกไม่ทัน จึงทำให้ชนเข้าไปที่ท้ายรถตู้ จุดที่ชนเข้าไปนั้น เป็นจุดที่ชายคนที่บีบบังคับหลินซินเหยียนนั่งอยู่ ชายคนนั้นสลบไปในทันที หลินซินเหยียนอยู่ในความตื่นตระหนก ดึงมือชายคนนั้นที่จับคอเธอออก
รถตู้เดิมทีก็ขับมาอย่างเร็ว บวกกับแรงขับเคลื่อนที่มาจากด้านหลังของรถบรรทุก รถตู้ถูกชนจนทะลุผ่านรั้วเตี้ย ปัง! เสียงรถชนเข้ากับเสาป้ายโฆษณาก่อนที่จะหยุดลง
เสาป้ายโฆษณานั้นกลวง เดิมที่ไม่ได้กั้นแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากรถยนต์ เมื่อเกิดแบบนี้ เดิมทีโครงสามเหลี่ยมที่ใช้สำหรับค้ำป้ายโฆษณา เสียหลักไปแล้วหนึ่งต้น แกว่งไปมาสามารถร่วงลงได้ทุกเวลา
ชายที่บีบบังคับหลินซินเหยียน น่าจะถูกกระแทกที่หัวถึงสลบไปทันที เลือดสดๆไหลออกจากหัวของเขา เต็มไปทั่วทั้งหน้า สภาพของรถตู้ดูไม่ได้ คนขับรถตู้ที่อยู่ข้างหน้านั้นหมดลมหายใจไปนานแล้ว
หลินซินเหยียนติดอยู่ตรงกลาง ขาทั้งสองข้างไม่สามารถขยับได้
“แม่คะ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลินซินเหยียนถามอย่างอ่อนแรง
เฉิงยู่ซิ่วไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหน เห็นเพียงแค่ใบหน้าที่ซีดขาว เธอค่อยๆตั้งสติอย่างสะลึมสะลือ เห็นว่าเป็นหลินซินเหยียนเรียกตัวเอง เธอพยายามลืมตาขึ้น “ฉันไม่เป็นไร เธอล่ะ?”
“ขาขยับไม่ได้ค่ะ”
ครึกครึก—
มีเสียงบางอย่างดังขึ้น เฉิงยู่ซิ่วมองเห็นป้ายโฆษณาข้างบนกำลังจะตกลงมา ถ้าทับลงมาพวกเขาตายแน่ๆ
เธอใช้แรงสุดท้ายที่มีลุกขึ้น ใช้เท้าดันเบาะนั่งด้านหน้า พยุงหลินซินเหยียนขึ้นมาบนที่นั่ง สองมือดันข้างบนเธอไว้
“แม่……”
เสียงดังโครม ป้ายโฆษณาหล่นลงมา ตกลงมาที่บนรถตู้ด้านล่างพอดี
ร่างของเฉิงยู่ซิ่วล้มลงทันที หยุดลงห่างจากบริเวณท้องของหลินซินเหยียนไม่กี่เซนติเมตร
เลือดไหลลงมาจากคอของเธอ
ไหลลงมาที่ตัวของหลินซินเหยียน
เธอตกใจจนเบิกตาโต ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา สะอึกสะอื้น “แม่ แม่คะ……”
เฉิงยู่ซิ่วฉีกยิ้มด้วยใบหน้าซีด “ดูแลตัวเองดีๆนะ ดูแลลูกให้ดีด้วย”
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ!” หลินซินเหยียนร้องเรียกเสียงดังอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าแรงและความอ่อนแอของเธอทำให้เสียงของเธอเบามาก
“แม่ คุณต้องอดทนไว้นะ คุณยังไม่ทันเห็นเสี่ยวซีและเสี่ยวลุ่ยเข้าเรียนเลยนะ…”
“ฉันเกรงว่าจะไม่ทันเห็นแล้ว……”
“ไม่ ไม่ค่ะ คุณยังไม่ทันได้ยินจิ่งห้าวเรียกคุณว่าแม่สักคำเลยนะคะ ขอร้องล่ะอย่าเป็นอะไรเลยนะคะ…… ช่วยด้วย!” เธอเสียงแหบพร่าและใช้แรงทั้งหมดที่มี “ช่วยด้วยค่ะ—”
“เหยียนเหยียน เธอฟังที่ฉันพูดนะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบา “ฉันไม่เสียใจ ช่วยฉันดูแลเขาให้ดี ปกป้องลูกของเขาที่ยังไม่เกิดออกมา……”
“แม่……”
ว่านเยว่กรุ๊ป
ทั้งห้องทำงานเสมือนเป็นทะเลสาบนิ่ง ทำให้หดหู่เป็นพิเศษ
จงฉีเฟิงขอให้เฉิงยู่เวินพาคนที่จงจิ่งห้าวสั่งให้ไปตรวจสอบไป๋เฉิงเข้ามาในห้องทำงาน “นี่คือคนของคุณสินะ”
คนนั้นไปที่ไป๋เฉิงเพื่อสืบค้นเรื่องของเฉิงยู่ซิ่ว แต่ถูกเฉิงยู่เวินพบเข้า และยังเชื่อมกับจงฉีเฟิง
จงจิ่งห้าวยืนอยู่หน้าหน้าต่าง เหลือบมองชายคนนั้นนิ่งๆ
คนนั้นรีบก้มหน้า “ขอโทษ ผม……”
“ออกไปเถอะ”
“ครับ”
ชายคนนั้นออกจากห้องและปิดประตู
เดิมที่จงฉีเฟิงอยากจะบอกความในใจแก่เขา ตอนนี้จงจิ่งห้าวสงสัย ถือว่าเป็นการพลิกสถานการณ์ เขาก็ไม่ต้องคิดว่าจะพูดอย่างไรดี
“คุณอยากรู้อะไร ถามฉันไม่ดีกว่าหรือ” จงฉีเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา เขาส่งสายตาให้เฉิงยู่เวิน ให้เขานั่งลง
เฉิงยู่เวินมองไปที่จงจิ่งห้าว และหยุดพูด
ดูท่าทางของจงฉีเฟิง น่าจะอยากบอกบางเรื่องให้จงจิ่งห้าว ยังไงให้เขาบอกน่าจะเหมาะสมกว่า เลยนั่งลงด้านข้างอย่างเงียบๆ
“คุณให้คนไปสืบ แน่นอนว่าจะต้องสงสัยบางอย่าง หรือไม่ก็รู้เรื่องบางอย่างแล้วสิ” จงฉีเฟิงไม่ได้รอให้เขาตอบกลับ เขาพูดอีกว่า “ฉันและเหวินเสียนนับถือกัน เพียงแต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ในใจของเธอรู้ดี ฉันไม่อยากบังคับ เธอรู้สึกขอโทษฉัน……”
“ภายหลังเธอจึงนำเฉิงยู่ซิ่วส่งมาอยู่ข้างกายฉัน” ตอนที่พูดถึงเฉิงยู่ซิ่ว เสียงของจงฉีเฟิงนั้นมีความไม่แน่นอน ดูเหมือนจะนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน
จงจิ่งห้าวกัดฟันแน่น ตอนนั้นสายตาแหลมคมทันที เขาค่อยๆหันหน้าที่เย็นชาไปที่จงฉีเฟิง
“ฉันรู้ ตอนนี้บอกนาย มันไม่ยุติธรรมกับนาย เพราะตอนแรกนั้นเป็นพวกเราที่ปิดบังนาย ทำให้นายเข้าใจผิด ทำให้นายแค้น……”
ตืดตืด—
โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้นอย่างกะทันหัน ขัดจังหวะจงฉีเฟิงพูด
จงจิ่งห้าวยืนอยู่ไม่ได้ขยับ โทรศัพท์นั้นดับไปและดังขึ้นอีกครั้ง เขายังคงไม่รับสาย
ปัง!
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างแรง เป็นเสิ่นเผยซวน โทรไปที่โทรศัพท์ของจงจิ่งห้าวแต่ไม่มีคนรับ บอดี้การ์ดเลยโทรศัพท์มาที่เสิ่นเผยซวน
เขายืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้ว”