กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่486 วัวแก่กินหญ้าอ่อน
“เหวินชิงกับแม่เลี้ยงคนนั้นของนายไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟ อันนี้คุณน่าจะรู้ดีกว่าผม ว่าเขาเกลียดชังผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน เขามาหาผม ก็เพราะว่าผมรู้จักคนเยอะ ให้ผมช่วยเขาอย่างหนึ่ง ให้ไปจับตัวผู้หญิงคนนั้นมา เพียงแค่คนที่ไปทำเรื่องนี้ ทำไม่สำเร็จ เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น แต่ว่ายังไงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณกับเหวินชิงยังไงก็ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน ตอนนี้ไม่มีแล้วก็ยิ่งดี จะได้ไม่ขัดตา”
กู้เป่ยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของจงจิ่งห้าว แค่รู้สึกถึงบรรยากาศภายในห้อง หนาวเย็นอย่างประหลาด ในใจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ราวกับว่าผู้หญิงสามคนที่ยืนอยู่ข้างประตูขัดหูขัดตา เขาหันไปทางประตูตะโกนเรียกผู้จัดการเสียงเข้ม “เอาคนออกไป เห็นแล้วเกะกะตา”
ผู้จัดการพาลูกน้องมาสองสามคนแล้วเอาตัวพวกเธอออกไป
ตาของจงจิ่งห้าวที่ปรือเล็กน้อยกระตุกขึ้น ลูกตากลิ้งวนไปวนมาลึกไม่มีที่สิ้นสุด “เจ้านายกู้ไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนนี้สถานการณ์คับขัน ธงยาวประกาศกำจัดเรื่องผิดกฎหมายแขวนอยู่ทั่วทุกที่ ร้านนี้เปิดอยู่แบบนี้ เรื่องจับตัวคนอีก ก็ยังกล้าก่ออาชญากรรมซึ่งๆหน้า”
“นี่ไม่ใช่เพื่อช่วยเหวิงชิงเรื่องหนึ่งงั้นหรอ? สถานะของเขาลงมือเองไม่ค่อยสะดวก เลยยืมมือของผม”
กู้เป่ยเอนพิงบนโซฟา หันหน้ามามอง “ประธานจงมาในวันนี้ เพื่อมาหาความบันเทิงจริงๆ หรือว่า…”
ไม่ใช่เพราะรู้ความสัมพันธ์ของเหวินชิงกับจงจิ่งห้าว เขาไม่มีทางพูดออกมาอย่างเปิดเผยขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็มีผลกระทบทั้งนั้น ตอนที่เขาพูดก็ผ่านการไตร่ตรองในใจมาก่อนแล้ว
ถ้าหากเขามีอะไรปิดบัง แล้วจงจิ่งห้าวไปได้ยินจากปากของเหวินชิง เขาก็ไม่ใช่คนทั้งในและนอกแล้ว
“เจ้านายกู้คิดว่าผมมาทำอะไรล่ะ?”
สายตาชนกัน ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กู้เป่ยอ้ำอึ้งไปสักพักก็ยิ้มออกมา “มาที่ร้านผมที่นี่ ก็ต้องมาสำเริงสำราญแน่นอนอยู่แล้ว”
“เจ้านายกู้วันนี้ทำให้ผมผิดคาดซะแล้ว” จงจิ่งห้าวใช้ลิ้นเลียฟันหน้า ท่าทางชั่วร้ายยิ่งกว่ากู้เป่ย คำพูดของเขาแฝงยาพิษ ท่าทางสงบนิ่ง “ตอนนี้ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน เจ้านายกู้ระมัดระวังหน่อย อย่าถูกคนหลอกใช้แต่กลับไม่รู้ตัว”
กู้เป่ยสีหน้าเปลี่ยนไป “คุณหมายความว่าไง?”
ทำไมฟังแล้วมันรู้สึกเหมือนในคำพูดยังมีอะไรแฝงอยู่อีก?
จงจิ่งห้าวลุกขึ้น ซูจ้านและเสิ่นเผยซวนก็ลุกขึ้นตาม
สายตาเย็นชาของเขามองลงมา “เจ้านายกู้ เรื่องเล็กอย่างจับตัวคนคนหนึ่งง่ายๆแค่นี้ มาให้คุณทำ เป็นเพราะเขาไม่สะดวก หรือว่าในสถานการณ์นี้ไม่กล้าลงมือด้วยตัวเองกันแน่?”
กู้เป่ยหรี่ตามอง เขาหมายความว่าไง?
เหวินชิงหลอกใช้เขา?
“ประธานจงกำลังพูดล้อเล่นหรือไง? นั่นมันลุงของคุณนะ คุณไม่อยู่ข้างเขา แต่กลับอยู่ข้างผม คุณคิดว่าผมจะเชื่อหรอ?”
เหวินชิงเป็นลุงของเขา มาเผยเรื่องของเหวินชิง มาเพื่อหยั่งเชิงเขา?
เวลานี้กู้เป่ยไม่กล้าเชื่อคำพูดของจงจิ่งห้าว ยังไงเขากับเหวินชิงก็เป็นคนบนเรือลำเดียวกัน
“เชื่อไม่เชื่อก็ตามใจเจ้านายกู้เถอะ ผมก็แค่ทนเห็นคนถูกหลอกใช้แต่ไม่รู้ตัวไม่ได้อีกต่อไปก็เท่านั้นเอง” คำพูดของเขามีความแฝงอยู่ บอกพอให้เข้าใจ “วันนี้ต้องขอบคุณเจ้านายกู้มากที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น”
“เรื่องต้อนรับพูดไม่ได้หรอก ยังไม่ได้ทำให้ประธานจงสนุกเลย มาคราวหน้า แจ้งผมก่อนล่วงหน้า จะเตรียมการไว้อย่างดีเลย ให้ประธานจงสนุกสนาน”
กู้เป่ยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าในคำพูดของจงจิ่งห้าวมีอะไรแอบแฝง คำพูดนี้ชัดเจนว่าเป็นการเตือน
อีกอย่างคำพูดที่ใช้ก็ดูแปลกๆ หมายความว่ายังไง? เขาเคยถูกเหวินชิงหลอกใช้มาก่อน อีกอย่างตัวเองไม่รู้?
“ประธานจงสามารถไขข้อข้องใจอย่างหนึ่งให้ผมได้มั้ย?” กู้เป่ยตะโกนเรียกจงจิ่งห้าวที่เดินไปถึงหน้าประตูให้หยุดอย่างกะทันหัน เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา “ประธานจงรู้เรื่องภายในอะไรมาหรอ?
จงจิ่งห้าวกระตุ้นให้เกิดความสนใจ “ไม่รู้ว่าเจ้านายกู้ได้ยินเรื่องของเฉินชิงหรือไม่”
“ถึงแม้จะปิดอย่างมิดชิด แต่ว่าคนในวงการไม่มีใครที่ไม่รู้ มาถึงอายุขนาดนี้ ไม่มีอะไรเหลือสักอย่าง ก็น่าเวทนาพอแล้ว…” แล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพูดถึงเฉินชิงขึ้นมาอย่างกะทันหันหมายความว่ายังไง?
“คุณหมายความว่าเฉินชิงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เกี่ยวข้องกับเหวินชิง?”
จงจิ่งห้าวสะบัดปกคอเสื้อที่ไม่มีฝุ่นสักนิด น้ำเสียงและสีหน้ามีความหมายลึกซึ้ง “ผมพูดแบบนั้นงั้นหรอ? เจ้านายกู้อย่าได้สร้างปัญหาให้ผมเชียว”
กู้เป่ยเข้าใจอย่างรวดเร็ว เขามีความวิตกกังวล ไม่ว่าจะพูดยังไงเหวินชิงก็คือลุงของเขา จะเผยเบื้องลึกอย่างเปิดเผยได้ยังไง
ซูจ้านแทรกพูดขึ้นมาอย่างเหมาะสม “เหวินชิงคนนี้อายุมากแล้ว ชอบยุ่งเรื่องไร้สาระ งานแต่งงานของคนอื่นเขาก็อยากจะยุ่ง ไม่ชอบก็ยังจะยัดเยียดอีก ทำตัวอาวุโสดูถูกคนอื่นก็น่ารำคาญพอแล้ว”
ฟังมาตั้งนาน ซูจ้านก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว จงจิ่งห้าวกำลังใช้กลวิธียุให้เกิดการแตกแยกภายใน ทำให้กู้เป่ยและเหวินชิงหันมาแตกคอกัน ต่างฝ่ายต่างระแวงกัน เขานั่งรอรับผลประโยชน์ รอให้ทั้งสองคนต่างก็บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย เขาถึงจะลงมือ
ด้านหน้าจงจิ่งห้าวโยนเฉินชิงเหยื่อรายนี้ออกไปแล้ว ถ้างั้นตอนนี้เขาก็ให้กู้เป่ยหนึ่งอัน ทำไมจงจิ่งห้าวถึงต้องบอกเหตุผลกับเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เขาสงสัย
เหวินชิงบังคับจงจิ่งห้าวเรื่องงานแต่งงาน เพราะจงจิ่งห้าวไม่พอใจต่อเหวินชิง ถึงมาเผยเรื่องของเหวินชิงต่อหน้ากู้เป่ย
จงจิ่งห้าวแกล้งต่อว่าซูจ้านอย่างไม่พอใจ “ไม่พูด จะมีใครหาว่านายเป็นใบ้หรอ?”
ซูจ้านก้มหน้า “ที่ฉันพูดก็เป็นเรื่องจริง”
“ให้เจ้านายกู้เห็นเรื่องขบขันซะแล้ว”
กู้เป่ยหัวเราะออกมาเล็กน้อย “ไม่หรอก อายุขนาดนี้ถูกเร่งให้แต่งงานเป็นเรื่องปกติมาก เหวินชิงเป็นลุงของคุณ เป็นห่วงเรื่องงานแต่งงานของคุณ ก็เพราะหวังดีต่อคุณ ในใจเกิดความร้าวฉานขึ้น มันไม่คุ้มค่า”
ปากเขาพูดไปแบบนั้น แต่ที่คิดในใจไม่ใช่เรื่องนี้ ถ้าหากเป็นจริงอย่างที่ซูจ้านบอกมาทั้งหมด เหวินชิงบังคับจงจิ่งห้าวเรื่องแต่งงาน ทำให้เขาไม่พอใจก็อาจจะเป็นไปได้
เขาบอกเรื่องเฉินชิงถูกเหวินชิงทำร้ายต่อหน้าตัวเอง ถึงแม้จะโหดไปหน่อย แต่ว่าก็เป็นไปได้ ยังไงชื่อเสียงของจงจิ่งห้าวในแวดวงก็เป็นแบบนี้ ทำเรื่องเด็ดขาดก็เหี้ยมพอสมควร ใครทำให้เขาเสียเปรียบ เขาก็จะเอาคืนเป็นเท่าตัว
คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหวินชิงบีบคั้นมากเกินไป ถึงทำให้เขาโมโหสินะ?
กู้เป่ยคิดพิจารณาอยู่ข้างในห้อง รอจนจงจิ่งห้าวเดินออกไปแล้ว ถึงจะเรียกผู้จัดการให้เข้ามา
เขาไม่ใช่เด็กสามขวบนะ แค่คำพูดไม่กี่ประโยคก็เชื่อ จะต้องไปสืบค้นด้วยตัวเองให้แน่ชัดก่อนถึงจะสบายใจ
“นายไปสืบมาว่าเหวินชิงบีบบังคับจงจิ่งห้าวให้แต่งกับผู้หญิงคนไหน แล้วก็ ไปแอบสืบเรื่องของเฉินชิงมาด้วยว่าเกี่ยวข้องกับเหวินชิงหรือไม่”
ผู้จัดการตอบรับทราบ “ผมจะรีบจัดการให้”
โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไปเถอะ”
เขาหวังว่านี่จะไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าหากเป็นจริง…
เขากัดฟันพูดคำว่าเหวินชิง หลอกใช้เขา? คิดว่าเขาเป็นลูกพลับนิ่มบี้ง่ายงั้นสิ?
จงจิ่งห้าวเดินออกมาจากไนต์คลับมองเสิ่นเผยซวยแวบหนึ่ง “ฉันไปรอนายที่บริษัท”
พูดจบก็เดินขึ้นรถไป ซูจ้านค่อนข้างสอดรู้สอดเห็น ใช้ไหล่สะกิดเสิ่นเผยซวนนิดหนึ่ง เชยคางขึ้นเล็กน้อย มองซางหยูที่ยืนอยู่ข้างเขา “รู้จักกันเมื่อไหร่ ไม่บอกพวกฉันเลยนะ? ปิดเอาไว้กลัวพวกฉันแย่งรึไง?”
“นายอย่ามาพูดจามั่วๆนะ ฉันก็แค่ทำตามที่รับปากคำไหว้วานจากคนอื่นมาแค่นั้น” เสิ่นเผยซวยถลึงตาใส่ซูจ้าน “ยังไม่ไป?”
ซูจ้านยิ้มกริ่ม ขณะที่เดินไปที่รถ สายตาก็มองไปที่ร่างของซางหยูลองคำนวณดู ทำปากจู๋พักหนึ่ง นี่ก็เด็กเกินไปแล้ว เสิ่นเผยซวนเขาเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนสินะ
“เผยซวนของฉันอย่าเห็นว่ามันอายุเยอะเชียว แต่มันไร้เดียงสามากเลยล่ะ ดูแลมันดีๆหน่อยนะ” ซูจ้านส่งสายตาให้ซางหยู