กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่489 เป็นคนใหม่
เมืองC ณ ตอนนี้
หลินซินเหยียนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะหิวน้ำลุกขึ้นมารินน้ำ ดื่มเสร็จแล้วก็กลับขึ้นเตียงไปแต่ทว่าเธอจะนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ งั้นก็ถือโอกาสลุกขึ้นมา หยิบหนังสือเล่มหนึ่งแล้วนั่งอ่านบนเตียง
เธอนอนในห้องคนเดียว เด็กสองคนนอนอีกห้องจะไปหาก็กลัวจะรบกวนจะทำให้ตื่น ที่นี่ที่เธออยู่ไม่ได้เป็นบ้านเดี่ยว แต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี อีกอย่างยังเงียบสงบ หนึ่งลิฟต์ก็เป็นหนึ่งห้อง พื้นที่ใช้สอยก็ไม่ถือว่าใหญ่ แต่ก็ไม่เล็ก หนึ่งร้อยหกสิบตาราง สี่ห้องนอนสองห้องน้ำหนึ่งห้องครัวหนึ่งห้องรับแขก
ฉินยากลับมาก็อยู่กับเธอที่นี่ เธอขอร้องฉินยาให้อยู่ที่นี่ แต่ก่อนฉินยาได้รับความเจ็บปวด อยู่ที่นี่คนเยอะ จะช่วยให้เธอไม่ต้องคิดมากอยู่คนเดียว ห้องสี่ห้องเพียงพอสำหรับพวกเขาอยู่พอดี
ห้องของเธออยู่ติดกับด้านขวาของหน้าต่าง วางชั้นหนังสือหนึ่งอัน บนชั้นนั้นวางเต็มไปด้วยหนังสือ ไม่ได้เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ หากแต่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศZ ในฐานะที่เป็นประเทศใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์มาห้าพันปี มรดกที่บรรพบุรุษของประเทศหลงเหลือไว้ให้นั้นช่างกว้างใหญ่ไพศาลและลึกซึ้ง
บนชั้นหนังสือนี้ยังมีบางส่วนที่เกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย
เฉพาะงานปักนั้นมีหลายแบบ งานฝีมือ งานปักเม็ด งานปักทอง งานปักสองด้าน แต่ก่อนเธอเคยสนใจ แต่ไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ตอนนี้พอมีโอกาสได้ศึกษาก็พบว่าแท้จริงแล้วมันช่างสวยงามจริงๆ
พิเศษสุดเลยคือวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศ สัญลักษณ์สีแดงสด ความหมายก็ดีมาก
เธอเห็นบทความหนึ่งเกี่ยวกับการแต่งงานในสมัยโบราณอยู่ในชั้นหนังสือ เธอหลงใหลชุดแต่งงานที่อยู่ในนั้น
ปัจจุบันนี้บนโลกนี้นิยมชุดแต่งงานที่เป็นที่นิยม หนุ่มสาวส่วนมากก็เลือกชุดแต่งงานแบบนั้น
สีขาวแบบไร้ที่ติ สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ของทั้งคู่
แต่ที่จริงนี่ไม่ใช่ความหมายแรก แต่เป็นคำอธิบายของคนรุ่นหลังๆ เป็นการสืบสานที่มาของชุดแต่งงานในสมัยโรมัน เพราะในตอนนั้น สีขาวหมายถึงความสุข ง่ายๆแบบนี้ ก็เหมือนสีประเทศฉันนั้นคือสีแดงที่หมายถึงความสุขเป็นเหตุผลแบบเดียวกัน
ในสายตา หลินซินเหยียนคิดว่าสีแดงนั้นสามารถสะท้อนความสุขและความครึกครื้นได้ดี
สีแดง เต็มไปด้วยความอบอุ่น งดงามดุจไฟ ลุ่มลึกและร้อนแรง ในความรู้สึกเธอคิดว่านี่ยิ่งกว่าชุดแต่งงานที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่กำลังเดินเข้างานแต่งงาน มันกระตือรือร้น และให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งคล้ายโหยหา
ในความคิดของเธอ ช่วงเวลาที่เดินเข้าโบสถ์ ให้ความรู้สึกแบบนี้ มีความปรารถนาและความคาดหวังอย่างแรงกล้า
ครั้งนี้ เธอทำเป็นหนึ่งเซ็ต ทั้งหมดสิบสองชุด ทั้งหมดถูกออกแบบมาในรูปแบบชุดแต่งงานสมัยโบราณ ผสมผสานกับรูปแบบปัจจุบัน แต่ละชุดออกแบบมาไม่เหมือนกัน รูปแบบการปักก็ไม่เหมือนกัน แต่เนื้อผ้าเป็นแบบเดียวกัน
การผสมผสานระหว่างผ้าไหมกวางตุ้งและงานปักหลากรูปแบบ การผสมผสานระหว่างรูปแบบโบราณและปัจจุบันเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รูปแบบและสัญลักษณ์รูปแบบใหม่ชนิดหนึ่ง เธอเรียกรูปแบบนี้ว่าสไตล์จีนแบบใหม่
เธอพบว่าการตกแต่งสไตล์จีนแบบใหม่กำลังเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ ดังนั้นผู้คนจึงมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้เบื้องหลัง
เธอไม่เพียงแต่อยากให้ผ้าไหมกวางตุ้งกลับเข้าไปในหัวใจผู้คนอีกครั้ง อีกทั้งยังอยากให้วัฒนธรรมแบบนี้กลับคืนมา เธอมีสายเลือด อยากให้งานปักแบบนี้เข้าสู่ระดับนานาชาตินั้นไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้สิ่งที่เธอจะต้องทำก็คือ จะต้องทำให้ชุดเซ็ตนี้ไร้ที่ติ จะต้องทำให้ชุดนี้โด่ดเด่นในเวทีระดับนานาชาติ
แต่ในขั้นตอนการผลิตนั้นเธอพบปัญหามากมาย ในช่วงเวลานี้ เธอจึงกำลังศึกษาตรงจุดนี้ แม้จะเหนื่อยหน่อย แต่ก็เต็มที่กับมัน พอมีเวลาว่าง ก็จะคิดถึงคนคนนั้น แต่เวลาส่วนมากนั้นเธอจะใช้ไปกับการหาวิธีแก้ปัญหา และทดลองครั้งแล้วครั้งเล่า รูปแบบจึงเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นเวลาก็ผ่านไปแบบไม่รู้ตัว
คืนนี้เช่นกัน อ่านหนังสืออยู่ดีๆก็เผลอหลับไป หนังสือยังค้างอยู่บนมือ
แม้ฟ้าจะสว่างแล้วแต่เธอก็ยังไม่ตื่น
เด็กทั้งสองคนนับวันยิ่งสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แทบจะไม่ต้องให้ใครช่วย ใส่เสื้อผ้าล้างหน้าแปรงฟันเอง
ฉินยารีบไปดูหลินซินเหยียนแต่เช้าครู่หนึ่ง รู้ว่าเมื่อคืนเธออ่านหนังสือจนดึกอีกแล้ว เลยไม่ได้ปลุกเธอขึ้นมา บนตัวสวมชุดสายเดี่ยวกระโปรงยาวอยู่บ้าน ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหวี ยุ่งเล็กน้อย แต่ก็มีความสวยแบบขี้เกียจ เธอเข้าครัวเตรียมอาหารเช้า ที่บ้านสั่งนมตอนเช้ามา ทุกวันจะมาส่งตอนเจ็ดโมงตรง นมชนิดนี้สดใหม่มาก ไม่มีสารเติมแต่งใดๆเลย ดีต่อสุขภาพ ก็แค่รสชาตินั้นไม่ได้ดีเหมือนที่ผ่านการแปรรูปมา
เธอทอดไข่ไปด้วยใส่ขนมปังก้อนลงในเครื่องปิ้งขนมปัง เด็กทั้งสองคนที่ตื่นแล้วก็วิ่งเข้ามา บอกว่าจะช่วยเธอทำ
ฉินยาขมวดคิ้ว “พวกเธอจะช่วยอะไรได้จ๊ะ?”
“ช่วยคุณน้าทำอาหารเช้าไงคะ?” จงเหยียนซียื่นมือมาจะช่วยทอดไข่ พวกเขาสองคนมีน้ำใจขนาดนี้ฉินยาจึงไม่กล้าไปปฏิเสธพวกเขา แต่อันที่อันตรายก็ไม่อยากให้พวกเขาทำ เลยจัดงานที่พวกเขาสามารถทำได้ให้ทำ “เหยียนซีไปหยิบนมที่หน้าประตูเข้ามาสิจ๊ะ เหยียนเฉินรับผิดชอบปิ้งขนมปังนะ”
จงเหยียนซีกระตือรือร้นมาก ขาเล็กๆรีบวิ่งออกไป จงเหยียนเฉินยืนอยู่หน้าเครื่องปิ้งขนมปัง มองแผ่นหลังของฉินยาที่กำลังปลอกผลไม้ แล้วถามว่า “คุณน้าฉินยา ทุกครั้งที่ผมเห็นคุณน้า เหมือนกับผมกำลังมองคนอีกคนอยู่เลย”
ใบหน้าของฉินยาเปลี่ยนไป น้าคนนี้ก็ชื่อว่าฉินยา แต่ไม่ใช่ฉินยาคนเดิม เสียงที่พูดออกมาก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน
ในการระเบิดครั้งนั้น เสียงของเธอได้รับความกระทบกระเทือน รูปลักษณ์และน้ำเสียงก็เปลี่ยนไปหมด ดังนั้งจงเหยียนเฉินจึงรู้สึกว่าฉินยาคนนี้ทำให้เขาไม่คุ้นเคย
ฉินยาไม่ได้หันมามอง นำผลไม้ที่ปลอกเสร็จวางใส่จาน แล้วถามว่า “ฉันในตอนนี้สวย หรือว่าก่อนหน้านี้สวยกว่า?”
จงเหยียนเฉินคิดสักพัก แถมยังทำท่าคิดพิจารณาอย่างจริงจัง “ถ้าจะดูแค่รูปลักษณ์ แน่นอนว่าตอนนี้ประณีตกว่า แต่ว่าผมชอบแบบเดิมมากกว่า ให้ความรู้สึกเป็นกันเองคุ้นเคย”
คุณน้าฉินยาในตอนนี้บุคลิกดูเย็นชา ไม่คึกคักร่าเริงเหมือนแต่ก่อน เรียกว่าคุณน้าฉินยานั้นก็เหมือนเรียกคนอีกคน
ฉินยานำไข่ที่ทอดเสร็จแล้ววางลงบนจาน แล้วหันหน้ากลับมามองจงเหยียนเฉิน “นี่นายกำลังชมฉันอยู่ หรือว่ากำลังแขวะฉันกันแน่?”
“แน่นอนว่าชมคุณน้าสิ รูปร่างจะดีไม่ดี ก็เป็นแค่รูปกายภายนอก ขอแค่จิตใจดีนี่สิถึงจะเรียกว่าสวยจริง แต่ก่อนคุณน้าฉินยารูปลักษณ์ภายนอกสวย จิตใจยิ่งสวยกว่า”
“เจ้าเด็กนี่ ยิ่งโตยิ่งรู้จักพูด ไม่กลัวกระดากลิ้นสินะ”
จงเหยียนเฉินหัวเราะคิกคัก “ที่พูดทั้งหมดผมพูดจริงๆนะ” ไม่นานบทสนทนาของเขาก็เปลี่ยนไป “คุณน้าฉินยา ผมแนะนำคุณอย่างหนึ่งได้ไหมครับ?”
“หือ?”
ฉินยาปิดแก๊ส ไข่ดาวทั้งหมดก็ทอดเสร็จแล้ว เธอหมุนตัวพิงบนเตา แล้วมองจงเหยียนเฉิน พร้อมกับถามว่า “จะแนะนำอะไรหรอ?”
“ผมคิดว่า คุณน้าฉินยาในตอนนี้ ไม่ควรเรียกว่าคุณน้าฉินยา”
ฉินยาขมวดคิ้ว “เด็กคนนี้หมายความว่ายังไง?”
“ไม่ใช่นะ อย่ารีบร้อนสิ ฟังผมพูดให้จบก่อน” จงเหยียนเฉินรีบอธิบาย น้ำเสียงก็รีบร้อน
ครั้งนี้ฉินยาสงบลง มือสองข้างกอดอก อดทนฟังเขาพูดต่อไป เธอแค่อยากฟังว่าปากของเด็กคนนี้จะพูดอะไรออกมา
“ผมคิดว่าคุณน้าฉินยาควรจะถือว่าเกิดใหม่ ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปเสียงก็เปลี่ยนไปด้วย ผมคิดว่าชื่อก็ควรจะเปลี่ยน แบบนี้ถึงจะเป็น‘คน’ใหม่ทั้งหมด”
ต่อไปเขาและน้องสาวตอนเรียกเธอก็จะไม่รู้สึกแปลกๆอีก
ทุกครั้งที่เรียกคุณน้าฉินยา เขาจะรู้สึกสับสนอยู่สักพัก
ฉินยาลองคิดๆดู ที่เด็กคนนี้พูดก็มีเหตุผล ตอนนี้เธอมีเพียงชื่อเท่านั้นที่ยังเหมือนเดิม แต่ว่าถ้าดูจากหน้าตาแล้ว ก็ไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมเลย
ถือว่าเป็นตัวเองคนใหม่ ชื่อเองก็ควรพิจารณาเปลี่ยนสักหน่อยจริงๆ
“งั้นภารกิจนี้ขอมอบหมายให้นายละกัน นายช่วยคิดชื่อที่มันไพเราะ แล้วก็มีเสน่ห์มาชื่อหนึ่งนะ” ฉินยาเชิดคางไปทางจงเหยียนเฉิน