กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่516 ประทับใจมาก
ตอนนี้เรื่องที่จะทำให้ทุกคนซุบซิบกัน ไม่มีอะไรจะมากไปกว่าเรื่อง ‘Romantic’ระหว่างซางหยูกับเสิ่นเผยซวน
ซูจ้านเอามือล้วงกระเป๋า แล้วก็ทักเด็กนักเรียนที่กำลังจะเดินสวนกัน “ขอถามหน่อยครับ ห้องครูประจำชั้นเด็กนักเรียนปี 1 อยู่ที่ไหนเหรอครับ?”
เด็กนักเรียนที่กระตือรือร้นชี้ไปที่อาคารสำนักงานที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก “ตรงนั้นค่ะ ชั้น 3 เดี๋ยวพอขึ้นไปแล้วก็จะเห็นเลย ตรงหน้าประตูมีป้ายเขียนอยู่”
“อ้อ ขอบคุณนะครับ”เขายิ้มและพูดคุยกับนักศึกษาคนนั้น “เมื่อกี้เหมือนกับว่าผมได้ยินพวกเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ กำลังพูดถึงเรื่องนักเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นใช่ไหม? ”
“ใช่ค่ะๆ คุณเองก็ได้ยินมาเหมือนกันใช่ไหม?” เด็กศึกษาผมสั้นคนหนึ่งพูดขึ้นมา และรีบพูดต่อทันที พอพูดถึงเรื่องซุบซิบเธอก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา “ตอนนี้เรื่องนี้มันแพร่ไปทั่วทั้งมหาลัยแล้ว ส่งผลกระทบอย่างมาก ไม่แน่ว่านักศึกษาคนนั้นอาจจะโดนไล่ออกก็ได้”
“ตอนนี้คนทั้งมหาลัยรู้แล้วเหรอ?”ซูจ้านยิ้ม “มันกลายเป็นงานอดิเรกหลังอาหารเย็นไปแล้วใช่ไหม?”
คำพูดของซูจ้านมันแฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง นักศึกษาพวกนี้ฟังออกว่ามีความถากถางอยู่ในคำพูดของเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเธอนั้นก็หุบลงในทันที
ซูจ้านแหงนหน้าขึ้นมองอาคารเรียนที่สง่างาม สภาพแวดล้อมที่หรูหรา มีชื่อเสียง แล้วเขาก็หัวเราะเยาะ “มหาลัยนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเท่าไหร่นะ ดูเหมือนกับว่าจะสอนนักศึกษาไม่ค่อยดี ในฐานะเป็นมหาลัยตัวเองยังไม่รู้จักปกป้อง ละอยากจะให้คนอื่นมาปกป้องอย่างนั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี”
พอพูดจบซูจ้านก็ก้าวเดินไปยังอาคารนั้น
นักศึกษาพวกนั้นหน้าแดงด้วยความอับอาย ความหมายของเขาก็คือ พวกเธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ว่าพอเห็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้นในมหาลัยกลับเห็นตัวเองเป็นคนนอก
ท่าทางการมองดูเรื่องตลกของพวกเขา มันดูไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ
นักศึกษาผมสั้นพูดอย่างดูถูก “ต่อให้พวกเราอยากจะปกป้องและบำรุงมหาลัยของเราขนาดไหน แต่ว่าในมหาลัยก็ต้องมีปลาเน่าอยู่ดี ที่ทำให้เหม็นไปทั้งบ่อ ถ้าเกิดว่าเป็นฉัน ฉันจะไล่ออก เชือดไก่ให้ลิงดู ดูซิว่าใครจะกล้าทำลายชื่อเสียงของมหาลัยอีก”
บางคนก็รู้สึกว่าเธอพูดถูก แต่บางคนก็คิดว่าพวกเขาเอาตัวเองเป็นใหญ่เกินไป ยังไงมันก็แค่รูปเพียงรูปเดียว ไม่แน่ว่ามันอาจจะมีความในใจซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้?
“ไปกันเถอะ”นักศึกษาคนหนึ่งกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ก็เลยออกปากเร่ง แล้วคนกลุ่มนั้นก็เงียบเชียบพร้อมกับเดินออกไปจากพื้นที่มหาลัย
ในตอนนี้เองซูจ้านก็หาห้องครูประจำชั้นนักศึกษาปี 1 เขายกมือขึ้นเคาะประตู แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านในอย่างรวดเร็ว “เข้ามา”
ซูจ้านผลักประตูเข้าไป มีโต๊ะทำงานหลายตัว แต่ว่ามีเพียงโต๊ะทำงานโต๊ะหลังสุดเท่านั้นที่มีคนอยู่ ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาใส่แว่น แม้ว่าจะนั่งอยู่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาตัวไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ ใบหน้าของเขาดูเข้มงวดเป็นพิเศษ ส่วนซางหยูก็ยืนก้มหน้าอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา
ซูจ้านเดินเข้ามา ครูประจำชั้นก็มองหน้าเขา “คุณเป็นใคร? ”
เขาชี้ไปที่ซางหยู “ผมมาหาเธอครับ”
พอได้ยินเสียงซางหยูก็เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นซูจ้าน แววตาที่ไร้วิญญาณของเธอก็กลับมามีชีวิตชีวาในทันที เธอถูกครูประจำชั้นเรียกมาที่ห้องทำงาน แล้วก็ดุเธอมาทั้งเช้าแล้ว เดิมทีเธออยากติดต่อเสิ่นเผยซวน อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
ซูจ้านคือเพื่อนของเขา เขาต้องดูอย่างแน่นอนว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ดังนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเธอรีบร้อนมาก
ครูประจำชั้นขมวดคิ้วเข้าหากัน มองหน้าซางหยูด้วยสีหน้าที่แย่มาก “เธอไม่มีญาติอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาเป็นใครกัน? ”
“ผมเป็นญาติห่างๆ ของเธอครับ”ซูจ้านเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ซางหยู เขามองครูประจำชั้นแล้วถามว่า “มหาลัยมีแผนการจัดการยังไงกับเรื่องนี้ครับ?”
ครูประจำชั้นขยับแว่น “เรื่องนี้ต้องประชุมเพื่อปรึกษาหารือกัน ผมมีความหวังกับนักศึกษาซางหยูคนนี้มาก คะแนนของเธอยอดเยี่ยมมาโดยตลอด เธอดีในทุกๆ ด้าน เรื่องนี้มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ และก็ผิดหวังเป็นอย่างมาก”
ซางหยูก้มหน้าลง มันไม่ใช่เพราะว่าเรื่องที่ตัวเองทำผิด แต่มันเป็นเพราะว่าเธอรู้สึกผิดต่อคุณครู ครูคนนี้ก็ดีกับเธอมาโดยตลอด แล้วเขาก็เป็นคนช่วยยื่นเรื่องทุนการศึกษาให้เธอด้วย
พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอกลัวว่าเรื่องทุนการศึกษาจะพังลง
แต่ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องเล็กสำหรับตอนนี้ เธอไม่อยากเสียการเรียน เธอรู้ดีว่าถ้าไม่มีใบปริญญา จะทำให้อนาคตเธอหางานได้ยากมาก ถ้าเกิดว่าไม่มีงานที่ดีหรือรายได้ มันก็ยากสำหรับเธอที่จะตั้งหลักปักฐานในเมืองนี้
“ครูคะ เชื่อใจหนูเถอะนะคะ หนูไม่ได้ไปทำเรื่องยุ่งวุ่นวายด้านนอกจริงๆ หนูแค่ถูกเพื่อนร่วมชั้นบังคับ เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ถึงได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไป”ซางหยูก้มหน้าพร้อมอธิบาย
ครูมีสีหน้ามืดมน “อารมณ์ชั่ววูบงั้นเหรอ? แค่อารมณ์ชั่ววูบก็ไม่ควรมี! เธอเป็นนักศึกษาปี 1 จะไปก่อเรื่องวุ่นวายข้างนอกได้ยังไงกัน? เรื่องนี้มันส่งผลกระทบต่ออนาคตของเธอ เธอไม่รู้หรือยังไง?”
ซางหยูกัดริมฝีปากของตัวเอง รู้ว่าตัวเองอธิบายได้ไม่ชัดเจน
เธอทำได้แค่ใช้น้ำเสียงที่อ้อน “คุณครูคะ ขอร้องล่ะค่ะ อย่าไล่หนูออกเลยนะ เพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัยนี้ได้ หนูทุ่มเทไปเยอะมากๆ หนูหวังว่าครูจะช่วยหนูพูดนะคะ”
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปแบบนั้น ครูก็ยังต้องรอดูก่อนว่าพวกด้านบนจะว่ายังไง” คุณครูถอนหายใจออกมา “ครูไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับเธอ นักเรียนจากสถานที่เล็กๆ หลายแห่งก็ทุ่มเทความพยายามมากมายเพื่อจะสอบเข้ามหาลัยนี้ได้เหมือนกัน ชีวิตด้านนอกมหาลัยนั้นมันน่าตื่นเต้นมาก นักเรียนบางคนก็เพิ่งจะได้เคยสัมผัสกับเมืองที่หรูหราเป็นครั้งแรก ถ้าอดทนต่อสิ่งล่อใจไม่ได้ ก็จะทำเรื่องผิดพลาดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ครูรู้สึกเสียใจมากกับเรื่องนี้ กับเธอก็เหมือนกัน เฮ้อ ถ้าเกิดว่าสามารถแก้ไขได้เร็วที่สุด และส่งผลกระทบน้อยที่สุด ครูจะช่วยเธอไปพูดกับพวกผู้ใหญ่ด้านบน”
“คุณว่าแบบนี้มันได้เหรอครับ?”ซูจ้านพูด “ผมหวังว่าทางมหาลัย จะสืบเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นให้ดี ผมเห็นรูปแล้ว ตอนนั้นมีนักเรียนอยู่หลายคน สืบก็ไม่น่าจะยาก ก่อนอื่นเราต้องสืบให้รู้เรื่องก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงจะแก้ปัญหาได้ คุณคิดอย่างนั้นไหมครับ?”
คุณครูพยักหน้า รู้สึกเห็นด้วย “ผมโกรธจนสับสนไปหมดแล้ว เฮ้อ เดี๋ยวผมจะติดต่ออาจารย์ใหญ่ ให้สืบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ยิ่งล่าช้า ก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะพัฒนากลายเป็นแบบไหน
“คุณครูครับ เรื่องด้านนอกพวกเราจะพยายามแก้ไขให้ได้อย่างสุดกำลัง ตอนนี้ผมพาเธอออกไปได้ไหมครับ?”ซูจ้านถาม
คุณครูมองไปที่ซางหยู สุดท้ายสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ซางหยู
ซูจ้านมีท่าทีจริงจังขึ้นมา ทำให้เกิดความรู้สึกน่าเชื่อถือ
“ได้ แต่ว่าต้องให้ผมติดต่อพวกคุณได้ตลอดเวลานะ”ถ้าเกิดว่าเจอเรื่องที่ต้องการพวกเขาขึ้นมา ติดต่อไม่ได้ก็จะเกิดเรื่องยุ่งยากอีก
“ถ้าอย่างนั้น ผมทิ้งเบอร์ผมไว้ให้แล้วกัน ถ้าเกิดว่าติดต่อซางหยูไม่ได้ก็โทรหาผมได้เลยครับ”ซูจ้านพูด
“ก็ได้”คุณครูส่งกระดาษและปากกาให้เขา ตอนที่ซูจ้านกำลังเขียนเบอร์ให้อยู่นั้น คุณครูก็พูดขึ้นมาว่า “ในเมื่อคุณคือญาติของเธอ ผมคิดว่าคุณต้องใส่ใจกับเธอมากขึ้น ถึงแม้ว่านักศึกษามหาลัยจะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ว่าประสบการณ์ในสังคมอย่างน้อย อาจจะโดนหลอกได้ง่าย”
“ผมจะระวังครับ”ตอนนี้ซูจ้านทำท่าทางเหมือนผู้ปกครอง “ขอบคุณคุณครูที่เป็นห่วงเธอนะครับ”
คุณครูโบกมือ “มันเป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
“ผมขอเสนอความคิดเห็นอย่างหนึ่งได้ไหมครับ? ”พอซูจ้านเขียนเบอร์เสร็จแล้ว ก็ส่งกระดาษให้คุณครูและอธิบายว่า “คือว่าแบบนี้ครับ เมื่อกี้ตอนที่ผมกำลังเดินมาหาคุณ ได้ยินนักศึกษากลุ่มหนึ่งของมหาลัยกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมคิดว่า ก่อนที่จะหยุดคนนอกนั้น ควรเริ่มที่ตัวเองก่อน ถ้าเกิดว่าพวกของเราเองยังเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุก แล้วพวกเราจะไปห้ามคนอื่นได้ยังไงกันครับ?”
คุณครูมองหน้าซูจ้าน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม รู้สึกว่าเขาคือคนที่พึ่งพาได้ สิ่งที่เขาพูดมันตรงประเด็นและมีเหตุผล
“ผมจะรีบรายงาน ไม่อนุญาตให้นักศึกษาคุยถึงเรื่องนี้อีก”
ซูจ้านพยักหน้าให้คุณครู แล้วก็พาซางหยูออกไป พอเดินออกมาจากห้องทำงาน ซางหยูก็ถามอย่างร้อนใจ “เขาเป็นยังไงบ้างคะ? ฉันได้สร้างความเดือดร้อนให้เขาไหม? ”
“เธอยังมีเวลาไปเป็นห่วงเขาอีกเหรอ? ไม่ได้คิดเลยเหรอว่าจะทำยังไงกับตัวเองต่อ ?”ซูจ้านรู้สึกประทับใจกับท่าทางของซางหยูในตอนนี