กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่524 เขาอยากมาสืบให้รู้ชัดไปเลย
ร้านกาแฟร้านนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว อยู่แถวๆย่านที่หลินซินเหยียนพักอยู่ รถขับมาถึงที่นี่ เขาจึงได้พบว่าแถวๆนี้เป็นร้านอาหารทั้งนั้นเลย เขาหันหน้าไปถามลูกสาว “อยู่ตรงไหน?”
จงเหยียนซีแนบเข้ากับหน้าต่าง สายตามองตรวจตราตรงข้างถนนไปมา
ในเวลานี้เอง จงจิ่งห้าวก็เห็นร้านนั้นที่ชื่อว่าปูขนอบหม้อดิน แต่ทว่า เขายังค้นพบอีกว่ารถที่กำลังจอดอยู่ที่หน้าร้านนั้น เป็นรถที่ก่อนหน้านี้เขาเห็นฉินยาขับออกมาก็คือคันนี้ นึกขึ้นมาได้ว่าหลินซินเหยียนกับฉินยาก็คงจะมาที่ร้านนี้ด้วยเหมือนกัน
ในตอนที่จงจิ่งห้าวกำลังคิดอยู่ว่าจะกล่อมลูกสาวให้เปลี่ยนร้านยังไงดีอยู่นั้นเอง กลับเห็นหลินซินเหยียนกับฉินยาเดินออกมาจากด้านใน
พวกเธอมากันเร็ว เมื่อถึงตอนเที่ยงคนเยอะพวกเธอก็กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ตรงจุดนี้มันจึงได้เป็นการที่ลูกค้าเริ่มแห่กันเข้ามาอย่างแท้จริงแล้ว
จงเหยียนซีเห็นหลินซินเหยียนก็ตะโกนว่าหม่ามี๊ออกไปเสียงดัง หน้าต่างรถไม่ได้ร่นลงมารถดีการกันเสียงก็ดีไปด้วย หลินซินเหยียนจึงไม่ได้ยินว่ามีใครเรียกเธอ
จงเหยียนเฉินดึงน้องสาวเอาไว้ “ลืมไปแล้วเหรอว่าแด๊ดดี้บอกว่าอะไร? พวกเราแอบมากัน จะให้หม่ามี๊รู้ไม่ได้”
จงเหยียนซีรู้ตัวขึ้นมาทันควัน หันหน้าไปมองพี่ชาย “ฉันลืมไปเลย”
จงเหยียนเฉินเหมือนกับจะชินกับนิสัย “เอาแน่เอานอนไม่ได้” จำพวกนี้ของน้องสาวไปแล้ว ก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลินซินเหยียนดึงประตูรถขึ้นรถไป เพียงไม่นานรถของพวกเธอก็ได้ขับออกไปจากที่จอดรถ
จงเหยียนซีซบลงไปที่หน้าต่างรถมองรถของหลินซินเหยียนขับผ่านตรงหน้าของเธอไป เบะปากออกมา เอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ที่ดิ่งลง “ถ้าสามารถให้หม่ามี๊รู้ได้จะดีมากเลย อย่างนี้แล้วพวกเราก็จะได้นั่งกินอยู่ที่นี่ด้วยกัน”
จงเหยียนซีนับวันจะยิ่งมีท่าทางของพี่ชายออกมาเรื่อยๆ ยื่นแขนออกไปกอดน้องสาวเอาไว้ ในใจคิดว่าพวกเขาจะต้องได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวแน่นอน
นี่เป็นหัวข้อเรื่องที่ไม่ดีเลยเรื่องนึง ตอนที่จงจิ่งห้าวใช้เวลาอยู่กับเด็กทั้งสองคน จึงไม่อยากไปคุยเรื่องนี้ ภายในใจของเขาเองก็ทุกข์ใจมากเช่นกัน
เขาขับรถมาจอดที่หน้าร้าน ลงมาดึงประตูด้านหลังออก อุ้มลูกสาวออกมา ลูกสาวตัวหนักอึ้ง โตขึ้นไม่น้อยเลย และก็ยังหนักด้วย
จงเหยียนเฉินไม่ต้องการให้คนอื่นมาดูแล ลงมาด้วยตัวเอง อันที่จริงจงเหยียนซีเองก็ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมาดูแล ตัวเองสามารถดูแลตัวเองได้ เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจงจิ่งห้าวแล้วเธอเคยชินกับการออดอ้อน ชอบเกาะติดเขา ชอบให้เขาอุ้มตน ถึงแม้ว่าตนจะเป็นเด็กที่โตแล้ว แต่ก็ยังชอบให้แด๊ดดี้อุ้มอยู่
ร้านอาหารไม่ได้ใหญ่มาก บรรยากาศเองก็ไม่เลวเลย เพียงแต่ในตอนนี้คนเยอะไปหน่อย ที่นั่งเห็นได้ว่าขาดแคลนอยู่บ้าง ดีที่ตรงมุมยังมีที่ว่างอยู่ที่หนึ่ง พวกเขานั่งลงที่ตรงนี้ จงเหยียนซีสั่งอาหาร มาที่นี่แน่นอนว่าจะต้องกินปูขนอบหม้อดินเมนูแนะนำของที่นี่อยู่แล้ว เธอสั่งโจ๊ก แล้วยังพูดกับจงจิ่งห้าวออกไป “หม่ามี๊ชอบอันนี้”
รสนิยมของหลินซินเหยียนชอบกินแบบจืดๆพอๆกับจงจิ่งห้าวเลย ต่างก็ชอบอาหารที่จืดชืดกันมากกว่า เดิมทีเด็กทั้งสองคนเองก็ตามรสนิยมของเธอไปด้วยเหมือนกัน ต่อมาในภายหลังถูกฉินยาพาออกมาหลายครั้ง เคยได้ลิ้มลองอาหารที่ค่อนข้างจะจัดจ้าน และก็ได้ค่อยๆชอบขึ้นมา
ตอนที่ได้ลองกินครั้งแรก จงเหยียนซีเกือบจะเผ็ดจนร้องไห้ออกมา
ความเผ็ดนี้ไม่ได้เผ็ดมาก เพียงแต่คนที่ไม่เคยกินมาก่อนจะรู้สึกว่าเผ็ด เมื่อกินจนชินแล้วก็จะไม่รู้สึกเผ็ดมาก
จงจิ่งห้าวยื่นมือออกไปลูบหัวของลูกสาวเบาๆ “อยากกินอะไรก็สั่งให้มากหน่อย”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยการเอาอกเอาใจ “กินเสร็จแล้ว หนูกินไอศกรีมสักหน่อยได้หรือเปล่า?”
ปกติแล้วหลินซินเหยียนจะไม่ให้เธอกินเยอะเกินไป บอกว่ามันเย็นเกินไปไม่ดีต่อกระเพาะ กินเยอะไปเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะท้องเสียได้ง่าย แต่ว่าฤดูร้อนก็ต้องกินไอศกรีมสิ
ไม่อย่างนั้นแล้วฤดูร้อนมันก็จะไม่สนุกเอามากเลย?
จงจิ่งห้าวหยิกคางของลูกสาวไป ใบหน้าเล็กของเด็กคนนี้ยืดออกมา ใบหน้านับวันจะเหมือนกับหลินซินเหยียนขึ้นเรื่อยๆ สวยมีชีวิตชีวา ตอนที่ยิ้มออกมาเหมือนกับพระจันทร์เสี้ยวก็ไม่ปาน แต่แก้มจมูกปากก็ยังเหมือนกับเขามากๆอีก
เขาพยายามที่จะพูดเหตุผลกับลูกสาว “หม่ามี๊ของลูกไม่ให้ลูกกิน เพื่อให้ลูกมีร่างกายที่แข็งแรง ลูกจะต้องเชื่อฟัง เพื่อร่างกายที่แข็งแรงพวกเราจะไม่กิน”
หน้าของจงเหยียนซีหงอยลงทันที ริมฝีปากเองก็ได้กดลงไป เอ่ยพูดพึมพำออกมา “อันที่หนูอยากกินมันก็ไม่ได้เยอะเลย หม่ามี๊ดูแลหนูเสียเข้มงวดขนาดนั้น แด๊ดดี้เองก็ต้องการจะกีดกันความสุขเล็กๆตรงจุดนี้ของหนูด้วยเหมือนกันเหรอ?”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้วออกมา “กินไอศกรีมก็มีความสุขแล้ว?”
“ใช่แล้ว กินสิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็คือความสุขแล้วไง” จงเหยียนซีลงมาจากเก้าอี้ ซบลงมาที่บนขาของเขา แก้มน้อยๆหนุนอยู่บนต้นขาของเขา ยื่นแขนไปกอดเอวของเอาไว้ ถึงแม้ว่าตรงช่วงเอวของจงจิ่งห้าวจะไม่มีไขมันส่วนเกิน แต่แขนของลูกสาวก็ไม่สามารถโอบล้อมรอบได้อยู่ดี มือเล็กดึงเสื้อของเขา ดึงจนยับยู่ยี่ “แด็ดดี้ แด๊ดดี้สนองความต้องการหนูหน่อยเถอะ หนูจะกินให้น้อยลงหน่อย ดีมั้ย”
ขอเพียงแค่จงเหยียนซีออดอ้อนเขา เขาแทบจะไม่มีแรงต้านทานเลย พูดปฏิเสธไม่ออก ทนเห็นใบหน้าเศร้าของเธอไม่ได้ เขาอุ้มลูกสาวขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง เอ่ยออกไปอย่างจนใจและทั้งตามใจไปด้วย “งั้นมันก็ช่วยไม่ได้ แต่ว่าต้องกินนิดเดียวนะ”
“ได้ค่ะ” จงเหยียนซีตอบรับออกมาอย่างมีความสุข ขอเพียงแค่ได้กินก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าจะได้กินน้อยหน่อยก็ไม่เป็นไร
ต่อมาอาหารมาเสิร์ฟ อาหารล้วนเป็นเมนูที่จงเหยียนซีมีทั้งหมดห้าหกอย่าง ตอนที่มาเสิร์ฟพนักงานเอ่ยออกมาว่า “ที่นี่มีบริการข้าวฟรี ถ้าต้องการสามารถเรียกฉันได้ตลอดเวลาค่ะ”
“พวกเราไม่เอา” จงเหยียนซีโบกมือปฏิเสธออกไป
ตอนที่เธอกินสิ่งนี้ ไม่ชอบกินข้าว แต่เพียงไม่นานก็นึกถึงพี่ชายกับพ่อขึ้นมาได้ เธอมองไปทางพวกเขา “พวกคุณจะเอามั้ย?”
จงเหยียนเฉินส่ายหน้า เขาไม่เอา อาหารพวกนี้ไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือเปล่า ปูขนอบหม้อดินอย่างนึงก็ชามใหญ่แล้ว ยัยนี่สั่งมาเป็นชุดใหญ่ที่สุด
ชุดปูขนอบหม้อดินของที่นี่มีสามแบบ ใหญ่กลางเล็ก สามารถเลือกตามจำนวนคนได้ พวกเขามีผู้ใหญ่หนึ่งคนเด็กสองคน ชุดเล็กไม่พอ ยัยนี่ก็ดันอยากได้ชุดใหญ่สุด
จงจิ่งห้าวเองก็ไม่เอาข้าวด้วยเหมือนกัน เขาอยากลองโจ๊กที่ลูกสาวบอกว่าหลินซินเหยียนชอบดู ยิ่งไปกว่านั้นอาหารเยอะขนาดนี้ คาดว่าคงจะไม่มีความอยากกินข้าวหรอก
ในตอนที่กินข้าวนั้น จงจิ่งห้าวตักโจ๊กมาชามนึง ละลายในปาก ข้าวฟ่างที่อยู่ด้านในก็ต้มจนเปื่อยมาก มีกุ้งที่มีรสชาติที่สดอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เลี่ยน อร่อยมาก
หลังจากที่เขากินโจ๊กไปชามนึงแล้ว เห็นลูกสาวกัดแทะจนมันเต็มหน้า คิ้วก็ขมวดออกมาเล็กน้อย ดึงกระดาษชำระออกมา เช็ดหน้าให้เธอ “พ่อปอกให้”
จงเหยียนเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา และก็ได้กินไปเต็มปากเต็มคำ “อันนี้มันต้องแทะกันเอาเองถึงจะได้รสชาติ”
ปูขนมีเปลือก นอกจากมันปูแล้วด้านในขาก็เป็นเนื้อทั้งนั้นเลย
“หนูไม่เอา หนูอยากให้แด๊ดดี้ปอกให้” ต่อหน้าจงจิ่งห้าว เธอก็คือ “ทารกน้อย” ที่ต้องการให้มีคนมาดูแล
จงเหยียนเฉินมองน้องสาว พลางเบ้ปากออกมา เขาจำได้ว่าคนที่บอกว่าแทะเองมันได้รสชาติมากกว่านั้นเธอเป็นคนพูดออกมาเอง ตอนนี้จู่ๆก็มาเปลี่ยนความคิดไปเสียนี่ เขาลอบคิดเงียบๆอยู่ในใจ หวังว่าในท้องของหลินซินเหยียนจะเป็นน้องสาว ไม่อย่างนั้นแล้ว คนที่ถูกโอ๋คนนี้จะไม่มีวันโตขึ้นอีกเลย
ถ้าหลินซินเหยียนคลอดลูกสาวอีกคน จะได้แบ่งการพะเน้าพะนอที่จงจิ่งห้าวมีต่อเธอไปบ้าง
อย่างนี้มันถึงจะได้ไม่ถูกตามใจจนเสียนิสัย
จงเหยียนเฉินอธิษฐานอยู่ในใจ หวังว่าเด็กที่หลินซินเหยียนตั้งท้องอยู่นั้นจะเป็นน้องสาว อย่างนี้แล้วจงเหยียนซีถึงจะมีโอกาสได้โตขึ้น ไม่อย่างนั้นต่อจากนี้ไปเมื่ออยู่ต่อหน้าจงจิ่งห้าวก็จะเป็นเด็กที่ไม่โตไปตลอด
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ก็ซื้อไอศกรีมให้กับพวกเขา กินไอศกรีมเสร็จเวลามันก็เหลือไม่เยอะแล้ว จงจิ่งห้าวส่งพวกเขากลับโรงเรียน ตอนที่เข้าประตูโรงเรียนมาจงเหยียนซีก็ถามออกมา “พรุ่งนี้แด๊ดดี้จะมาอีกหรือเปล่า?”
จงจิ่งห้าวบอกว่ามา เขาจะพักอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน
จงเหยียนซีดีใจมาก กอดหน้าของเขาจูบลงมาถึงจะเข้าโรงเรียนไปกับจงเหยียนเฉิน เพราะว่ากินข้าวด้วยกันกับพ่อ แล้วยังได้กินไอศกรีมอีก อารมณ์ดีมาก กระโดดโลดเต้นเดินออกไป
จงจิ่งห้าวยืนมองพวกเขาถูกคุณครูพาเข้าห้องเรียนไปอยู่ตรงหน้าประตู ถึงจะผันร่างขึ้นรถไปได้อย่างสบายใจ ตอนที่เขาสตาร์ทรถโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ได้ดังขึ้นมา เป็นสายของซูจ้านที่โทรเข้ามา ก่อนหน้านี้ปิดเครื่องไปเป็นเพราะว่าเขาอยู่บนเรื่องบิน โทรศัพท์เลยปิดเครื่อง
หลังจากที่มาถึงเมืองCแล้วโทรศัพท์ของเขาก็ปิดเครื่อง กวนจิ้งต้องการจะรายงานเรื่องงานกับเขา ไม่มีใครติดต่อเขาได้
วันนั้นซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนอยู่ที่บริษัทกันครึ่งวัน ตอนเย็นเจอกวนจิ้ง ถึงได้รู้ว่าเขาหนีไปอีกแล้ว ไม่ได้อยู่ที่เมืองB
จงจิ่งห้าวไม่ตั้งใจจะปิดบัง วันนั้นตอนที่รับสายที่ประเทศY เสิ่นเผยซวนกับซูจ้านต่างก็ได้ยินเมืองCกันแล้ว กวนจิ้งเองก็รู้เหมือนกัน เพราะว่าเขาเป็นคนซื้อตั๋วให้เขา
“นายอยู่ที่ไหน?” ซูจ้านอ้าปากมาก็ถามออกมาทันที
เสิ่นเผยซวนงานยุ่ง บวกกับเรื่องครั้งนี้ ยิ่งต้องแสดงตัวออกมาให้ดีๆอีก ไม่มีเวลาออกมา เขาอยู่คนเดียวเบื่อมาก เลยอยากมาหาจงจิ่งห้าว
ถึงยังไงสำนักงานของเขาก็ไม่ต้องไปยุ่งอยู่แล้ว มีเวลาว่างเหลือเฟือ เขาอยากมาสืบให้รู้ไปเลยว่าจงจิ่งห้าวเจอหลินซินเหยียนแล้วจริงๆหรือเปล่า
เขาอยากจะถามหลินซินเหยียนเกี่ยวกับเรื่องของฉินยาอยู่พอดี เลยมาเมืองCด้วยเลย