กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม - บทที่527 ขอเพียงแค่เธอยอมเจอฉัน
เพียงไม่นานประตูห้องก็เปิดออกมาจากด้านใน เป็นจงจิ่งห้าวที่เป็นคนเปิดประตู เห็นเขาจงเหยียนซีก็เข้ามากอดขาเขาทันที พลางเงยหน้าเอ่ยเรียกเสียงหวานออกมา “แด๊ดดี้”
สำหรับลูกสาวแล้วจงจิ่งห้าวไม่อาจต่อต้านได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอเรียกว่าแด๊ดดี้ ใจทั้งใจมันพลุ่งพล่านขึ้นมา
เขาโน้มตัวอุ้มลูกสาวขึ้นมา แล้วพูดกับฉินยาออกไป “เข้ามาเถอะ วันนี้ฉันเลี้ยง อยากกินอะไรสั่งได้ตามสบาย”
“งั้นฉันไม่เกรง…” คำพูดยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ เธอก็เห็นว่าในห้องยังมีอีกคนอยู่ด้วย คำสุดท้าย ได้ติดอยู่ในลำคอพูดไม่ออกไปเสียดื้อๆ
สายตาเคลื่อนมองไปยังจงจิ่งห้าวไปทันที เหมือนกับกำลังถามอยู่ว่านี่มันเรื่องอะไร?
ทำไมซูจ้านถึงอยู่ด้วย?
“เขามาเอง” จงจิ่งห้าวก็ได้อธิบายออกมาคำนึง เดิมทีเขาไม่ได้พูดอะไรไปเลย
ฉินยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซูจ้านที่นั่งไร้วิญญาณมาโดยตลอด เห็นว่าพวกเขาไม่เข้ามาอยู่นาน จึงเงยหน้าขึ้นไปมองพวกเขา ตอนที่เห็นฉินยาก็นิ่งอึ้งไปสักพักนึง “เอ๊ะ เธอคือผู้หญิงคนที่งานนิทรรศการเมื่อวันนั้นไม่ใช่เหรอ?”
ฉินยาผ่อนคลายอารมณ์ไปช้าๆ เดินเข้าไปอย่างสงบเยือกเย็น เหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาเลยก็ไม่ปาน ดึงเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะออกแล้วนั่งลงไป
เธอหยิบเมนูขึ้นมาพร้อมถามออกมา “สั่งอาหารได้หรือยัง?”
ยังไม่มีใครพูดอะไรกันเลย จงเหยียนซีก็พูดออกมาก่อนว่า “คุณน้าเยี่ยนเยี่ยน สั่งได้ตามสบายเลย แด๊ดดี้ของหนูเลี้ยง”
จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวนั่งลง หยิกแก้มเธอไปเบาๆ เด็กสาวยิ้มออกมาเผยให้เห็นฟันขาวเรียงสวยออกมา “แด๊ดดี้ตกลงมั้ย?”
“แล้วแต่ลูกเลย” จงจิ่งห้าวเอ่ยยิ้มๆออกมา
คำพูดของลูกสาวสำหรับเขามันก็คือราชโองการที่ได้ผลดีมาก
ฉินยาเปิดเมนูอาหารไปตามอารมณ์ “งั้นฉันไม่เกรงใจแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องเกรงใจ คุณน้าสั่งเมนูที่คุณน้าชอบให้มากๆหน่อย คุณน้าเยี่ยนเยี่ยนดูแลพวกเราเหนื่อยมาก ต้องกินให้เยอะๆหน่อย” ในตอนนี้ปากของจงเหยียนซีหวานเหมือนกับทาน้ำผึ้งมา หวานเสียไม่ไหวแล้ว
บรรยากาศภายในห้องแปลกๆไปบ้าง ซูจ้านพิงเข้ากับเก้าอี้ สายตามองสำรวจระหว่างฉินยากับจงเหยียนซีไปมา
เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ชื่อว่าฉินเยี่ยนเยี่ยนอยู่ข้างๆหลินซินเหยียนมาก่อน
นอกจากฉินยาแล้ว ก็มีไอรอน แต่ตอนนี้เพราะว่าร้านเสื้อผ้าปิดไปแล้ว ไอรอนกลับประเทศA
งานนิทรศการเมื่อวันนั้นพูดถึงผ้าไหมกวางตุ้ง เขานึกโยงไปได้แค่เพียงหลินซินเหยียนด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยัน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าผ้าไหมกวางตุ้งกับหลินซินเหยียนจะมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง งานนิทรรศการงานนั้นก็คงจะเป็นเธอที่เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นมา เพียงแต่ไม่ได้เผยโฉมหน้าออกมา
อย่างนั้นแล้วปัญหามาแล้ว
เธอเป็นใคร?
ฉินเยี่ยนเยี่ยน ฉินยา ต่างก็แซ่ฉิน?
เป็นความบังเอิญ หรือว่า…ดูเผินๆจะดูเหมือนเปอร์เซ็นต์ที่จะบังเอิญไม่ได้สูงเลย เหมือนกับฉินยาเปลี่ยนชื่อเสียมากกว่า
ฉินเยี่ยนเยี่ยนรู้จักกับหลินซินเหยียน สนิทสนมกับเด็กทั้งสองคน นี่บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าเป็นฉินยา
จงเหยียนเฉินเป็นเด็กที่ฉลาดเป็นกรดคนหนึ่ง มองออกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ คนที่นี่ต่างก็รู้ว่าคุณน้าเยี่ยนเยี่ยนคือฉินยากันทั้งนั้น แต่ซูจ้านไม่รู้
แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาเคยทำร้ายฉินยา ทำร้ายจนเธอต้องเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หน้าตา เปลี่ยนเสียงพูด ก็ไม่อยากจะบอกความจริงกับเขาแล้ว
คิดอยากจะตามง้อคุณน้าเยี่ยนเยี่ยน เขาจะต้องแสดงความจริงใจทั้งหมดออกมา
คิ้วของซูจ้านย่นเข้าหากันกลายเป็นกลุ่มก้อนปูดออกมา จนถึงตอนนี้ เขาถึงได้รู้ตัวว่าดินเนอร์นี้ที่จงจิ่งห้าวได้วางแผนจัดการขึ้นมามันผิดปกติ
ถึงแม้ว่าเขาจะโง่แค่ไหน ความเชื่อมโยงกันนี้ก็ต้องทำให้เขาคิดมากขึ้น
เขายับยั้งความพลุ่งพล่านภายในใจเอาไว้ ตีหน้านิ่งพยายามตีสนิทกับจงเหยียนซี พยายามให้เด็กน้อยหลุดพูดความจริงออกมา ที่ตรงนี้จงเหยียนซีไร้เดียงสาที่สุด จัดการได้ง่าย
“เสี่ยวลุ่ย ยังรู้จักคุณอาซูอยู่หรือเปล่า? พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลย คิดถึงอามั้ย?”
เกี่ยวกับเรื่องที่เด็กทั้งสองคนเปลี่ยนชื่อนั้น จงจิ่งห้าวไม่ได้ตั้งใจจะพูดมาก่อน ซูจ้านก็เลยไม่รู้เลยว่าชื่อของพวกเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
เหมือนกับเป็นเพราะว่าจงจิ่งห้าวเรียกเธออย่างนี้ เธอก็เลยไม่ได้ต่อต้านออกไป เพราะถึงยังไงเมื่อก่อนก็เรียกกันมานานแล้ว และก็เคยชินกับคำเรียกนี้ไปแล้ว
จงเหยียนซีโอบรอบลำคอของจงจิ่งห้าว หันหน้าไปเอ่ยเอ่ยยิ้มๆกับเขา “แน่นอนว่าจำได้อยู่แล้ว”
“แล้วคิดถึงอามั้ย?” ซูจ้านโน้มหน้าเข้ามา คิดอยากจะตีสนิทกับเธอ
จงเหยียนซีส่ายหน้าออกมา “หนูคิดถึงแด๊ดดี้”
ในตอนที่พูด ก็ยังเข้าไปจูบลงบนใบหน้าของจงจิ่งห้าวอีกทีนึง ตอนนี้โตแล้ว รู้ว่าจู๋ปาก จะต้องไม่แทะจนทำให้น้ำลายไหลเปื้อนไปทั้งหน้า
จงจิ่งห้าวเช็ดมุมปากให้กับลูกสาว ชินกับที่เมื่อก่อนตอนที่จูบลูกสาวมักจะมีน้ำลายไหลออกมา จึงต้องเช็ดให้เธอ จนกลายเป็นการกระทำที่เป็นไปโดยสัญชาตญาณไปแล้ว
ซูจ้าน “…”
เด็กคนนี้ยังคุยกับคนเขาได้อยู่หรือเปล่า?
“หนูไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเลย เมื่อก่อนตอนอยู่ที่ไป๋เฉิงล้วนแล้วจะเป็นอากับน้าฉินยาที่เป็นคนดูแลหนู ลืมไปแล้ว?”
ในยามที่พูดออกไปนั้นเอง สายตาของซูจ้านก็ได้มองไปทางฉินยา บนใบหน้าของฉินยาไม่มีการเปลี่ยนแปลงออกมาเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับไม่รู้เลยสักนิดว่าซูจ้านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
ซูจ้านจงใจเอ่ยขึ้นมา ถ้าเธอคือฉินยา จะต้องมีสีหน้าที่ผกผันออกมาอย่างแน่นอน เพราะถึงยังไงที่ไป๋เฉิงพวกเขาก็ไปไหนมาไหนอยู่ด้วยกัน
นั่นเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลยที่หนึ่ง
แต่ว่าเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าบนใบหน้าของฉินยาไม่มีสีหน้าที่เขาคาดหมายเอาไว้
“ไม่ลืม” จงเหยียนซีตอบออกมาด้วยความจริงจัง
ซูจ้านไม่ท้อเลย เตรียมที่จะถามออกไปต่อ
“คุณอาซูอยากสืบหาเบาะแสของคุณน้าฉินยาล่ะมั้ง” จู่ๆจงเหยียนเฉินก็พูดแทรกออกมา
ในนาทีนั้นเองสายตาของทุกคนต่างก็พากันทอดมองไปยังเขา มีทั้งที่ชอบ และมีคนตื่นกังวลด้วยเหมือนกัน และก็ยังมีคนที่คอยเป็นผู้ชม
คนที่ชอบใจก็คือซูจ้าน ได้ยินคำพูดนี้เหมือนกับที่เขาต้องการจะพูดออกไป จึงได้รีบเอ่ยออกไปทันที “ใช่แล้ว หนูรู้หรือเปล่า?”
“รู้สิครับ” จงเหยียนเฉินจงใจพูดแทรกออกมา เพราะกลัวว่าน้องสาวจะหลุดปากพูดออกไป เด็กคนนี้ไม่มีสมอง ไม่แน่ว่าซูจ้านถามมาอีกสองสามคำก็จะหลุดเรื่องที่ว่าคุณน้าเยี่ยนเยี่ยนคือฉินยาออกมาแล้ว
ฉินยาที่นั่งอยู่ข้างๆจงเหยียนเฉินอยู่ไม่สุขขึ้นมา ความสงบนิ่งที่แสร้งแสดงออกมา ในที่สุดมันก็ได้ปรากฏรอยร้าวออกมาทีละนิดๆ
เธอมีอารมณ์ที่ผันผวนขึ้นมา ไม่ใช่เพราะปล่อยวางจากซูจ้านไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าไม่ยอมให้มามีความเกี่ยวข้องกับเธออีก อย่างที่จงเหยียนเฉินพูดไป เธอได้เกิดใหม่แล้ว ในโลกของการเกิดใหม่ ไม่มีผู้ชายที่ชื่อว่าซูจ้านคนนี้
เธอจับมือของจงเหยียนเฉินเอาไว้จากใต้โต๊ะ กุมเอาไว้แน่น หวังว่าเขาอย่าได้พูดออกไป
จงเหยียนเฉินตบลงไปบนหลังมือของเธอไปนิ่งๆ ใบหน้ากลับมองไปที่ซูจ้าน “คุณอาทำร้ายน้าฉินยาเสียขนาดนั้นแล้ว ทำร้ายคุณน้าเสียน่าสงสารมาก ถึงแม้ว่าผมบอกคุณอาไปว่าคุณน้าอยู่ที่ไหน แต่ว่าคุณน้าจะยกโทษให้คุณอาได้เหรอ?”
ซูจ้านยืดคอตั้งตรง มีเส้นเลือดสีแดงรวมกันอยู่ที่ตรงกลางรูม่านตา เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่อยู่ในลำคอ “อารู้ว่าอาผิดไปแล้ว ขอเพียงแค่เธอยอมเจออา จะให้อาทำอะไรก็ได้”
ตอนที่เขาพูด ไม่ได้มองไปทางฉินยา แต่คำพูดนี้ก็เหมือนกับพูดกับเธอ
“งั้นคุณอายินดีแสดงความจริงใจออกมาหรือเปล่า?” จงเหยียนเฉินถามออกมาอีกครั้ง
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูจ้านไม่มีลังเลเลยแม้แต่น้อย
ถ้าฉินยาต้องการชีวิตของเขา เขาก็จะให้
ขอเพียงแค่เธอยอมยกโทษให้กับเขา ให้โอกาสเขาสักครั้ง
ถ้าจงเหยียนเฉินสามารถได้ยินเสียงที่อยู่ภายในใจของซูจ้านได้ จะต้องแขวะเขาออกมาอย่างแน่นอน ชีวิตไม่เหลืออยู่แล้ว ยกโทษให้ไป ให้โอกาสไปมันจะยังมีประโยชน์อะไรอีก?
ในตอนนั้นเองพนักงานก็ได้เคาะประตูเข้ามา ยกอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟ ของที่ฉินยาสั่งไปไม่ได้เยอะ แต่แพงทั้งนั้น ไม่ว่ายังไงก็มีมูลค่าหลายหมื่นหยวนได้เลย
ตอนที่ฉินยารู้ว่าจงเหยียนเฉินไม่มีทางจะพูดสถานะของตนออกไปกับซูจ้าน ในใจก็โล่งใจขึ้นมา ใบหน้าก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม
เธอมองไปทางจงจิ่งห้าว “อาหารที่ฉันสั่งไป ถูกปากหรือเปล่า?”
ในใจคิด นายยังน่าเชื่อถือไม่ได้เท่าลูกชายของนายเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกซูจ้านไปอย่างชัดเจน แต่ก็กำลังแสดงแบบเลี่ยงๆออกมา
จงจิ่งห้าวยิ้มออกมา “ขอแค่เธอพอใจ ก็สั่งได้ตามสบาย”
อืม เป็นเขาที่ไม่จริงใจเอง ให้เขาใช้เงินเพื่อกำจัดความหายนะไปเลยก็ได้
“ขอถ้วยอย่างนี้ให้ผมสักถ้วยได้หรือเปล่า?” จงเหยียนเฉินชี้ไปที่ถ้วยซุปพอร์ซเลนสีขาวถ้วยนั้นที่ตักมาใส่น้ำซุป ทั้งสองข้างมีหูจับขนาบข้าง บนปากถ้วยเป็นจีบเป็นรูปดอกไม้ ขอบทองปิดเอาไว้ รูปแบบหรูหราที่จับต้องได้
จงเหยียนเฉินคิดว่าหูจับทั้งสองข้างน่าสนใจ
“พี่ชายพี่จะเอาถ้วยไปทำอะไร?” จงเหยียนซีมองเขาไปอย่างไม่เข้าใจ
จงเหยียนเฉินสงบนิ่งอย่างมาก “เธอมองให้ดีสิ หูจับของถ้วยน้ำซุปถ้วยนี้เหมือนหูหมูหรือเปล่า?”
อันที่จริงนี่เป็นภาชนะที่วิจิตรงดงามอันนึงเลย ถูกจงเหยียนเฉินพูดมาอย่างนี้ มองดูดีๆก็เหมือนอยู่หลายส่วนเหมือนกัน
“เอามาสักใบไม่ได้เลยเหรอ?” ฉินยามองไปทางพนักงานพลางถามออกไป เขานึกว่าจงเหยียนเฉินก็แค่อยากรู้อยากเห็น อยากจะเล่น ไม่ได้รู้เลยว่าในใจของเขากำลังข่มกลั้นอารมณ์อยู่น่ะ
“ได้ คุณรอแป๊บนึงนะคะ ฉันจะไปเอามาให้เดี๋ยวนี้”
เพียงไม่นานพนักงานก็เอาถ้วยมา หลังจากที่เอาถ้วยให้ฉินยาแล้ว ก็ออกจากห้องไป
จงจิ่งห้าวเหลือบมองซูจ้านไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอยให้จับได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ลูกของเขา เขาค่อนข้างจะรู้จักดีเลยทีเดียว กลัวว่าจะซ่อนแผนร้ายอยู่ในใจ เตรียมจัดการซูจ้านนี่สิ
แต่ก็ดีแล้ว ให้ฉินยาขจัดความโกรธลงไปหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะยกโทษให้เขาก็ได้
ฉินยาส่งถ้วยไปให้จงเหยียนเฉิน “เธอชอบถ้วยใบนี้เหรอ? วันหลังพวกเราค่อยซื้อถ้วยใส่ซุปมาใช้กันสักใบ”
จงเหยียนเฉินพยักหน้าออกมา “ได้สิฮะ อันนี้รูปทรงที่สร้างออกมามันพิเศษมากเลย”
พูดไปเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมองไปยังซูจ้าน “คุณอาซู คุณอาอยากรู้เบาะแสของน้าฉินยาจริงๆหรือเปล่า?”
ซูจ้านพยักหน้าออกมารัวๆ “ใช่”
“ผมบอกคุณอาก็ได้ แต่คุณอาต้องแสดงความจริงใจของคุณอาออกมา” จงเหยียนเฉินเอ่ยออกมา
ซูจ้านสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา มองถ้วยตรงหน้าเขา “เธอต้องการให้อาแสดงความจริงใจออกมายังไง?”